หากว่าเป็นคนคุ้นเคยของตู๋กูซิงหลัน เช่นนั้นก็คงจัดการได้อยากแล้ว
เพราะตอนนี้ร่างกายของสตรีผู้นี้ยังแข็งทื่อเป็นตอไม้ คนที่สามารถมีความเกี่ยวพันกับนางได้นั้น คงไม่อาจผิดใจได้ง่ายๆ
พอมองดูบุรุษผู้นี้ เขาสวมใส่ชุดสีแดงตลอดทั้งร่าง ดวงตาคู่นั้นเป็นสีเขียว บนร่างมีไอหยินกำจายออกมาอย่างรุนแรงจนสามารถทำให้คนต้องตระหนก
เมืองกู่เย่วแห่งนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ อยู่ดีๆ ก็มีตัวร้ายกาจโผล่ออกมา
แต่ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ…..หน้าตาดีมากๆ
ก็แค่โดดเด่นนิดๆ หน่อยๆ ถึงกับต้องใช้เกี้ยวแปดคนหามมายกกลับไป ทั้งยังจะจับแม่นางน้อยนั้นไปทำเรื่องจ้ำจี้เสียก่อนแล้วค่อยกลืนกินอีกด้วย?
ชือหลีมิได้เคลื่อนไหววุ่นวาย เพียงแต่แบกตู๋กูซิงหลันเอาไว้บนบ่า
ตู๋กูซิงหลันในตอนนี้ไม่อาจยืนได้อีกแล้ว ตนจึงได้แต่ต้องเป็นสองขาให้กับนาง ถึงอย่างไรเสียตนเองก็เป็นเทพองค์หนึ่ง แค่แบกสาวน้อยนางหนึ่งไม่นับเป็นเรื่องหนักหนาอะไร
ตู๋กูซิงหลันมองดูฉู่เจียง พลางส่ายศีรษะ
“ข้าไม่คุ้ยเคยกับเขา” นางกล่าวเสียงหนัก “เพียงแต่ว่ากลิ่นไอบนร่างของเขาคล้ายคลึงกับเสินฟางอย่างยิ่ง”
นางเคยประมือถึงขั้นเป็นตายกับเสินฟางมาแล้ว จึงรู้สึกคุ้นเคยกับเขา
ยมราชทั้งสิบ ล้วนอยู่ภายใต้บัญชาของจักรพรรดิแห่งความมืด ที่ควบคุมโลกนรกภูมิทั้งหมด
ยมราชแต่ละตนมีหน้าที่แตกต่างกัน คนบนโลกขนานนามพวกเขาว่ายมราช บ้างก็เรียกว่าจอมมาร
ยมราชแต่ละตนล้วนมีความแข็งแกร่ง อาศัยบารมีของท่านอาจารย์ ตู๋กูซิงหลันเคยได้พบเจอกับสิบยมราชมาสองสามตน
ยมราชแต่ละตนมีเอกลักษณ์ในไอหยินของตนเอง
ไอหยินบนร่างของฉู่เจียง มีความคล้ายคลึงกับไอหยินบนร่างของเสินฟางอย่างยิ่ง
ประกอบกับ นางเองก็ไม่เคยได้พบยมราชตนอื่นๆ เพียงเคยได้ยินชื่อของพวกเขามาบ้างเท่านั้น
ฉู่เจียง คือยมราชลำดับที่สอง เดิมที่เขาคือยมราชผู้ควบคุมดูแลท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้โผล่มาอยู่ที่นี่
พอชือหลีได้ยิน ทั่วทั้งร่างก็รู้สึกไม่ค่อยสบายขึ้นมาในทันที
“คงไม่ได้โชคร้ายถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง? พอโผล่หน้าออกมาก็เจอกับยมราช เกรงว่าเจ้าคงจะรับมือไม่ไหวหรอก” นางคิดไปถึงจอมมารอย่างเสินฟางที่อยู่ในโลงทองแดงหลังนั้น….
ตอนนั้นขนาดชือหลีเองก็ยังไม่กล้าลงมือกับเขาเหมือนกัน
ตู๋กูซิงหลันในตอนนี้กลายเป็นคนพิการไปแล้ว เคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวก หากว่าพลังของฉู่เจียงใกล้จะฟื้นฟูได้สมบูรณ์แล้วละก็ พวกนางทั้งสองคนคงต้องดับอนาถอยู่ที่นี่
“อยากพึ่งใจฝ่อสิ จะอย่างไรเจ้าก็เป็นถึงเทพแห่งสายน้ำ” ตู๋กูซิงหลันกวาดตามองดูชือหลีครั้งหนึ่ง “ตอนที่ต่อสู้กับข้า เจ้าเก่งกาจมากเลยนะ”
ชือหลี “ข้าผู้เป็นเทพเอาชนะเจ้าไม่ได้ ทั้งยังถูกเจ้าควบคุมเอาไว้อีกต่างหาก”
ตู๋กูซิงหลัน “…….” ทำเป็นพูดดีพอชือหลีพูดออกมา ทำไมถึงได้ฟังดูเหมือนว่านางจะภาคภูมิใจเสียอย่างนั้น
“ถ้าหากว่าติ๊งต๊องและราชาสุนัขป่าอยู่ที่นี่ด้วยละก็ พวกเราก็ยังนับว่ามีแต้มต่ออยู่บ้าง แต่ว่าเจ้าสองตัวนั้นอยู่ในป่าลึก บนเขา ไอ้เจ้าถวนจื่อตัวดำของเจ้าก็ดีแต่พูด ใช้การอะไรไม่ได้ ผ่านมาก็ตั้งหนึ่งเดือนแล้วยังไม่ฟื้นขึ้นมา” ชือหลีว่าต่อไป “หรือพวกเราจะถอยก่อน?”
“ถอยไม่ได้แล้ว” ตู๋กูซิงหลันส่ายศีรษะ ขณะเดียวกันชือหลีก็พานางหลบหลีการโจมตีของฉู่เจียงอีกหลายระลอก
“หากถอยตอนนี้ เหลียงเซิงเซิงก็ต้องตายสถานเดียว” ตู๋กูซิงหลันพูด ขณะที่เขวี้ยงยันต์อีกหลายแผ่นในมือออกไป
ถึงแม้ว่าร่างกายจะพิการไปแล้ว แต่ว่าชิ้นส่วนของหยกสรรพชีวิตที่เสินฟางมอบให้นางมาทั้งหกชิ้นยังคงผนึกอยู่ในจิตวิญญาณของนาง
นางไม่ได้อ่อนแอเท่าไหร่นัก
“พี่สาว เจ้ากลายเป็นคนใจดีมีเมตตาชอบช่วยเหลือผู้คนตั้งแต่เมื่อไหร่?” ชือหลีถามออกมาตรงๆ ในใจของนาง ตู๋กูซิงหลันนั้นเป็นเหมือนกับดอกบัวสีดำดอกหนึ่ง สามารถแทงดาบใส่คนได้โดยไม่กระพริบตา นี่แสดงว่าตอนที่อยู่ในช่องว่างมิตินั้นสมองคงจะได้รับความกระทบกระเทือนไปด้วย คิดจะช่วยเหลือคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนางเพื่ออะไร?
“กฏของสำนักหุบเขาภูติของข้าคือไม่อาจเห็นความตายโดยไม่ช่วยเหลือ”
ชือหลี “……”
ยังดีที่การเคลื่อนไหวอย่างอึกทึกครึกโครมเช่นนี้ สร้างความสนใจให้ผู้คนในจวนจวิ้นอ๋องแล้ว
เหลียงจวิ้นอ๋องมาถึงเป็นคนแรก พอเห็นสถานการณ์ตรงหน้า สีหน้าของเขาก็มืดครึ้มลงไปในทันที
เขาไม่พูดไม่จาก็ก็กระชับหอกสีเงินขึ้นมา ผู้ติดตามทั้งหลายก็มิได้แตกตื่น พากับรายล้อมเอาไว้กระชับวงเข้ามา
พอเห็นศีรษะมนุษย์ที่แขวนอยู่นอกหน้าต่าง ในใจของพวกเขาก็พากันหวาดกลัวขึ้นมา
ปีศาจตนนั้นถึงกับกล้าบุกเข้ามาจนถึงภายในจวนของจวิ้นอ๋องของพวกเขา ทั้งยังคิดจะลงมือกับคุณหนูน้อย?
เหลียงจวิ้นอ๋องจะอย่างไรก็เป็นคนเฉียบขาด มีฝีมือสูงส่ง เขาแทงหอกออกไปหลายครั้ง แต่ละครั้งล้วนเปี่ยมไปด้วยไอสังหาร ชนิดที่ต่อให้เป็นภูติผียังต้องหลบหลีก
ฉู่เจียงโอบสาวน้อยเอาไว้ในอ้อมอก มองดูผู้คนที่มากันจนเต็มสวน
ทั้งยังเหลือบดูมุมมืด คนพวกนี้เขามิได้หวาดกลัว เพียงแต่คนที่อยู่ในมุมมืดนั่น….ปะทะกันไปหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็ยังดูไม่ออกว่าซุกซ่อนอยู่ตรงไหนกันแน่
เขาใช้มืออีกข้างคว้ายันต์สีเหลืองเอาไว้ ยันต์สีเหลืองในฝ่ามือแผดเผาผิวหนังบนฝ่ามือไปชั้นหนึ่ง
ดวงตาสีมรกตคู่นั้นมีเส้นเลือดผุดขึ้นมา
หยกสรรพชีวิต ถือเป็นของวิเศษล้ำค่า แม้แต่พวกเขาที่เป็นสิบยมราชก็ยังไม่อาจควบคุมได้
ถึงแม้ว่าเขาจะได้ครอบครองหยกมาบ้าง แต่ก็ไม่อาจแสดงพลังของพวกมันออกมาได้อย่างเต็มที่ เมื่อควบคุมไม่ได้ก็อาจจะถูกครอบงำแทนเสียด้วยซ้ำ
ภายในจวนจวิ้นอ๋อง ถึงกับมีผู้สูงส่งเช่นนี้อยู่?
เขาชักอยากจะเห็นหน้าขึ้นมาสักครั้ง ในขณะที่เขาเผลอใจลอยอยู่นั้น หอกของเหลียงจวิ้นอ๋องก็พุ่งมาถึง
ครั้งนี้ถึงกับกระแทกถูกหลังมือของเขาโดยไม่มีผิดเพี้ยน
ฉู่เจียงคลายมือออก สาวน้อยที่ถูกเขาโอบอุ้มเอาไว้อย่างแนบแน่นมาตลอดก็ร่วงลงมา
เหลียงจวิ้นอ๋องรีบโฉบเข้ามารับตัวหลานสาวเอาไว้
ผู้คนทั้งหลายต่างก็ฮือกันเข้ามาโอบล้อมฉู่เจียง เมืองกู่เย่วเกิดมีปีศาจเช่นนี้อยู่จะต้องไม่สงบสุขเป็นแน่
จะต้องจัดการกำจัดเขาทิ้งเสีย!
ฉู่เจียงสะบัดแขนเสื้อเกิดเป็นสายลมรุนแรงที่เย็นยะเยือกจากพลังหยินขุมหนึ่งพัดขึ้น
เสื้อเกราะของผู้คนทั้งหลายถูกพัดจนปลิดปลิวกระจัดกระจาย กระทั่งเนื้อหนังยังถูกกรีดขาด
ฉู่เจียงเองก็มิได้รั้งรอ ในขณะที่ฝูงชนกำลังเจ็บปวดทรมาน เขาก็กลายเป็นหมอกสีแดงหอบหนึ่งสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
เกี้ยวสีแดงเลือดและสาวใช้ในชุดแดงทั้งแปดนางก็หายไปพร้อมๆ กับเขาเช่นกัน
ทั่วทั้งสวนตะวันออกเงียบสงบลงอีกครั้ง
เหลียงจวิ้นอ๋องโอบอุ้มเหลียงเซิงเซิงเอาไว้ด้วยสีหน้าร้อนรน
บนลำคอของเหลียงเซิงเซิงมีรอยเลือดลึกสองรอย ตอนนี้นางสลบไสลไม่ได้สติ เรียกอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น
“เร็วเข้า รีบไปเชิญท่านหมอเจียงมา!” เหลียงจวิ้นอ๋องอุ้มหลานสาวของตนเองเข้าไปภายในเรือนอย่างรวดเร็ว
“เก็บกวาดสิ่งที่อยู่นอกหน้าต่างนั่นไปให้หมด” พอมองออกไปเห็นศีรษะมนุษย์ที่แขวนเรียงรายอยู่โทสะของเขาก็พลุ่งพล่าน
หลานสาวผู้เป็นดั่งดวงใจของเขากลับต้องมาประสบพบเจอกับเรื่องแบบนี้ ทำให้เขาอยากจะฆ่าคนขึ้นมา
ไอ้ปีศาจที่สมควรตายนั่น แม้แต่หลานสาวของเขาก็ยังกล้าแตะต้อง เขาจะต้องไม่ปล่อยมันเอาไว้อย่างแน่นอน!
เหลียงเซิงเซิงนอนอยู่บนเตียง ด้วยใบหน้าซีดขาว
เพียงครู่เดียว ก็เห็นท่านหมอชราในชุดสีเขียวผู้หนึ่งเข้ามา
เขาแบกกล่องยาเอาไว้ด้วยท่าทางรีบร้อน
ในมุมมืด ชือหลีที่ดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับคิดร้องด่าออกมาแล้ว!
“ไอ้เฒ่านั่นมิใช่บอกว่าจะไม่รักษาคนต้าโจวหรือ? ทำไมพอเป็นหลานสาวของเหลียงจวิ้นอ๋องเขาถึงได้ช่วยกันเล่า?” ไฟโทสะของชือหลีลุกท่วมสามจั้ง
เจียงชวี่ปิ้งไอ้เฒ่าชราผู้นี้ ที่จริงก็เป็นแค่เจ้าที่เจ้าทางเล็กๆ ผู้หนึ่ง แต่พออยู่ต่อหน้านางกลับทำท่าทำทางถือดีนัก
ก่อนหน้านี้ตอนที่นางพาตู๋กูซิงหลันไปขอให้เขาทำการรักษา ท่าทางยโสของเขาทำเอานางอยากจะเหยียบให้จมดินนัก
ดีนักเชียว แคว้นต้าโจวทำลายแคว้นกู่เย่ว เขาเกลียดชังคนต้าโจว นางก็สามารถเข้าใจได้
แต่ทำไมคำพูดคำจาถึงได้เสมือนผายลมเช่นนี้ พอเหลียงจวิ้นอ๋องเรียกหาเขาก็รีบมาเลยหรือ?
ชือหลีบิดแขนเสื้อไปมา นัยตาของนางเปล่งประกายวาววับ
ตู๋กูซิงหลันนั่งอยู่บนบ่าของนาง “เยือกเย็นไว้”
——
คุยกันนิดนึง:
ไรท์: งานนี้มีคนตายแน่นอน เล่นกับใครไม่เล่น เล่นกับชือหลี เฮอะ!
ตอนต่อไป: รักษาโรคด้วยวิธีหลับนอน
แค่ชื่อตอนก็……….