ตอนที่ 753 แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อองครักษ์ลับของตระกูลไป๋ที่ดูแก่กว่าเยว่สือสามปีคนหนึ่งมองดูเยว่สือถือถ้วยชาพลางใช้ฝาถ้วยดันใบชาที่ลอยขึ้นมาให้จมลงไปในน้ำ จากนั้นก้มหน้าดื่มอย่างประหม่า เขาจึงขมวดคิ้วแน่น แกะเปลือกถั่วลิสง แล้วลอกเปลือกสีแดงของถั่วออก จากนั้นถามขึ้น “ได้รับบาดเจ็บที่ใด”
เยว่สือถือถ้วยชาไว้ในมือพลางส่ายหน้าแล้วเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม “ไม่มีขอรับ”
“ไม่ได้รับบาดเจ็บแล้วเหตุใดจึงเอาแต่นั่งงอตัวเช่นนี้” องครักษ์ลับไป๋ยกถ้วยชาขึ้นจิบ “ตอนที่เจ้าล่อให้พวกข้าวิ่งไปทั่วจวน เจ้าไม่ได้ขี้ขลาดเช่นนี้นี่นา”
“แค่ก…” ชาที่เยว่สือเพิ่งดื่มเข้าไปถูกพ่นพรวดออกมาจากปากของเยว่สือ เยว่สือเบิกตาโพลงมองไปทางองครักษ์ลับไป๋ผู้นั้น
องครักษ์ลับไป๋ส่งผ้าเช็ดหน้าให้เยว่สืออย่างรังเกียจ องครักษ์ลับไป๋คนอื่นต่างมองไปที่เยว่สืออย่างรังเกียจเช่นเดียวกัน
“ขออภัย!” เยว่สือใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากแล้วรีบกล่าวขึ้น “ล้วนเป็นคำสั่งของเจ้านายข้า ข้าก็จนปัญญาเช่นเดียวกัน ข้าไม่ได้ตั้งใจล่อให้พวกเจ้าวิ่งวนเช่นนั้น ขออภัยด้วย!”
“พวกเจ้าดูใบหน้ารู้สึกผิดของเจ้าเด็กนี่สิ!” องครักษ์ลับไป๋หลุดหัวเราะออกมา
“เจ้าคงไม่ได้คิดว่าตัวเองวรยุทธ์สูงส่งจนสามารถหลอกล่อให้พวกข้าทุกคนตามเจ้าไปหมดได้อย่างนั้นใช่หรือไม่ พวกข้าถอนตัวออกมาจากกองทัพไป๋ ไม่ใช่คนไร้ความสามารถ หากพวกข้าไม่ได้รับคำสั่งไว้ พวกข้าจะปล่อยให้เจ้าไปมาอย่างอิสระในจวนไป๋ได้หรือ”
“เจ้าเก่งวิชาตัวเบาก็จริง ทว่า พวกข้าก็ต้องคอยระวังไม่ให้เสือออกจากถ้ำเช่นเดียวกัน” องครักษ์ลับไป๋อีกคนกล่าวขึ้น
เยว่สือเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเพราะวรยุทธ์ของตัวเองสูงส่งมากจนแทบไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้ เขาจึงสามารถหลอกล่อองครักษ์ลับไป๋ให้ตามเขาไปได้ทุกที่เช่นนี้ สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นว่าเหล่าองครักษ์ลับไป๋ได้รับคำสั่งให้เล่นไปตามน้ำนี่เอง
เยว่สือประมวลผลในสมองอย่างรวดเร็ว…เช่นนี้แสดงว่าคุณหนูใหญ่ไป๋มีใจให้เจ้านายของเขาเช่นเดียวกันใช่หรือไม่
“นี่คือคำสั่งของคุณหนูใหญ่ไป๋อย่างนั้นหรือ” รอยยิ้มในดวงตาของเยว่สือเด่นชัดจนยากจะปกปิด
“ตอนที่เจ้าหลอกล่อให้พวกนั้นตามไปในครั้งแรก ข้ายังอยู่ที่เดิม ทว่า วิชาตัวเบาของเจ้านายเจ้าเก่งกาจมาก ตอนที่ข้าเห็นเขา เขาไปถึงริมหน้าต่างของห้องคุณหนูใหญ่แล้ว ข้าเห็นว่าคุณหนูใหญ่ไม่ได้สั่งให้ลงมือกับเขา สุดท้ายยังให้แม่นางชุนเถาเป็นคนออกมาส่งเจ้านายเจ้าด้วยตัวเอง ข้าเองก็จำได้ว่าเขาคือผู้มีพระคุณของตระกูลไป๋ ดังนั้นจึงปล่อยให้เขาจากไปโดยไม่ขัดขวาง” องครักษ์ลับไป๋ผู้นั้นแกะเปลือกถั่วลิสง ลอกเปลือกสีแดงออก จากนั้นยัดถั่วเข้าปาก
เซียวหรงเหยี่ยนมีบุญคุณต่อตระกูลไป๋ ภายนอกต่างลือกันว่าพ่อค้าที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งของแคว้นเว่ยมีใจให้คุณหนูใหญ่ของพวกเขา ต่อมาตอนที่เกิดความวุ่นวายขึ้นที่ประตูอู่เต๋อ ชายหนุ่มสละชีพมาช่วยปกป้องคุ้มครองจวนไป๋จนปลอดภัย องครักษ์ลับไป๋ต่างรับรู้เรื่องนี้ดี
ในสายตาของบรรดาองครักษ์ลับไป๋ เซียวหรงเหยี่ยนคือบุตรเขยที่ใกล้จะแต่งเข้าตระกูลไป๋ในอีกไม่นานนี้
“เฮ้อ…” เยว่สือวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะ หยัดกายนั่งหลังตรงโดยไม่งอตัวอีก จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “หากรู้เช่นนี้ข้าคงไม่เสียเวลาล่อพวกเจ้าไปไกลเช่นนั้นแล้ว คราวหน้าข้าจะเตรียมเหล้าและกับแกล้มมาให้ทุกท่าน ถือเป็นการไถ่โทษ”
“ไม่ได้ๆ กฎของตระกูลไป๋ของพวกเราเข้มงวดมาก ตอนปฏิบัติหน้าที่พวกเราห้ามดื่มเหล้าเด็ดขาด สหายได้โปรดเข้าใจด้วย!” องครักษ์ลับไป๋ยกมือคารวะเยว่สือ
เยว่สือรีบเปลี่ยนคำกล่าวทันที “ข้าลืมไปเลย เอาเช่นนี้แล้วกัน ข้าจะเตรียมชาและของว่างมาแทน!”
“ได้เลย! พวกเราไม่รู้ว่าเจ้าจะมาเมื่อใด ทว่า เจ้ารู้ดีนี่” องครักษ์ลับไป๋กล่าวยิ้มๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นไป๋ชิงเหยียนเตรียมเดินทางกลับซั่วหยางต่อ เซียวหรงเหยี่ยนขี่ม้าไปส่งไป๋ชิงเหยียนสักระยะหนึ่ง
เมื่อแดดออกเต็มที่เซียวหรงเหยี่ยนจึงลงจากหลังม้า จากนั้นยืนกล่าวอำลาไป๋ชิงเหยียนซึ่งนั่งอยู่ในรถม้าอยู่ข้างหน้าต่างรถม้า “ข้าจะรีบจัดการแคว้นเว่ยให้เร็วที่สุด รอข้านะ…”
ใบหูของไป๋ชิงเหยียนแดงก่ำ หญิงสาวมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก “เจ้าค่ะ…”
ไป๋ชิงเหยียนปิดการเดินทางกลับซั่วหยางในครั้งนี้ไว้เป็นความลับจึงไม่มีผู้ใดออกมาต้อนรับที่นอกประตูเมือง
ทว่า เมื่อเจ้าเมืองเสิ่นเทียนจือซึ่งได้รับคำสั่งโยกย้ายเรียบร้อยทราบว่าไป๋ชิงเหยียนกลับมาถึงซั่วหยางแล้ว เขาจึงมาหาหญิงสาวที่จวนไป๋ในเย็นวันนั้นทันที
ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าเสิ่นเทียนจือมาเพราะเหตุใด หญิงสาวจึงไปพบเขาที่โถงรับรองด้านหน้า
“เยี่ยนว่อคือดินแดนที่อุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งเสบียงอาหารที่สำคัญของต้าจิ้น บัดนี้องค์รัชทายาทส่งคนไปซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหอแล้ว ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานเยี่ยนว่อต้องเจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งภายใต้การจัดการระบบใหม่ขององค์รัชทายาท” ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยชาขึ้นแล้วกล่าวอย่างไม่รีบร้อน
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดตรัสมาตามตรงว่าทรงไม่ไว้ใจกระหม่อมจึงส่งกระหม่อมไปที่ไกลเช่นนั้นหรือเพราะมีแผนการอื่นกันแน่พ่ะย่ะค่ะ” ดวงตาคมกริบของเสิ่นเทียนจือจ้องไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างไม่ยินดียินร้าย หวังเพียงทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดเท่านั้น
“ในเมื่อใต้เท้าเสิ่นกล่าวว่าท่านคือทางรอดของตระกูลไป๋ที่ท่านพ่อของข้าทิ้งไว้ให้ ข้าก็จะเชื่อตามนั้น!” ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาลง จากนั้นจ้องไปทางเสิ่นเทียนจือนิ่ง “ใต้เท้าเสิ่นเป็นคนฉลาด ท่านคงเข้าใจดีว่าเหตุใดข้าจึงมอบแหล่งเสบียงอาหารสำคัญของต้าจิ้นไว้ในมือของท่าน”
ใจของเสิ่นเทียนจือเต้นรัว เขาเดาได้…เมื่อเดาได้จึงรู้สึกว่าเลือดในกายพลุ่งพล่าน ทว่า ที่มากกว่านั้นคือความหวาดกลัว
หากก่อนหน้านี้คือการคาดเดา เช่นนั้นตอนนี้เสิ่นเทียนจือก็แน่ใจแล้วว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการทำสิ่งใด
บุตรสาวของไป๋ฉีซานใจกล้าเกินไปแล้ว…
นางกำลังเตรียมทุกอย่างเพื่อครอบครองแผ่นดินต้าจิ้นทั้งหมดในวันข้างหน้า!
เสิ่นเทียนจือไม่ใช่บัณฑิตหัวโบราณที่มีใจจงรักภักดีต่อจักรพรรดิเพียงองค์เดียว เขารู้ดีว่าตอนนี้ราชวงศ์มีสภาพเช่นไร
ตอนแรกเสิ่นเทียนจือก็ไม่ได้เต็มใจจงรักภักดีต่อราชวงศ์นี้อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงตอนนี้เลย
มีบางเรื่องที่เสิ่นเทียนจือไม่เคยบอกไป๋ชิงเหยียน…เขาเคยแนะนำให้ไป๋ฉีซานบอกให้เจิ้นกั๋วกงเข้าแทนที่ราชวงศ์หลิน ทว่า ไป๋ฉีซานกล่าวว่าตระกูลไป๋และกองทัพไป๋คือกระดูกสันหลังและป้อมปราการของต้าจิ้น เขาจะเป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อแคว้น ไม่มีทางเป็นขุนนางกบฏเด็ดขาด
เสิ่นเทียนจือนับถือไป๋ฉีซาน ทว่า ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าเขาหัวโบราณเกินไป
บัดนี้บุตรสาวของไป๋ฉีซานกำลังเตรียมความพร้อมทุกอย่างเพื่อแย่งชิงต้าจิ้นมาครอบครอง เสิ่นเทียนจือจะไม่รู้สึกเลือดร้อนได้อย่างไรกัน มอบแผ่นดินต้าจิ้นให้ผู้นำที่มีความสามารถครอบครองย่อมดีกว่าปล่อยให้แผ่นดินต้าจิ้นตกอยู่ภายใต้การครอบครองของราชวงศ์หลินที่เลอะเลือน ต้าจิ้นจะแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้อีกมาก!
บัดนี้ฮ่องเต้หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องยาวิเศษและการสร้างหอบูชาเก้าชั้นเพื่อขอพรให้ตัวเองอายุยืนเท่านั้น
จากบทเรียนในอดีตที่ผ่านมาเมื่อใดก็ตามที่จักรพรรดิของแคว้นเริ่มอยากมีอายุยืนยาว วาสนาของแคว้นคงกำลังใกล้สิ้นสุดลงแล้ว
เสิ่นเทียนจือลุกขึ้นยืนสะบัดชายชุด จากนั้นคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าไป๋ชิงเหยียนแล้วคารวะ “เสิ่นเทียนจือยินดีติดตามรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว จะปกป้องแหล่งเสบียงของต้าจิ้นให้ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้วางมาด หญิงสาวลุกขึ้นโค้งคำนับเสิ่นเทียนจือด้วยท่าทีองอาจ ไม่มีท่าทีอ่อนแอขี้โรคแม้แต่น้อย
“ฝากใต้เท้าเสิ่นด้วย”
ไม่จำเป็นต้องกล่าวคำว่ากบฏออกมาอย่างชัดเจน ขอเพียงไป๋ชิงเหยียนไม่คิดปิดบัง คนฉลาดย่อมเข้าใจได้อยู่แล้ว
วันที่ยี่สิบสาม เดือนสอง สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด แคว้นเว่ยเดินทางมาขอความช่วยเหลือจากต้าจิ้น ทว่า โดนปฏิเสธ
วันที่ยี่สิบหก เดือนสอง สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด ซีเหลียงไม่สนใจคำขู่ของต้าจิ้น บุกยึดทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงม้าของหนานหรงหลายที่อย่างดุดัน