ตอนที่ 781 แคว้นไม่สงบ
หลินคังเล่อพยักหน้า จากนั้นกล่าวขึ้น “บางทีองค์หญิงเจิ้นกั๋วอาจทรงรู้ว่าแม่ทัพหลิวทำสงครามในครั้งนี้เพื่อต้องการลบล้างคำสบประมาทว่าเป็นเต่าที่หดหัวในกระดองของตัวเอง องค์หญิงเจิ้นกั๋วจึงไม่อยากแย่งความดีความชอบกับแม่ทัพหลิว องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ใช่คนทำสงครามเพื่อความดีความชอบอยู่แล้ว มิเช่นนั้นเหตุใดตอนนั้นนางจึงปลอมตัวเป็นบุรุษไปทำสงครามที่ภูเขาเวิ่งด้วย หากไม่ใช่เพราะองค์รัชทายาทผลักความรับผิดชอบเรื่องการสังหารทหารยอมจำนนนับแสนให้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว ผู้ใดจะรู้ว่าชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนั้นเป็นเพราะองค์หญิงเจิ้นกั๋วกัน”
หวังสี่ผิงรีบใช้ศอกกระทุ้งหลินคังเล่อเพื่อส่งสัญญาณว่ามีคนอยู่ด้านข้าง “เหตุใดจึงกล่าวทุกอย่างออกมาเช่นนี้กัน! ปากไม่มีหูรูดจริงๆ ไม่กลัวว่าผู้อื่นจะนำไปฟ้ององค์รัชทายาทหรืออย่างไร”
หลินคังเล่อเหลือบมองซ้ายขวาอย่างมีชนักติดหลัง จากนั้นหัวเราะแห้งออกมา “กลัวอันใด ข้ายังกล่าวน้อยไปด้วยซ้ำ! องค์รัชทายาทน่าจะทราบนานแล้ว”
“ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า เจ้ากล่าวให้มันน้อยๆ หน่อย” หวังสี่ผิงกล่าวจบก็ยกมือคารวะหลินเค่อลัง “เมื่อครู่แม่ทัพหลินสั่งให้ข้าไปสำรวจค่ายทหารยอมจำนน ข้าขอตัวก่อน เชิญเจ้าตามสบาย…”
หลินคังเล่อยกมือคารวะหวังสี่ผิงเช่นเดียวกัน
ภายในที่พักของแม่ทัพใหญ่ หลิวหงใช้มือจับโต๊ะทั้งสองข้างเพื่อพยุงร่างของตัวเองให้ยืนขึ้น เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง เมื่อครุ่นคิดอยู่สักพักจึงเอ่ยถามออกไป “องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ให้กระหม่อมเอ่ยถึงองค์หญิงในฎีกาเพราะรู้ว่ากระหม่อมต้องการลบล้างคำสบประมาทของตัวเองจึงยกความดีความชอบให้กระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“แม่ทัพหลิวคิดมากไปแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงราบเรียบ หญิงสาวยกชาขึ้นจิบพลางกล่าวกับหลิวหง “ข้าไม่ได้วางแผนการรบในครั้งนี้ ข้าจึงไม่อยากได้ความดีความชอบ”
หลิวหงกำขอบโต๊ะแน่นกว่าเดิม จากนั้นถามต่อ “เช่นนั้นองค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่อยากให้ฝ่าบาท องค์รัชทายาทและทุกคนรู้ว่าทหารที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วฝึกซ้อมที่ซั่วหยางไม่ใช่ทหารมือสมัครเล่นอย่างที่ทุกคนคิด ทว่า เป็นทหารยอดฝีมือที่หายากใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วกลัวว่าหากฝ่าบาทและองค์รัชทายาททราบว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วมีกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ทว่า ปราบปรามโจรป่าไม่สิ้นซากเสียที ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทจะสงสัยว่าองค์หญิงมีใจคิดกบฏใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ในที่สุดหลิวหงก็ถามคำถามที่อยากถามมากที่สุดออกไปเสียที
ตอนบุกโจมตีเมือง ทหารดุดันที่ไป๋ชิงเหยียนพามาช่างน่าตกตะลึงมากจริงๆ ทหารยอดฝีมือของไป๋ชิงเหยียนฝ่าด่านของศัตรูปีนขึ้นไปบนกำแพงของด่านชิงซีซานที่ขึ้นชื่อว่าเป็นด่านที่แกร่งที่สุดในใต้หล้าได้อย่างง่ายดาย
ทหารยอดฝีมือเช่นนี้ต้องเผชิญหน้ากับโจรป่าที่เก่งกาจเพียงใดกันถึงไม่สามารถปราบปรามโจรป่าเหล่านั้นได้เสียที หลิวหงคิดว่าบนโลกนี้ไม่มีโจรป่าที่เก่งกาจถึงเพียงนั้นอยู่
หากมีจริงๆ ก็คงเป็นทหารในสังกัดของไป๋ชิงเหยียน!
บางทีที่ไป๋ชิงเหยียนไม่ยอมกำจัดโจรป่าให้สิ้นซากเสียทีอาจเป็นเพราะหญิงสาวต้องการใช้ข้ออ้างนี้ฝึกฝนทหารเพื่อไม่ให้ฮ่องเต้และองค์รัชทายาทหวาดระแวง
หลิวหงรู้สึกเย็นวาบในใจ เขากลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะคิดกบฏเพราะปู่ พ่อ บรรดาอาและน้องชายของนาง
หากสตรีที่เก่งกาจเรื่องการรบ มีสติปัญญาที่โดดเด่นเหนือผู้อื่นและเป็นแม่ทัพที่สามารถฝึกฝนชาวบ้านธรรมดาให้กลายเป็นนักรบยอดฝีมือได้อย่างไป๋ชิงเหยียนคิดกบฏขึ้นมา เมืองหลวงคงตกอยู่ในอันตรายแน่
“ใช่…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวตอบอย่างเปิดเผย ไม่มีท่าทีคิดปิดบังหลิวหงแม้แต่น้อย ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาลงบนโต๊ะตรงหน้า จากนั้นหันไปมองหลิวหง “ฝ่าบาททรงหวาดระแวงตระกูลไป๋มาก แม่ทัพหลิวคงรู้เรื่องนี้ดีกว่าผู้ใดทั้งหมด! ข้าแค่ไม่อยากให้ฝ่าบาททรงรับรู้ ไม่ได้ต้องการปิดบังองค์รัชทายาท”
หลิวหงเริ่มไม่เข้าใจ “องค์หญิงเจิ้นกั๋วทรงหมายความเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
“แม้ผู้อื่นจะคิดว่าตระกูลไป๋เป็นคนออกเงินฝึกฝนทหารที่ซั่วหยาง ทว่า เงินที่ถูกส่งมายังซั่วหยางคือเงินขององค์รัชทายาท เงินเกือบทั้งหมดที่ใช้ในการฝึกฝนทหารล้วนมาจากองค์รัชทายาท ข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนมองหลิวหง
หลิวหงพยักหน้า หลังจากที่ไป๋ชิงเหยียนรับธนูแทนองค์รัชทายาทจนบาดเจ็บหนัก องค์รัชทายาทส่งเงินไปให้ไป๋ชิงเหยียนฝึกฝนทหารที่ซั่วหยางบ่อยครั้ง หลิวหงเข้าใจในทันที “หมายความว่าองค์รัชทายาททรงทราบว่ามีทหารยอดฝีมือเช่นนี้อยู่อย่างนั้นหรือ องค์รัชทายาทเป็นคนส่งเงินมาสนับสนุนให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วฝึกซ้อมทหารเหล่านี้อย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“หากองค์รัชทายาทของแคว้นมีกำลังทหารที่แข็งแกร่งอยู่ในมือขณะที่ฝ่าบาทยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ผู้อื่นจะคิดเช่นไร ดังนั้นต่อให้องค์รัชทายาทจะทราบเรื่องนี้ก็ต้องทำเป็นไม่ทราบ ยิ่งไม่อาจรายงานทหารกลุ่มนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบได้” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “แม่ทัพหลิว ข้าเคยถามองค์รัชทายาทว่าปณิธานของพระองค์คือสิ่งใด องค์รัชทายาททรงตอบว่าต้องการเห็นใต้หล้าที่สงบสุข”
หลิวหงอึ้งไปชั่วครู่ เขารู้จักองค์รัชทายาทมานานแล้ว องค์รัชทายาทมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้จริงๆ หรือ
“ที่ข้าถามองค์รัชทายาทเช่นนี้เพราะฝ่าบาทเคยตรัสกับท่านปู่ของข้าว่าปณิธานของพระองค์คือใต้หล้าแห่งนี้ ท่านปู่ของข้าจงรักภักดีต่อฝ่าบาทจึงคิดวางแผนเพื่อพระองค์ ท่านปู่ของข้าพาทายาทตระกูลไป๋ทุกคนไปฝึกฝนประสบการณ์ในสนามรบเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันข้างหน้า!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างชัดเจนทีละคำ “ข้าขอกล่าวล่วงเกินสักนิด ฝ่าบาททรงทรยศต่อความจงรักภักดีของตระกูลไป๋ ข้าจึงถามถึงปณิธานขององค์รัชทายาท หากองค์รัชทายาทมีปณิธานอยากครอบครองใต้หล้า ข้าไม่อาจวางแผนช่วยเหลือพระองค์เพียงอย่างเดียวได้ มิเช่นนั้นหากข้าและพระองค์เกิดเข้าใจผิดกันขึ้นมา ตระกูลไป๋ที่จงรักภักดีอาจมีจุดจบที่น่าหดหู่ขึ้นอีกครั้ง!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้หลิวหงจึงเข้าใจได้ เขาเชื่อว่าด้วยความกล้าของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวกล้ากล่าวถ้อยคำเช่นนี้ก่อนจงรักภักดีกับองค์รัชทายาทด้วยซ้ำ
“ดังนั้นข้าฝึกซ้อมทหารเหล่านี้เพื่อเตรียมการสำหรับการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งในวันข้างหน้า” ไป๋ชิงเหยียนมองหลิวหงด้วยสีหน้าจริงจัง “สิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นความจริง”
สิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวออกมาในวันนี้ล้วนเป็นความจริงทั้งหมดจริงๆ ทว่า หญิงสาวบอกความจริงกับหลิวหงอย่างอ้อมๆ ทำให้หลิวหงเข้าใจในแบบที่เขากำลังเข้าใจอยู่ตอนนี้
“องค์รัชทายาททรงมีปณิธานอยากครอบครองใต้หล้าจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ” หลิวหงยังไม่ค่อยอยากเชื่อ
“แม่ทัพหลิวสามารถกลับไปสอบถามเรื่องนี้จากองค์รัชทายาทได้ว่าพระองค์จะทรงตอบท่านเช่นไร” ไป๋ชิงเหยียนผายมือเชิญหลิวหง จากนั้นกล่าวต่อ “ทว่า ทหารยอดฝีมือเหล่านี้จะปรากฏในฎีกาและรายงานทางทหารไม่ได้เด็ดขาด บัดนี้ฝ่าบาททรงหวาดระแวงมากกว่าเดิม พระองค์ทรงหมกมุ่นอยู่กับการปรุงยาวิเศษที่จะทำให้มีอายุยืนยาว หลังผ่านเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ประตูอู่เต๋อ พระองค์ทรงหวาดระแวงต่อทุกสิ่งมากขึ้นทุกที หากแม่ทัพหลิวรายงานเรื่องนี้ในฎีกา หากไป๋ชิงเหยียนไม่ตาย ตำแหน่งรัชทายาทขององค์รัชทายาทก็คงหลุดลอยไป เมืองหลวงคงวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง”
แม่ทัพหลิวหงนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง เขาลูบขอบโต๊ะพลางทบทวนถ้อยคำของไป๋ชิงเหยียน
หากองค์รัชทายาททรงมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้จริงๆ เขาก็ถือเป็นเจ้านายที่ดี ที่สำคัญตอนนี้นอกจากองค์รัชทายาทแล้ว จักรพรรดิต้าจิ้นไม่มีโอรสองค์อื่นที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่และเหมาะสมที่จะขึ้นครองบัลลังก์อีก จริงสิ…ยังมีเหลียงอ๋องอีกหนึ่งคน
ทว่า เหลียงอ๋อง…
หลิวหงคิดว่าไม่ควรกล่าวถึงเขา
มีสิ่งหนึ่งที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วกล่าวถูกต้อง หากฮ่องเต้ทราบว่าองค์รัชทายาทให้ไป๋ชิงเหยียนลอบฝึกทหารลับหลังพระองค์ องค์รัชทายาทก็ถือเป็นผู้นำแคว้นคนหนึ่ง หากเกิดความบาดหมางระหว่างจักรพรรดิและผู้สืบทอดบัลลังก์ ราชสำนักคงสั่นคลอน เมื่อราชสำนักสั่นคลอน…แคว้นก็จะเกิดความไม่สงบ