สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 759 เด็กหนุ่ม

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 759 เด็กหนุ่ม

“หมัวมัวส่งคนไปบอกให้เยว่สือรอข้าสักครู่ ข้าขอเปลี่ยนเครื่องแต่งกายก่อน” ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่งถงหมัวมัว

“เจ้าค่ะ!”

เดินกลับเรือนปัวอวิ๋นต้องผ่านศาลาเซียนเหริน นึกไม่ถึงว่าเยว่สือจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ ไป๋ชิงเหยียนยังเดินไปไม่ถึงศาลาเซียนเหริน เขาก็มารออยู่ก่อนแล้ว

เมื่อเยว่สือเห็นไป๋ชิงเหยียนซึ่งสวมเสื้อสีฟ้าอ่อน กระโปรงยาวสีขาวเดินมาแต่ไกล เยว่สือจึงรีบออกมาจากศาลาเซียนเหรินแล้วเดินตรงไปหาหญิงสาว

เมื่อทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนเสร็จ เยว่สือจึงกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ พี่ชายของนายท่านรอพบคุณหนูใหญ่อยู่ที่ริมทะเลสาบนอกเมืองซั่วหยาง ไม่ทราบว่าคุณหนูใหญ่สะดวกไปพบท่านหรือไม่ขอรับ”

เยว่สือทราบดีว่าไป๋ชิงเหยียนบอกกับคนภายนอกว่าป่วยหนัก การที่เขาเชิญไป๋ชิงเหยียนไปนอกเมืองในเวลานี้เป็นการสร้างความลำบากใจให้ไป๋ชิงเหยียน ทว่า จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนต้องการพบหญิงสาว ต่อให้เยว่สือต้องแบกหน้ามาขอร้องเขาก็ต้องทำ

“ท่านหมอหงบอกข้าแล้ว เจ้าไปรอข้าที่ประตูข้างก่อน ข้ากลับไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่เรือนปัวอวิ๋นแล้วจะตามเจ้าไปพบ”

ใบหน้าของเยว่สือเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบพระคุณคุณหนูใหญ่ไป๋มากขอรับ!”

เมื่อถงหมัวมัวได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนจะออกไปข้างนอก นางจึงครุ่นคิดว่าจะบอกให้หลูผิงตามไป๋ชิงเหยียนไปด้วยดีหรือไม่

เมื่อกลับถึงเรือนปัวอวิ๋น ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้ชุนเถาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดบุรุษให้นาง

ร่างผอมเพรียวองอาจของไป๋ชิงเหยียนสวมหมวกบุรุษไว้บนศีรษะ ร่างในชุดบุรุษของหญิงสาวทำให้คนยากจะมองออก หญิงสาวดูเหมือนเด็กหนุ่มรูปงามร่าเริงของตระกูลสูงศักดิ์ขึ้นมาทันที

ถงหมัวมัวช่วยติดกระดุมให้ไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ ให้บ่าวเรียกหลูผิงติดตามคุณหนูใหญ่ไปด้วยเถิดเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนขยับเสื้อปกปิดถุงทรายที่พันอยู่รอบกายให้มิดชิด จากนั้นกล่าวขึ้น “ลุงผิงพบปะผู้คนภายนอกมากมาย ทุกคนล้วนรับรู้ว่าเขาคือคนของจวนไป๋ หากให้ลุงผิงตามข้าไปด้วยเท่ากับเป็นการประกาศบอกทุกคนว่าข้าคือคุณหนูตระกูลไป๋สิ มีองครักษ์ลับตามข้าไปด้วยอยู่แล้ว จัดองครักษ์ไป๋ที่ปกติไม่ค่อยได้ออกไปนอกจวนติดตามข้าไปอีกสองคนก็พอแล้ว”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวมีเหตุผล ถงหมัวมัวจึงไม่เกลี้ยกล่อมอีก นางได้แต่เดินออกไปจัดหาองครักษ์ไป๋ที่ปกติไม่ได้ออกไปนอกจวนติดตามไป๋ชิงเหยียนไปสองคน

เยว่สือจูงม้ารออยู่ใต้ต้นหลิวที่เขียวขจีนอกประตูข้างของจวนไป๋อย่างร้อนรน ทว่า เขาไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านในประตูที่ปิดสนิทเสียที

“เจ้าเด็กหนุ่ม!”

เยว่สือได้ยินจึงหันไปมองทางต้นซอย เขาเห็นองครักษ์ลับที่เคยพบหน้าที่โรงเตี๊ยมตะโกนเรียกเขาอยู่บนหลังม้าสูง

“ไปได้แล้ว เร็วเข้า!” องครักษ์ลับผู้นั้นกล่าวจบก็ควบม้าจากไปทันที

เยว่สือไม่กล้ารอช้า รีบขึ้นไปบนหลังม้าแล้วควบตามไปทันที

ไป๋ชิงเหยียนในชุดบุรุษขี่ม้ามุ่งหน้าไปนอกเมืองอย่างรวดเร็วเป็นคนแรก เมื่อออกจากเมืองมาแล้วเยว่สือจึงตามไป๋ชิงเหยียนทัน

น้ำในทะเลสาบอิ๋งใสแจ๋วจนมองเห็นสาหร่ายที่ลอยอยู่ก้นทะเลสาบเต็มไปหมด ฝูงปลาแหวกว่ายอยู่ในทะเลสาบ เงาของเมฆขาวบนท้องฟ้าสะท้อนลงบนพื้นน้ำที่ใสสะอาด ทะเลสาบอิ๋งจึงงดงามราวกับภาพวาดบนสรวงสวรรค์

เรือเคลื่อนไหวอยู่เหนือผืนน้ำจนเกิดคลื่นเป็นระลอก ดูไกลๆ เหมือนกำลังทะลุผ่านเข้าไปในท้องฟ้า

เมื่อไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าเร็วออกมานอกเมือง หญิงสาวจึงค่อยๆ ลดความเร็วลง

ต้นหลิวที่ขึ้นประดับเรียงรายอยู่ริมทะเลสาบเอนไหวไปตามแรงลม ใบหลิวบางใบปลิวไปตกลงบนแผ่นน้ำของทะเลสาบจนเกิดคลื่นขึ้นเป็นวงเล็ก แมลงปอที่เกาะอยู่บนต้นหญ้าริมทะเลสาบกระพือปีกบินหนีไปด้วยความตกใจ

ช่วงนี้ริมทะเลสาบอิ๋งครึกครื้นยิ่งนัก มีนางรำชาวซีเหลียงที่มีชื่อเสียงของหอนางโลมนามว่าน่าคังเดินทางมายังซั่วหยาง หญิงสาวมีความสามารถในการร้องเพลงและเต้นรำ อีกทั้งบรรเลงผีผา[1]ได้ไพเราะเสนาะหู หญิงสาวสามารถบรรเลงผีผาและเต้นรำไปพร้อมกันได้ คุณชายในเมืองซั่วหยางต่างชื่นชมหญิงสาว ได้ยินว่าอีกไม่นานนางรำน่าคังผู้นี้จะเดินทางไปยังเมืองหลวงแล้ว ช่วงนี้หญิงสาวรับแขกวันละหนึ่งคนอยู่บนเรือล่องทะเลสาบอิ๋ง

ช่วงกลางวันของทุกวันบรรดาคุณชายในเมืองซั่วหยางจะไปแย่งกันประมูลอย่างหนักบนเรือล่องทะเลสาบเพื่อหวังจะได้เป็นแขกกิตติมศักดิ์ฟังเสียงบรรเลงผีผาและดูการเต้นรำของนางรำผู้งดงามในยามค่ำคืน

เพราะการมาเยือนของนางรำชาวซีเหลียงน่าคังผู้นี้ ตอนนี้ทะสาบอิ๋งจึงได้ครึกครื้นราวกับตลาดในเมือง ริมทะเลสาบมีสตรีจับกลุ่มเดินเล่นพลางสนทนากันอย่างสนุกสนาน แม่ค้าตะโกนขายของทานเล่นและของเล่นเสียงดังลั่น นอกจากนี้ยังมีเด็กเล็กวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานโดยไม่หวาดกลัวผู้คนอีกด้วย

ชายชราขายแตงที่สวมหมวกฟางและเสื้อผ้าเนื้อหยาบ บนไหล่มีผ้าขนหนูสำหรับเช็ดเหงื่อพาดไว้กำลังใช้พัดกลมปัดไล่แมลงวันที่บินมาตอมแตงของตนพลางต่อรองราคาอยู่กับสตรีวัยกลางคนที่กระหายน้ำอยากทานแตง

คุณชายเจ้าสำราญที่รักในบทกลอนนั่งจิบสุราท่องบทกลอนอยู่บนเรือล่องทะเลสาบ

ความคึกคักตรงหน้ายิ่งดูมีชีวิตชีวามากขึ้นท่ามกลางเสียงร้องของจักจั่นและเสียงตะโกนขายของของแม่ค้า

จักรพรรดิมู่หรงอวี้แห่งต้าเยี่ยนยืนมองภาพความครึกครื้นตรงหน้าอยู่ด้านหน้าสุดของเรือล่องทะเลสาบ…นี่คือความสงบสุขของชาวบ้านที่เสด็จแม่และเขาเคยอยากเห็น แม้ภาพตรงหน้าจะวุ่นวายไปบ้าง ทว่า เป็นภาพที่ทำให้คนรู้สึกสงบยิ่งนัก มู่หรงอวี้รู้สึกอิจฉามากจริงๆ

ความปรารถนาในชีวิตนี้ของเขาและเสด็จแม่คือการทำให้ชาวบ้านในใต้หล้ามีชีวิตที่สงบสุขไร้ความกังวลเท่านั้นเอง

มู่หรงอวี้มองดูอย่างจริงจังจนไม่ได้สังเกตว่าไป๋ชิงเหยียนมาถึงแล้ว เมื่อเฝิงเย่ามองเห็นเยว่สือมาถึงแล้วจึงก้าวเข้ามากระซิบบอกเขา เขาจึงได้สติแล้วมองไปทางเยว่สือ เมื่อมองไปก็เห็นร่างองอาจของไป๋ชิงเหยียนในชุดบุรุษในทันที

มู่หรงอวี้ตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นก็เข้าใจว่าเหตุไป๋ชิงเหยียนจึงต้องแต่งกายเช่นนี้

ไป๋ชิงเหยียนบอกกับทุกคนว่านางล้มป่วยหนัก หากเดินทางมาพบเขาหญิงสาวจำเป็นต้องปกปิดฐานะของตัวเอง การแต่งกายเป็นชายถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

มู่หรงอวี้ไม่ได้วางมาดจักรพรรดิเช่นเดียวกัน เขาทำตัวเป็นคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ธรรมดาคนหนึ่ง โค้งกายเคารพหญิงสาวด้วยท่าทีอ่อนน้อม

มู่หรงอวี้ได้รับสมญานามว่าเป็นบุรุษที่รูปงามที่สุดในใต้หล้า ใบหน้าของเขางดงามกว่าสตรีหลายๆ คนเสียอีก คู่ควรกับคำว่าสมบูรณ์แบบจริงๆ ร่างกายที่อ่อนแอทำให้ใบหน้าของมู่หรงอวี้ไร้สีเลือด ผิวของเขายิ่งดูขาวยิ่งกว่าหิมะ มู่หรงอวี้สวมชุดยาวสีเขียวไม้ไผ่ ผูกผ้าคาดเอวหยกไว้ที่เอวอย่างหลวมๆ อาจเป็นเพราะเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม มู่หรงอวี้จึงแขวนป้ายหยกสีดำลายมังกรไว้ที่เอว เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดดที่สว่างจ้าจึงเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ของธรรมดา

มู่หรงอวี้สามารถดึงดูดสายตาของสตรีมากมายได้แม้จะยืนอยู่หน้าหัวเรือเพียงไม่นาน สตรีตระกูลสูงศักดิ์บางคนใจกล้าถึงขนาดโยนถุงหอมของตัวเองมายังเรือของบุรุษผู้อ่อนโยนมู่หรงอวี้ ทว่า น่าเสียดายที่องครักษ์ของมู่หรงอวี้โยนถุงหอมกลับไปให้สตรีเหล่านั้นอย่างไม่รักษาน้ำใจแม้แต่น้อย

เมื่อเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ สตรีเหล่านั้นจึงไม่กล้าทำสิ่งใดอีก ได้แต่ยืนมองใบหน้าของบุรุษผู้งดงามราวกับเทพเซียนอยู่บนเรือของตัวเอง

ไป๋ชิงเหยียนส่งเชือกให้องครักษ์ไป๋แล้วเดินขึ้นเรือไปพร้อมกับเยว่สือ จากนั้นทำความเคารพจักรพรรดิต้าเยี่ยนยิ้มๆ “คารวะฝ่าบาทเพคะ…”

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ต้องมากพิธี เชิญด้านในเถิด…” มู่หรงอวี้ผายมือเชิญไป๋ชิงเหยียนเข้าไปด้านใน

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าจากนั้นเดินตามมู่หรงอวี้เข้าไปด้านใน

เมื่อบรรดาสตรีที่จับตามองมู่หรงอวี้อยู่เห็นว่ามีเด็กหนุ่มรูปงามมาเพิ่มอีกหนึ่งคนจึงเริ่มบทสนทนาขึ้นมาอีกครั้ง

น่าเสียดายที่เด็กหนุ่มเดินตามชายหนุ่มรูปงามเข้าไปในตัวเรือเสียก่อน พวกนางจึงเห็นหน้าไม่ชัด

เมื่อเชิญไป๋ชิงเหยียนนั่งลงบนเก้าอี้หลัก มู่หรงอวี้จึงนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามซึ่งมีโต๊ะเล็กวางกั้นอยู่ตรงกลาง

[1] ผีผา เป็นเครื่องดนตรีจีนอย่างหนึ่ง มีลักษณะเป็นเครื่องสายคล้ายพิณ เล่นด้วยการใช้นิ้วดีดสายยาง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท