ตอนที่ 741 น้ำหนัก
“ฉินเซียนเซิงเคยเอ่ยถึงเรื่องซ่อมแซมเขื่อนกับเราแล้ว ฉินเซียนเซิงมีแผนการซ่อมแซมเขื่อนอย่างละเอียด เรากำลังพิจารณาอยู่”
ฉินซ่างจื้อวางแผนการซ่อมแซมเขื่อนไว้อย่างละเอียดมาก ทว่า องค์รัชทายาทมีเรื่องต้องทำมากมายจึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“ดีแล้วเพคะ ตอนนี้องค์รัชทายาททรงงานแทนฝ่าบาท มีเรื่องต้องจัดการมากมาย อาจดูแลได้ไม่ครบทุกเรื่อง มีคนคอยเตือนองค์รัชทายาทถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของพระองค์เพคะ” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้องค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทอยู่ที่จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วต่อเพียงครู่เดียว จากนั้นจึงกลับไปเรียกฟางเหล่า ฉินซ่างจื้อและเริ่นซื่อเจี๋ยไปพบในห้องตำรา
เขาต้องการปรึกษาเรื่องสำคัญสองเรื่อง…
เรื่องแรกคือเรื่องการซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหอ ฉินซ่างจื้ออารมณ์ดีมาก ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในจวนองค์รัชทายาท มีไม่กี่ครั้งที่องค์รัชทายาทจะทำตามคำแนะนำของเขา ครั้งนี้องค์รัชทายาทเรียกพวกเขามาปรึกษาเรื่องนี้แสดงว่าตกลงจะซ่อมแซมเขื่อนแล้ว
เริ่นซื่อเจี๋ยค่อนข้างเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ในสายตาของเริ่นซื่อเจี๋ย ต้าเยี่ยนมีความสามารถที่จะขึ้นเป็นใหญ่เหนือแคว้นอื่นได้ วันหน้าต้าเยี่ยนจะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ตอนนี้ต้าจิ้นยินดีลงแรงและทรัพยากรซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหอให้ เริ่นซื่อเจี๋ยย่อมชอบใจเป็นธรรมดา
“ฟางเหล่ามีความเห็นเช่นไร” องค์รัชทายาทเอ่ยถามฟางเหล่า
ฟางเหล่ามองไปทางฉินซ่างจื้อแวบหนึ่ง จากนั้นลูบเคราของตัวเองยิ้มๆ “การซ่อมแซมทางน้ำถือเป็นประโยชน์ต่อแคว้นและชาวบ้านต้าจิ้น กระหม่อมย่อมเห็นด้วยอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อฉินเซียนเซิงเป็นคนเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา กระหม่อมเห็นว่าเขาวางแผนขั้นตอนทุกอย่างอย่างละเอียดและเป็นลำดับขั้นดี อีกทั้งเลือกผู้เชี่ยวชาญที่จะมาทำหน้าที่ซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหอไว้แล้ว องค์ชายไม่สู้มอบหมายเรื่องนี้ให้ฉินเซียนเซิงเป็นคนจัดการดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อเห็นองค์รัชทายาทขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด ฟางเหล่าจึงกล่าวต่อ “แต่ไรมางานเหล่านี้ล้วนเป็นงานที่มักมีการฉ้อโกงเงินเกิดขึ้น ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้อาจเกิดความโลภขึ้นมา ทว่า ฉินเซียนเซิงเป็นคนซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา มีฉินเซียนเซิงอยู่ องค์ชายจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีการยักยอกเงินเกิดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
ฟางเหล่าอยากถือโอกาสนี้ไล่ฉินซ่างจื้อไปไกลๆ ขอเพียงฉินซ่างจื้อไม่อยู่ในเมืองหลวง ไม่ได้อยู่ในจวนองค์รัชทายาท ฟางเหล่าจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงมาคอยหวาดระแวงฉินซ่างจื้ออีก
เมื่อฉินซ่างจื้อได้ยินเช่นนี้จึงรับรู้เจตนาของฟางเหล่าขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นยืนโค้งกายคำนับองค์รัชทายาท “หากองค์ชายเชื่อใจกระหม่อม ฉินซ่างจื้อจะจัดการเรื่องนี้ให้ที่ดีสุดพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี!” องค์รัชทายาทพยักหน้า “พรุ่งนี้เช้าเราจะทูลเรื่องนี้กับเสด็จพ่อ”
เมื่อองค์รัชทายาทเสนอเรื่องการซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหอขึ้นในราชสำนักก็ได้รับการสนับสนุนจากหลู่เซียงทันที หลู่เซียงกล่าวว่าควรระงับการสร้างหอบูชาเก้าชั้นไว้ก่อนแล้วนำเงินและกำลังคนมาซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหอแทน
ทว่า องค์รัชทายาทไม่เห็นด้วย เขากล่าวว่าการสร้างหอบูชาเก้าชั้นเพื่อขอพรให้แคว้นสำคัญพอๆ กับการสร้างเขื่อนกว่างเหอ ไม่อาจรอช้าได้ ฮ่องเต้เห็นด้วยกับความคิดขององค์รัชทายาทจึงสั่งให้องค์รัชทายาททำตามนี้ได้เลย
เมื่อองค์รัชทายาทเห็นฮ่องเต้อารมณ์ดี เดิมทีเขาตั้งใจจะบอกเรื่องที่เหลียงอ๋องสั่งให้หลี่หมิงรุ่ยช่วยหวังชิวลู่ออกมาจากคุกให้ฮ่องเต้ทราบเลย ทว่า เมื่อนึกถึงถ้อยคำที่หงเหมยกล่าวกับเขาบนเตียง องค์รัชทายาทไม่อยากขัดอารมณ์ของฮ่องเต้ จึงไปพบฮ่องเต้ที่ตำหนักหลังว่าราชการตอนเช้าเสร็จแทน เขารายงานเรื่องที่เหลียงอ๋องบังคับให้หลี่หมิงรุ่ยช่วยหวังชิวลู่ออกมาจากคุกให้ฮ่องเต้รับรู้เพราะกลัวว่าเหลียงอ๋องอาจคิดวางแผนทำสิ่งใดขึ้นมาอีก
เมื่อฮ่องเต้ฟังจบก็เงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นเงยหน้ามององค์รัชทายาทด้วยแววตาที่ขุ่นมัวเล็กน้อย “เจ้าเรียกหลู่จิ้นไปด้วยอย่างนั้นหรือ”
องค์รัชทายาทรีบก้มศีรษะคำนับฮ่องเต้ “ก่อนหน้านี้หลี่หมิงรุ่ยใส่ร้ายองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ลูกจึงตามหลู่จิ้นมาสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ ลูกไม่คิดว่าเมื่อหลี่หมิงรุ่ยมาถึงเขาจะดึงเหลียงอ๋องเข้ามาเกี่ยวข้อง ทว่า ลูกกำชับกับหลู่จิ้นไม่ให้เขาแพร่งพรายเรื่องนี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ควันขาวจากกระถางธูปหอมทรงดอกบัวเคลือบทองที่วางอยู่บนโต๊ะไม้กฤษณาข้างกายของฮ่องเต้ค่อยๆ ลอยอบอวลขึ้นในอากาศ
หากองค์รัชทายาทตั้งใจดึงหลู่จิ้นเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อทำลายเหลียงอ๋อง เขาคงบอกเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคนในราชสำนักตอนว่าราชการตอนเช้าแล้ว ทว่า เขากลับรอให้เลิกว่าราชการตอนเช้าก่อนแล้วค่อยนำเรื่องนี้มาบอกให้พ่ออย่างเขารู้ แสดงว่าในใจขององค์รัชทายาทยังมีพ่ออย่างเขาอยู่
ฮ่องเต้จ้องไปที่ฉากกั้นสีใสนิ่ง นึกถึงภาพที่เหลียงอ๋องนั่งคุกเข่าร้องไห้อ้อนวอนขอร้องเขาขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเองแก่แล้วหรือไม่ เขาถึงได้ใจอ่อน จัดการกับเหลียงอ๋องขั้นเด็ดขาดไม่ลงเสียที
“ยังมีเรื่องของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าด้วยพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทเงยหน้ามองฮ่องเต้ที่นั่งไขว้ห้าง เอนกายใช้ศอกข้างหนึ่งยันศีรษะพิงหมอนอิงอยู่บนเก้าอี้สีเหลืองขมิ้นแวบหนึ่ง จากนั้นหยิบจดหมายที่ไป๋จิ่นซิ่วมอบให้เขาเมื่อวานออกมาจากอกพลางชูขึ้นเหนือศีรษะ “ที่หลี่หมิงรุ่ยต้องการใส่ร้ายองค์หญิงเจิ้นกั๋วเพราะเขารู้ว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วสืบพบจดหมายลายมือของหลี่เม่าที่เขียนถึงองค์ชายรองในตอนนั้นพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นองค์หญิงเจิ้นกั๋วจึงนำจดหมายเหล่านี้มายังเมืองหลวง ทว่า นางยังไม่ได้ให้ท่านราชครูถานและโซ่วซานกงพิสูจน์ลายมือในจดหมายว่าเป็นของจริงหรือไม่จึงไม่ได้มอบให้ลูกพ่ะย่ะค่ะ หลี่หมิงรุ่ยรู้เรื่องนี้จึงคิดจะใช้เรื่องของหวังชิวลู่บั่นทอนความเชื่อใจของเสด็จพ่อและลูกที่มีต่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ หลี่หมิงรุ่ยสารภาพเรื่องนี้ออกมาจากปากของเขาเองเลยพ่ะย่ะค่ะ”
เกาเต๋อเม่าขันทีข้างกายของฮ่องเต้เตรียมก้าวเข้าไปรับจดหมายจากมือองค์รัชทายาท ทว่า ฮ่องเต้ยกมือห้ามไว้เสียก่อน เกาเต๋อเม่าที่ถือพู่ไว้ในมือจึงรีบถอยกลับไปยืนด้านหลังฮ่องเต้เช่นเดิม
“เหตุใดจึงเป็นองค์หญิงเจิ้นกั๋วอีกแล้ว นางร่างกายไม่แข็งแรงไม่ใช่หรือ เหตุใดนางไม่พักรักษาตัวอยู่ที่ซั่วหยาง เหตุใดจึงมาเมืองหลวงอีก” ฮ่องเต้ไม่สบอารมณ์ ขอเพียงมีไป๋ชิงเหยียนอยู่ มักจะเกิดเรื่องที่ทำให้เขาหงุดหงิดใจทุกครั้งไป ฮ่องเต้รู้สึกหงุดหงิดมาก “ช่างเถิด ขอให้เรื่องนี้จบลงแค่นี้ เรารู้เรื่องของหลี่เม่าและองค์ชายรองในตอนนั้นดี เราไม่อ่านจดหมายเหล่านั้นแล้ว เราจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น เจ้าจงจัดการกบฏผู้นั้นให้เรียบร้อย…”
“พ่ะย่ะค่ะ!” องค์รัชทายาทก้มศีรษะคำนับฮ่องเต้ เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อยังต้องการไว้ชีวิตเหลียงอ๋องอยู่ โชคดีที่เขาไม่ได้กล่าวเรื่องนี้ออกไปตอนออกว่าราชการตอนเช้า
“สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการสอบชุนเหวย เจ้าดูแลจัดการให้ดีๆ อย่าให้เกิดเรื่องขึ้นอีกเด็ดขาด!” ฮ่องเต้โบกมือให้องค์รัชทายาท “เจ้าจงไปบอกให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วพักผ่อนไป อย่าหาเรื่องให้เราหงุดหงิดใจอีก!”
เขานึกถึงเหตุการณ์ที่กลองเติงเหวินดังขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เกิดการทุจริตในการสอบขุนนางขึ้นจนต้องจัดสอบใหม่อีกครั้ง ช่างวุ่นวายเสียจริง
องค์รัชทายาทรับคำแล้วเดินออกมาจากตำหนักของฮ่องเต้ ทว่า เขาบังเอิญพบกับราชครูเทพที่กำลังนำยาวิเศษมามอบให้เสด็จพ่อเข้าพอดี
แม้องค์รัชทายาทจะไม่ชอบราชครูเทพผู้นี้ ทว่า บัดนี้ราชครูเทพเป็นที่โปรดปรานของเสด็จพ่อ องค์รัชทายาทจึงไม่ได้วางมาดต่อหน้าราชครูเทพ เขาเอ่ยถามถึงอาการป่วยของเสด็จพ่อเล็กน้อย จากนั้นจึงจากไป
วันนี้คือวันสอบขุนนางวันแรก
ฉินหล่างสวมเครื่องแต่งกายเรียบร้อย เขาจัดแขนเสื้อของตัวเองพลางหันหน้าไปมองไป๋จิ่นซิ่วที่กำลังอุ้มวั่งเกอตรวจสอบสัมภาระของเขาอยู่กับชุ่ยปี้ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นอ่อนโยนเต็มใบหน้า
ฉินหล่างเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างกายไป๋จิ่นซิ่วยิ้มๆ อุ้มวั่งเกอมากอดไว้ จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “วั่งเกอของพวกเรารู้ว่าวันนี้พ่อมีสอบจึงตื่นมาส่งพ่อแต่เช้าใช่หรือไม่”
ดวงตากลมโตของวั่งเกอเบิกกว้าง เด็กน้อยชูมือไปหาไป๋จิ่นซิ่วอย่างไม่ไว้หน้าฉินหล่างสักนิด
ชุ่ยปี้กล่าวยิ้มๆ “คุณชายน้อยของพวกเราคงกลัวคุณชายไม่มีแรงถือพู่กันเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นซิ่วรับวั่งเกอมากอดไว้ จากนั้นกล่าวกับฉินหล่าง “ชุ่ยปี้กล่าวถูกแล้วเจ้าค่ะ ท่านอย่าอุ้มวั่งเกอเลย เด็กนี่ตัวหนักไม่เบาเลยเจ้าค่ะ”