ตอนที่ 754 อย่าเสียเวลา
วันที่ยี่สิบเจ็ด เดือนสอง สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด แม่ทัพหน้ากากผีที่เดิมทีควรทำสงครามอยู่กับเป่ยหรงนำทัพบุกกลับมาโจมตีซีเหลียง เขาดักซุ่มอยู่บริเวณลำคลองหวง ตัดศีรษะแม่ทัพใหญ่ของซีเหลียงได้สำเร็จ ต่อมาผู้ตรวจการเมืองเติงโจวต่งชิงเยว่นำทัพบุกไปโจมตีซีเหลียงจนพ่ายแพ้ บีบจนกองทัพใหญ่ของซีเหลียงต้องถอยทัพกลับเข้าไปในชายแดนแคว้นของตัวเอง ไม่กล้าลงมือทำสิ่งใดอีก
วันที่สี่ เดือนสาม สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด องค์ชายรองมู่หรงผิงโจมตีเป่ยกวนของต้าเว่ยจนแตก เขาและเซี่ยสวินแบ่งทัพออกเป็นสองฝ่าย บุกโจมตีแคว้นเว่ยอย่างดุดัน
วันที่สิบห้า เดือนสาม สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด ต้าจิ้นประกาศผลสอบชุนเหวย เฉินเจาลู่หลานชายของราชครูเฉินได้รับตำแหน่งจ้วงหยวน หลู่หยวนชิ่งหลานชายของหลู่เซียงได้รับตำแหน่งปั๋งเหยี่ยน ตำแหน่งทั่นฮวาตกเป็นของต่งฉางหลาน ส่วนฉินหล่างได้ตำแหน่งฉวนหลู่ซึ่งเป็นที่หนึ่งของการสอบจิ้นซื่อขั้นที่สอง[1]
วันที่สิบเก้า เดือนสาม สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด แม่ทัพหลิวหงและเกาอี้จวิ้นจู่นำทัพบุกยึดเย้าหยางคืนมาได้ พวกเขาโจมตีเมืองตันหยางแตก จากนั้นมุ่งหน้าโจมตีไปต่อเรื่อยๆ
วันที่สิบ เดือนห้า สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด ต้าเหลียงส่งองค์ชายสี่มาเจรจาสงบศึกที่ต้าจิ้น ทว่า องค์ชายสี่พลาดถูกกองทัพต้าจิ้นสังหารที่ภูเขาชิงซี บรรดากองทัพต้าเหลียงเดือดดาล จักรพรรดิต้าเหลียงต้องการให้ต้าจิ้นชดใช้ด้วยศีรษะของแม่ทัพหลิวหงและเกาอี้จวิ้นจู่ มิเช่นนั้นพวกเขาจะทำสงครามจนตายกันไปข้างหนึ่ง ไม่มีการเจรจาสงบศึกใดๆ ทั้งสิ้น
วันที่สิบสาม เดือนห้า สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด แคว้นเว่ยนำเงินทองมากมายมาขอให้ซีเหลียงและต้าจิ้นช่วยเหลือ กล่าวว่าหากยึดแคว้นต้าเยี่ยนได้ เขาจะยกดินแดนทั้งหมดของต้าเยี่ยนให้ซีเหลียงและต้าจิ้น ทว่า ต้าจิ้นกำลังทำสงครามดุดันอยู่กับต้าเหลียงจนไม่อาจแยกร่างได้ จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงตัดสินใจช่วยเหลือแคว้นเว่ย
วันที่สิบเจ็ด เดือนห้า สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด บรรดาทหารและชาวบ้านของต้าเหลียงต่างเดือดดาล พวกเขาทำศึกต่อต้านต้าจิ้นอยู่ที่อวี่โจว สงครามเกิดความยืดเยื้อ
วันที่ยี่สิบหก เดือนห้า สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด แม่ทัพหน้ากากผีแห่งหนานหรงนำทัพบุกทำลายวังของเป่ยหรง อ๋องของเป่ยหรงถอยหนีไปทางด้านเหนือของเป่ยหรงท่ามกลางการอารักขาของกองทัพเป่ยหรงและกองทัพต้าเยี่ยนส่วนหนึ่งที่ยังตั้งค่ายทหารอยู่ในเป่ยหรง ดังนั้นหนานหรงจึงได้ครอบครองดินแดนครึ่งหนึ่งของเป่ยหรงแล้ว
วันที่หนึ่ง เดือนหก สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด ซีเหลียงบุกโจมตีเมืองหลวงของต้าเยี่ยน จักรพรรดิต้าเยี่ยนสั่งห้ามไม่ให้องค์ชายรองมู่หรงผิงและแม่ทัพเซี่ยสวินถอยทัพกลับมาช่วยเหลือ เขานำทัพทหารที่เหลือของต้าเยี่ยนสู้รบกับทหารของซีเหลียง
วันที่สิบหก เดือนเจ็ด สมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบเจ็ด ซีเหลียงยึดเฉวียนโจวและหลงหู่ไถของต้าเยี่ยนได้ จักรพรรดิต้าเยี่ยนได้รับบาดเจ็บหนักจนถอยทัพไปป้องกันอยู่ที่เมืองหลงอัน
เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนที่เดินทางไปมาระหว่างต้าเว่ยและซีเหลียงรับรู้ข่าว ชายหนุ่มจึงรีบเดินทางไปยังเมืองหลงอันทันที
เซียวหรงเหยียนเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพักเป็นเวลาสองวัน เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเมืองหลงอันแล้ว เยว่สือจึงควบม้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่มพลางกล่าวขึ้น “นายท่านพักเปลี่ยนเครื่องแต่งกายสักครู่เถิดขอรับ หากฝ่าบาททอดพระเนตรเห็นท่านในสภาพนี้ พระองค์คงปวดพระทัยมาแน่ขอรับ ข้าจะเดินทางล่วงหน้าไปส่งข่าวที่เมืองหลงอันให้ก่อนขอรับ”
“ไม่ต้อง เดินทางต่อเลย!” เซียวหรงเหยี่ยนดื่มน้ำอึกหนึ่ง จากนั้นโยนถุงน้ำหนังแกะให้เยว่สือแล้วควบม้าทะยานไปด้านหน้าต่อทันที
จักรพรรดิมู่หรงอวี้ลุกขึ้นจากเตียงไม่ไหวแล้ว เขานอนเอนกายพิงหมอนอิง ผมถูกปล่อยสยาย แม้แต่หายใจก็ยังต้องใช้ความพยายายามอย่างมาก ใบหน้าหล่อเหล่าสมบูรณ์แบบไร้สีเลือด ปลายจมูกเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ จอนผมเริ่มมีผมขาวแซมขึ้นเล็กน้อย
มู่หรงลี่ร้อนใจมาก เมื่อเห็นหมองหลวงเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เสด็จพ่อของตัวเสร็จจึงถามอย่างเป็นกังวล “เป็นเช่นไรบ้าง”
เฟิงเย่าถือถาดสีเหลี่ยมสำหรับใช้เปลี่ยนยาให้จักรพรรดิต้าเยี่ยนด้วยมือที่สั่นเทา ดวงตาแดงก่ำ
หมอหลวงชราเงยหน้ามองจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยน เขาได้ยินจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนกล่าวเสียงเบาหวิว “กล่าวไปตามตรง”
หมอหลวงจึงส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่ดีขึ้นเลยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทมีพิษอยู่ในวรกายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โชคดีที่ได้หมอเก่งช่วยรักษาให้ดีขึ้น ทว่า ยาที่ใช้รักษาพิษในพระวรกายของฝ่าบาทจะทำให้พระโลหิตของฝ่าบาทไม่แข็งตัวหากได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ฝ่าบาททรงไข้ขึ้นสูง ดูไม่ดีขึ้นเลยพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงลี่กำมือทั้งสองข้างแน่น หากไม่ใช่เพราะช่วยชีวิตเขา…เสด็จพ่อก็คงไม่ต้องบาดเจ็บเช่นนี้
เมื่อเห็นสีหน้ารู้สึกผิดและเจ็บปวดของบุตรชาย มู่หรงอวี้โบกมือไล่หมอหลวงและบ่าวรับใช้ทุกคนออกไปจากห้อง เขากระชับเสื้อเข้าหากันเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยเรียกมู่หรงลี่เสียงแผ่วเบา “อาลี่…มาหาพ่อสิ”
มู่หรงลี่เดินเข้าไปหามู่หรงอวี้ จากนั้นก้มหน้าต่ำราวกับไม่อยากให้เสด็จพ่อเห็นดวงตาที่แดงก่ำของตน
“อาลี่ หากครั้งนี้พ่อทนต่อไปไม่ไหว เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถดูแลแคว้นต้าเยี่ยนแห่งนี้ได้หรือไม่” มู่หรงอวี้เอื้อมมือไปดึงข้อมือของบุตรชายให้นั่งลงบนเตียงเบาๆ
“ตอนนี้ไม่มีเวลาให้เจ้ามานั่งเสียใจ เจ้าต้องตั้งสติให้มั่น!”
เมื่อมู่หรงลี่ได้ยินเช่นนี้จึงเงยหน้ามองไปทางมู่หรงอวี้พลางขบกรามแน่น จากนั้นส่ายหน้า “ลูกไม่มั่นใจว่าจะดูแลต้าเยี่ยนได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด เจ้าคิดว่าผู้ใดสามารถทำได้” มู่หรงอวี้ถามต่อ
มู่หรงลี่ส่ายหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ความสามารถของเสด็จพี่ใหญ่ไม่โดดเด่น เสด็จพี่รองถนัดแต่การรบ พวกเขาล้วนไม่ใช่คนที่เหมาะสมจะรับภาระที่หนักอึ้งเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ มู่หรงลี่ยิ่งไม่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ”
“ในเมื่อพวกเจ้าล้วนไม่เหมาะสม เช่นนั้นพ่อจะมอบต้าเยี่ยนให้แก่ท่านอาเก้าของเจ้า” มู่หรงอวี้จับบ่าของบุตรชายแน่น “พ่ออยากให้เจ้าจำไว้ว่าไม่ว่าผู้ใดจะนั่งอยู่บนตำแหน่งนี้ล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือผู้ใดสามารถประคองต้าเยี่ยนให้คงอยู่ต่อไปได้ ต้าเยี่ยนของเราจะไม่มีการแก่งแย่งชิงดี ทะเลาะกันเองภายในหลังจากที่พ่อจากไปเด็ดขาด มิเช่นนั้นต้าเยี่ยนไม่มีทางกลับไปรุ่งเรืองเหมือนในอดีตได้อีกต่อไป ไม่มีทางเป็นผู้ครอบครองใต้หล้าได้!”
“ลูกจะจำไว้พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” มู่หรงลี่รับคำ
ทันใดนั้นขันทีและองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกต่างเอ่ยเรียก “ท่านอ๋องเก้า” ขึ้นมา มู่หรงลี่ผุดลุกขึ้นอย่างเตียงด้วยความตกใจ เขาหันไปมองเสด็จพ่อของตัวเองแวบหนึ่ง จากนั้นวิ่งแหวกม่านออกไปด้านนอก
“นายน้อย ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียทีพ่ะย่ะค่ะ!” เฟิงเย่าคุกเข่าคำนับแนบพื้นอยู่หน้าประตู เขาสะอื้นจนตัวโยนอย่างควบคุมไม่อยู่
“ท่านอาเก้า!” เมื่อมู่หรงลี่เห็นเซียวหรงเหยี่ยนเดินเข้ามาด้านในด้วยชุดเครื่องแต่งกายที่เต็มไปด้วยฝุ่น น้ำตาที่พยายามอดกลั้นมาหลายวันไหลอาบใบหน้าทันที “ท่านอาเก้า!”
เซียวหรงเหยี่ยนขบกรามแน่น สาวเท้ายาวเข้าไปหยุดอยู่หน้ามู่หรงลี่ จากนั้นเอื้อมมือลูบศีรษะหลานชายอย่างแผ่วเบา “เสด็จพ่อของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง”
“ท่านอาเก้า ท่านหมอหลวงบอกว่าไม่ค่อยสู้ดีนักพ่ะย่ะค่ะ” มู่หรงลี่ใช้แขนเสื้อซับน้ำตา “ยาที่ท่านหมอหงให้เสด็จพ่อเสวยทำให้โลหิตของเสด็จพ่อไม่แข็งตัว ท่านหมอหงเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน ทว่า หากไม่ใช่เพราะข้า…เสด็จพ่อก็คงไม่…”
“อาลี่…”
เสียงของมู่หรงอวี้ดังมาจากในห้อง เซียวหรงเหยี่ยนปลดเสื้อคลุมยื่นให้เฟิงเย่าแล้วเดินเข้าไปด้านในทันที
เมื่อเดินผ่านม่านเข้าไปในห้อง เซียวหรงเหยี่ยนเห็นร่างที่เดิมทีก็อ่อนแอมากอยู่แล้วของพี่ชายนอนเอนกายพิงหมอนอิง ผ้าพันแผลบริเวณหน้าอกมีเลือดสดไหลซึมออกมาตลอดเวลา เมื่อมู่หรงอวี้พยายามลุกขึ้น เลือดสดไหลเปื้อนเต็มหน้าอกแล้วแผ่ออกเป็นวงกว้างทันที เซียวหรงเหยี่ยนรีบสอดหมอนอิงไว้ทางด้านหลังของมู่หรงอวี้ จากนั้นนั่งลงตรงปลายเตียง
เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าอกของมู่หรงอวี้ เซียวหรงเหยี่ยนรู้สึกปวดใจมาก ชายหนุ่มพยามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ไม่รู้ว่ากำลังกล่าวปลอบใจตัวเองหรือพี่ชายกันแน่ “ไม่เป็นอันใดพ่ะย่ะค่ะ ท่านหมอหงเก่งกาจและมีฝีมือโดดเด่นเหนือผู้ใด ขอเพียงเชิญท่านหมอหงมาได้ เสด็จพี่จะไม่เป็นอันใดแน่พ่ะย่ะค่ะ”
“เยว่สือ!” เซียวหรงเหยี่ยนตะโกนเรียกเยว่สือเสียงดังลั่น
เยว่สือรีบเข้ามาด้านใน เมื่อเห็นสภาพของจักรพรรดิต้าเยี่ยน ดวงตาของเขาแดงก่ำขึ้นทันที เขารีบคุกเข่าคำนับศีรษะแนบพื้น
“เจ้ารีบไปขอยืมตัวท่านหมอหงจากคุณหนูใหญ่ที่ซั่วหยางมาเร็วให้ข้าโดยเร็วที่สุด อย่าเสียเวลาแม้แต่น้อย!” เซียวหรงเหยี่ยนสั่ง
“ขอรับ!”
เยว่สือรับคำ ทว่า ยังไม่จากไปก็ได้ยินจักรพรรดิต้าเยี่ยนเอ่ยรั้งไว้เสียก่อน “เยว่สือ หยุดเดี๋ยวนี้!”
[1] จิ้นซื่อขั้นที่สอง ผู้ที่ผ่านการสอบหน้าพระตำหนักจะเรียกว่าจิ้นซื่อ โดยจิ้นซื่อแบ่งออกเป็นสามลำดับ จิ้นซื่อขั้นที่หนึ่ง ซึ่งมีเพียงสามคน คือ จ้วงหยวน ปั๋งเหยี่ยนและทั่นฮวา จิ้นซื่อขั้นที่สอง และจิ้นซื่อขั้นที่สาม