ตอนที่ 790 หมื่นปี
เมื่อจ้าวเซิ่งได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ ความกังวลสุดท้ายที่อยู่ในใจจึงสลายหายไปในทันที เขารู้สึกขอบคุณไป๋ชิงเหยียนมาก ดวงตาเริ่มร้อนผ่าว เขาขอบคุณที่ไป๋ชิงเหยียนกล้าสาบานกับเขาด้วยถ้อยคำเช่นนี้ ความรู้สึกผิดต่อบรรพบุรุษตระกูลจ้าวที่คอยปกปักษ์รักษาแผ่นดินต้าเหลียงมาทุกรุ่นจึงหายไปทันที
จ้าวเซิ่งลุกขึ้นยืนคำนับให้ไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง
“กระหม่อมขอขอบพระทัยองค์หญิงเจิ้นกั๋วแทนชาวบ้านต้าเหลียงทุกคน องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดให้เวลากระหม่อมอีกสักสองสามวัน กระหม่อมจะเกลี้ยกล่อมแม่ทัพคนที่เหลือให้ได้ ครอบครัวของพวกเขาล้วนอยู่ที่เมืองหาน พวกเขาย่อมเป็นกังวลเป็นธรรมดา”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “แม่ทัพจ้าวทำเต็มที่ก็พอ ไม่จำเป็นต้องฝืนบังคับใจพวกเขา”
เมื่อกองทัพจิ้นมีจ้าวเซิ่งเข้ามาร่วมด้วย หลิวหงและไป๋ชิงเหยียนเข้าใจสถานการณ์ของเมืองหลิ่วโจวดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
บัดนี้จ้าวเซิ่งนั่งอธิบายสถานการณ์ของเมืองหลิ่วโจวเท่าที่เขารับรู้ให้บรรดาแม่ทัพของต้าจิ้นฟังอย่างละเอียดอยู่ในกระโจมที่พักของหลิวหง
สถานการณ์โรคระบาดในเมืองหลิ่วโจวไม่ได้รุนแรงมากนัก ทางการของเมืองหลิ่วโจวกักตัวชาวบ้านที่ติดเชื้อโรคระบาดไว้ที่วัดนอกเมือง จากนั้นส่งหมอและหมอเทวดาทั้งหลายไปช่วยรักษาอาการของพวกเขาที่วัดนอกเมือง
บรรดาครอบครัวของคนที่ติดเชื้อกลัวว่าพวกเขาจะไม่ได้รับการดูแลที่ดีจึงติดตามออกไปนอกเมืองด้วย คนหนุ่มสาวที่ติดตามไปดูแลผู้อาวุโสในครอบครัวมีไม่ค่อยมาก มารดาที่ติดตามไปดูแลบุตรมีมากกว่า
หลินคังเล่อได้ยินเช่นนี้จึงแสยะยิ้มเย็นออกมา
“ดังนั้นจึงมีคำกล่าวที่ว่ายินดีอดมื้อกินมื้อร่วมกับมารดา ทว่า ไม่มีทางตามไปเสพสุขกับบิดา”
หลินคังเล่อเกิดในครอบครัวยากจน เขามีความทรงจำเลวร้ายกับบิดาที่ทอดทิ้งเขาและมารดาไป ดังนั้นเขาจึงรักเกียจการกระทำของบิดาที่ไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของบุตร
จ้าวเซิ่งกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียนและหลิวหง “สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้จ้าวเซิ่งคิดว่าเราควรส่งทหารไปสำรวจสถานการณ์และส่งสูตรยาไปที่วัดก่อนขอรับ ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่นั่นจะได้รับการรักษาก่อน เช่นนี้ทางการ ชาวบ้านและทหารเมืองหลิ่วโจวจะได้รู้ว่าทหารกองทัพจิ้นจะไม่เข้าไปสังหารหรือปล้นของของชาวบ้านในเมือง ทว่า พวกเราจะเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาแทน จ้าวเซิ่งคิดว่าการทำเช่นนี้อาจโน้มน้าวให้ทหารที่คุ้มกันเมืองหลิ่วโจวยอมเปิดประตูเมืองให้พวกเราได้ง่ายขึ้น พวกเราจะได้เข้าไปในเมืองหลิ่วโจวได้โดยไม่ต้องสูญเสียทหารไปแม้แต่คนเดียวขอรับ”
เมื่อหลิวหงได้ยินจ้าวเซิ่งกล่าวเช่นนี้ เขาจึงหันไปมองทางไป๋ชิงเหยียน
“องค์หญิงเจิ้นกั๋วคิดว่าแผนการของแม่ทัพจ้าวเป็นไปได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ากลัวว่าหากส่งยาไปให้ก่อนอาจทำให้พวกเขาได้เปรียบ เมื่อหายดีแล้วพวกเขาอาจรวบรวมกำลังคนมาต่อสู้กับพวกเราได้มากขึ้นนะสิ” หลินคังเล่อไม่ค่อยเห็นด้วย
“ส่งหมอไปสำรวจสถานการณ์และรักษาชาวบ้านที่ป่วยก่อน ข้าจะรายงานเรื่องนี้ให้รัชทายาททราบอย่างละเอียดเอง” ไป๋ชิงเหยียนมองหลิวหง “พวกเราเป็นนักรบ พวกเราต่อสู้เพื่อปกป้องชาวบ้าน พวกเราคุ้มกันประตูเมืองจนตัวตายเพราะต้องการให้ชาวบ้านอยู่อย่างไร้ความกังวล ทหารที่คุ้มกันประตูเมืองหลิ่วโจวไม่มีทางทนเห็นชาวบ้านล้มตายเพราะโรคระบาดไปทีละคนได้หรอก ทหารที่ยอมจำนนโดยไม่ทำสงครามในครั้งนี้คือผู้มีเมตตา ไป๋ชิงเหยียนคิดว่าวิธีของแม่ทัพจ้าวได้ผล!”
จ้าวเซิ่งที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลังโต๊ะเล็กกำหมัดแน่น เขายอมรับว่าวิธีของเขาค่อนข้างเห็นแก่ตัว เขาอยากช่วยชีวิตชาวบ้านเมืองหลิ่วโจวให้ได้มากที่สุด โรคระบาดรุนแรงจนคร่าชีวิตคนได้ เสียเวลาไปวันหนึ่งเท่ากับสูญเสียชาวบ้านไปมากมาย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ทำตามที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วตรัสเถิด ให้…” หลิวหงมองไปทางหลินคังเล่อ เมื่อเห็นหลินคังเล่อขมวดคิ้วแน่นจึงมองไปทางหวังสี่ผิงอย่างต้องการให้เขาพวกเขาส่งลูกน้องไปที่นั่น ทว่า หวังสี่ผิงกลับก้มหน้างุดไม่ยินดีให้ให้ลูกน้องของตัวเองไปที่นั่นเพราะกลัวว่าลูกน้องของตัวเองจะติดเชื้อโรคระบาดเช่นเดียวกัน
“ข้าให้จ้าวหร่านลูกน้องของข้าไปก็แล้วกัน” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้น “ตอนที่จ้าวหร่านอยู่ที่ซั่วหยางเขาเคยเป็นลูกมืออยู่ที่ค่ายรักษาตัวมาก่อน เขารู้ดีว่าควรช่วยเหลือท่านหมอรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเช่นไร เขาสามารถป้องกันไม่ให้ตัวเองและทหารที่ติดตามไปด้วยติดเชื้อได้”
จ้าวเซิ่งมองไปทางไป๋ชิงเหยียนพลางกำหมัดแน่น เขายืดกายตรงแล้วโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน
“จ้าวเซิ่งขอบพระทัยองค์หญิงเจิ้นกั๋วแทนชาวบ้านเมืองหลิ่วโจวด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อคำสั่งถูกถ่ายทอดออกไปจากกระโจมที่พักของหลิวหง ไป๋ชิงเหยียนจึงเรียกจ้าวหร่านที่กำลังเตรียมส่งเสบียงไปยังวัดมาพบ
ไป๋ชิงเหยียนเดินเอามือไขว้หลังไปยังที่ลับตาคนพร้อมกับจ้าวหร่าน จากนั้นเอ่ยสั่งเสียงเบาหวิว
“เมื่อเจ้าไปถึงวัดที่นั่น เจ้าหาทางผูกมิตรกับทางการที่ถูกส่งไปควบคุมดูแลชาวบ้านที่ติดเชื้อเหล่าให้ได้ ชาวบ้านที่ติดเชื้อของเมืองหลิ่วโจวถูกส่งไปรักษาตัวที่วัดนอกเมือง ตอนออกจากเมืองทางการต้องมอบใบนำทางให้พวกเขา หากพวกเขาหายดีแล้วจะได้กลับเข้าไปในเมืองได้ เจ้าไปครั้งนี้จงพยายามหาทางหาใบนำทางของชาวบ้านที่เสียชีวิตไปแล้วมาให้ได้ ทางที่ดีควรเป็นใบนำทางของชาวบ้านต่างถิ่นที่อาศัยอยู่ในเมืองหลิ่วโจว ทว่า ถูกส่งตัวมารักษาตัวที่วัดเช่นเดียวกัน ทางการจะได้ไม่คุ้นเคยกับพวกเขามากนัก”
“ส่วนชาวบ้านที่หายดีแล้ว ทว่า ไม่ยอมกลับไปเมืองหลิ่วโจวเพราะเมืองหลิ่วโจวกำลังจะเกิดสงคราม เจ้าสามารถหาทางขอใบนำทางมาจากพวกเขา บอกพวกเขาว่าทหารต้าจิ้นจะหาที่อยู่ให้พวกเขาอย่างเหมาะสม ล่อให้พวกเขามายังค่ายทหารต้าจิ้นให้ได้”
จ้าวหร่านพยักหน้า
“เจ้าพาองครักษ์ไป๋ยี่สิบนายที่ติดตามข้ามาไปด้วยทั้งหมด บอกพวกเขาว่าหน้าที่ของพวกเขาคือมุ่งหน้าไปช่วยครอบครัวของจ้าวเซิ่งที่เมืองหานออกมาให้ได้ทั้งหมดโดยเร็วที่สุด ก่อนเจ้าออกเดินทางจงไปขอของแทนตัวตนของจ้าวเซิ่งไปด้วย!” ไป๋ชิงเหยียนกำชับ “เมื่อช่วยคนออกมาได้แล้วจงแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งปลอมตัวเป็นคนในครอบครัวของจ้าวเซิ่งมุ่งหน้ามารวมตัวกับกองทัพจิ้นทางใต้ อีกกลุ่มพาครอบครัวของจ้าวเซิ่งหนีไปทางเหนือของเมืองหาน จากนั้นหาที่หลบซ่อนตัว! รอให้พวกเรายึดเมืองหานได้สำเร็จก่อน พวกเจ้าค่อยกลับมายังเมืองหาน”
“อีกอย่าง หากพวกเจ้าหาใบนำทางของพ่อค้ามาได้ เมื่อเข้าไปในเมืองแล้วจงปลอมตัวเป็นบ่าวรับใช้ของผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคระบาดหรือชาวบ้านเร่ร่อนกระจายตัวไปตามแหล่งกระจายเสบียงอาหารที่สำคัญของต้าเหลียงในเมืองหลิ่วโจว จากนั้นกระจายข่าวว่ากองทัพจิ้นมอบสูตรยารักษาโรคระบาดให้ต้าเหลียงแล้ว บัดนี้กองทัพจิ้นกำลังช่วยเหลือชาวบ้านที่รอความตายอยู่ที่วัดนอกเมือง”
“ต้องมีชาวบ้านหรือพ่อค้าในเมืองหลิ่วโจวหลบหนีออกมาจากเมืองหลิ่วโจวเพราะกำลังจะเกิดสงครามขึ้น เจ้าสั่งให้คนขี่ม้าเร็วไปดักพวกเขาอยู่ตรงทุกเส้นทางที่ออกจากเมืองหลิ่วโจวได้แล้วขโมยใบยืนยันตัวตนของพวกเขามาเสีย พวกเจ้าต้องกระจายข่าวลือเรื่องที่ต้าเหลียงได้รับสูตรยารักษาโรคระบาดและกองทัพจิ้นกำลังช่วยรักษาชาวต้าเหลียงอยู่ออกไปให้กว้างและรวดเร็วที่สุด”
จ้าวหร่านเข้าใจจุดประสงค์ของไป๋ชิงเหยียนในทันที เขากำหมัดรับคำ “คุณหนูใหญ่ไม่ต้องห่วงขอรับ จ้าวหร่านจะจัดการให้เรียบร้อยขอรับ”
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม จ้าวหร่านพาคน หมอและยาเดินทางไปยังวัดที่อยู่นอกเมืองหลิ่วโจว
ไป๋ชิงเหยียนกลับไปเขียนจดหมายถึงรัชทายาทด้วยตัวเองในกระโจมที่พัก
หญิงสาวกล่าวขอบคุณรัชทายาทในจดหมายก่อนเป็นลำดับแรก กล่าวว่าไม่ว่าอย่างไรนางก็จะยึดเมืองหานซึ่งเป็นเมืองหลวงของต้าเหลียงมาให้ได้ บัดนี้สมุนไพรที่ใช้รักษาโรคระบาดโดยเฉพาะหวงเฉิน[1]ในต้าเหลียงกำลังขาดแคลน หากรัชทายาทสามารถหาสมุนไพรเหล่านี้ส่งมาได้ ไป๋ชิงเหยียนจะสามารถยึดเมืองของต้าเหลียงได้มากขึ้น ช่วยแบ่งเบาภาระของต้าจิ้นได้มากขึ้น
หญิงสาวยังเขียนไปในจดหมายตามความจริงอีกว่าขอเพียงยึดต้าเหลียงได้ ต้าจิ้นจะมีที่ราบอันกว้างใหญ่เพิ่มขึ้น มีแหล่งเสบียงอาหารที่อุดมสมบูรณ์มากขึ้น สามารถสร้างผลกำไรจากการค้าทางทะเลได้ ส่งผลดีต่อต้าจิ้นไปอีกนับหมื่นปี
[1] หวงเฉิน หรือภาษาแต้จิ๋วเรียกว่าอึ่งงิ้มรากแห้งเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล ตรงกลางมีเส้นสีแดงอมน้ำตาล ตำรายาจีนใช้รากทำยาขับพิษ ขับร้อน