ตอนที่ 820 เยี่ยมยอด
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองซีไหวอ๋อง “สามารถต้านได้ถึงวันที่ซีไหวอ๋องไปพบแม่ทัพหน้ากากผีในช่วงปลายเดือนสามหรือต้นเดือนสี่หรือไม่ สามารถต้านได้ถึงวันที่แม่ทัพหน้ากากผีนำทัพเดินทางผ่านแคว้นต้าจิ้นไปยังแคว้นเว่ยหรือไม่ ระยะเวลากว่าสามถึงสี่เดือนเช่นนี้ ซีไหวอ๋องกล้าเอาแคว้นเว่ยมาเสี่ยงอย่างนั้นหรือ”
ในขณะที่กำลังทำสงครามของตัวเองอยู่ ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยหยุดให้ความสนใจสถานการณ์รบของต้าเยี่ยนและต้าเว่ย ข่าวสถานการณ์รบถูกส่งกลับมาไม่หยุดหย่อน ไป๋ชิงเหยียนที่เก่งกาจในการทำสงครามมองแผนของต้าเยี่ยนออกนานแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามที่ไป๋ชิงเหยียนคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด
หากพิจารณาจากสถานการณ์สงครามครั้งล่าสุดที่ไป๋ชิงเหยียนรู้มาประกอบกับความเร็วในการทำสงครามของต้าเยี่ยนที่ไป๋ชิงเหยียคำนวณไว้ บัดนี้เซี่ยสวินและองค์ชายรองมู่หรงผิงคงใกล้รวมตัวกันแล้ว กระทั่งอาจจะรวมตัวกันเรียบร้อยและกำลังยกทัพไปยังเมืองชางแล้ว
ทว่า แม่ทัพใหญ่ที่สามารถใช้งานได้ของแคว้นเว่ยมีไม่มากแล้ว
เมืองชางคือเมืองหลวงของแคว้นเว่ย!
ถึงแม้ตอนนี้แคว้นเว่ยจะย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองเว่ยสู่แล้ว ทว่า ในสายตาของชาวบ้านแคว้นเว่ย เมืองชางยังคงเป็นเมืองหลวงของพวกเขา
หากต้าเยี่ยนเดินทางไปถึงเมืองชางเท่ากับเป็นการเหยียบย่ำแคว้นเว่ยให้อยู่ใต้ฝ่าเท้า แคว้นเว่ยไม่มีทางยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น พวกเขาทำได้เพียงส่งแม่ทัพใหญ่ซ่งกวนซวีที่ไม่ได้สวมชุดเกราะออกรบมานานนำทัพคุ้มกันเมืองชางไว้อย่างหนาแน่น
เซียวหรงเหยี่ยนรู้มานานแล้วว่าไป๋ชิงเหยียนมีความสามารถในการวางแผนและคาดการณ์สถานณ์รบได้แม่นยำราวกับตาเห็น ชายหนุ่มไม่ได้ร้อนรนเพราะถูกมองออก
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวถูกแล้ว หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่กำหนดไว้ก่อนที่เขาจะเดินทางมาที่นี่ บัดนี้องค์ชายรองมู่หรงผิงและเซี่ยสวินคงรวมตัวกันเรียบร้อยและกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองชางแล้ว
ต้าเยี่ยนต้องยึดเมืองชางให้ได้ ทว่า พวกเขาไม่ได้รีบร้อนที่จะยึดเมืองชางให้ได้ในทันที เพราะต่อให้ยึดเมืองชางได้แล้ว ทว่า หากราชวงศ์เว่ยยังดำรงอยู่ แคว้นเว่ยก็สามารถย้ายเมืองหลวงไปยังที่อื่นต่อได้ แคว้นเว่ยจะยังคงมีอยู่ต่อไป
ต้าเยี่ยนต้องการถอนรากถอนโคน ต้าเยี่ยนจะหลอกล่อให้กองกำลังหลักของแคว้นเว่ยมายังเมืองชาง จากนั้นจะลอบเดินทางไปยังเมืองเว่ยสู่ซึ่งเป็นเมืองหลวงใหม่ของแคว้นเว่ยเพื่อกำจัดราชวงศ์ของแคว้นเว่ยให้สิ้นซาก
สายตาลึกล้ำและสงบนิ่งของไป๋ชิงเหยียนจ้องไปที่ซีไหวอ๋องจนเขารู้สึกหวั่นวิตก ตั้งแต่ที่เขาถูกลอบสังหารและหลบหนีมาที่นี่พร้อมกับเซียวหรงเหยี่ยน เขาไม่ได้รับรายงานสถานการณ์รบของแคว้นเว่ยนานแล้ว ทว่า ต้าเยี่ยนจะทำสงครามรวดเร็วจนใกล้ถึงเมืองชางแล้วจริงๆ อย่างนั้นหรือ
แม่ทัพใหญ่ซ่งกวนซวี่เป็นคนนำทัพเองอย่างนั้นหรือ! ทว่า แคว้นเว่ยทำสงครามพ่ายแพ้มาหลายครั้งก็ยังไม่เคยคิดจะส่งแม่ทัพซ่งกวนซวี่ออกไปรบเลยสักครั้ง นอกจากอายุที่ค่อนข้างมากแล้ว แม่ทัพซ่งกวงซวี่ยังป่วยออดแอด บัดนี้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยการพึ่งพายาเท่านั้น แคว้นเว่ยปิดบังเรื่องนี้ไว้อย่างมิดชิดเพราะแม่ทัพซ่งกวนซวี่คือที่พึ่งหลักของแคว้นเว่ย ตอนนั้นแคว้นเว่ยทำสงครามกับต้าเยี่ยนอย่างดุเดือดจึงไม่กล้าปล่อยให้เรื่องนี้หลุดลอดไป
หากเป็นจริงดังที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าว แม่ทัพซ่งกวนซวี่จะยื้อได้นานเพียงใดกันเชียว
“ตั้งแต่ที่ถูกตามฆ่า ข้าก็ไม่ได้ข่าวจากแคว้นเว่ยอีกเลย” ซีไหวอ๋องมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนอย่างร้อนรน “หากเป็นเช่นนี้พวกเราจะรอช้าต่อไปไม่ได้แล้ว หรงเหยี่ยน พวกเราคงต้องออกเดินทางไปตามหาแม่ทัพหน้ากากผีแห่งหรงตี๋ตอนนี้เลย”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้าให้ซีไหวอ๋องเล็กน้อย
“ซีไหวอ๋องไม่จำเป็นต้องร้อนใจถึงเพียงนี้ ข้าคิดว่าต้าเยี่ยนคงไม่บุกยึดเมืองชางในเร็วๆ นี้หรอก” ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “หากข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของต้าเยี่ยน ข้าจะล่อให้กองกำลังหลักของแคว้นเว่ยมายังเมืองชาง จากนั้นส่งแม่ทัพดุดันอ้อมบุกไปยังเมืองเว่ยสู่ซึ่งเป็นเมืองหลวงใหม่ของแคว้นเว่ย”
ใจของซีไหวอ๋องกระตุกวูบ เขาเบิกตาโพลงมองไปทางไป๋ชิงเหยียน
เซียวหรงเหยี่ยนกำมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแน่น หยัดแผ่นหลังตรง รอยยิ้มในแววตาเพิ่มมากขึ้น วันหน้าตอนที่เขาต้องเผชิญหน้ากับไป๋ชิงเหยียน สงครามครั้งนั้นคงยากและลำบากมากทีเดียว
ทว่า ความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจค่อยๆ หายวับไป เซียวหรงเหยี่ยนรู้สึกตื่นเต้นและเลือดร้อนเพราะมีคนรักและคู่แข่งที่เก่งกาจถึงเพียงนี้
“ขอเพียงราชวงศ์เว่ยยังอยู่ ขอเพียงพวกเขาไม่ยอมจำนน พวกเขาจะเปลี่ยนเมืองหลวงอีกกี่เมืองก็ได้ แคว้นเว่ยจะยังคงมีอยู่ต่อไป! ต่อให้ต้าเยี่ยนจะยึดเมืองหลวงของแคว้นเว่ยได้มากเท่าใดก็ไม่เป็นผลใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงกำจัดราชวงศ์ของแคว้นเว่ยได้อย่างสิ้นซากเท่านั้นจึงจะทำให้แคว้นเว่ยดับสูญอย่างแท้จริง”
คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนทำให้ซีไหวอ๋องหวาดผวาจนแทบหล่นลงจากเก้าอี้
หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ให้ซีไหวอ๋องฟัง ซีไหวอ๋องอาจจะไม่เชื่อ ทว่า นี่คือเทพสังหารไป๋ชิงเหยียนแห่งแคว้นต้าจิ้น ซีไหวอ๋องจะไม่หวั่นวิตกได้อย่างไรกัน
หากเป็นดังที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวมาจริงๆ แคว้นเว่ยกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว!
หากต้องการช่วยเหลือแคว้นเว่ยให้ดำรงอยู่ต่อไปคงมีเพียงการยอมเป็นรัฐบรรณาการของต้าเยี่ยนเท่านั้น!
เมื่อเห็นสีหน้าของซีไหวอ๋องซีดเผือด ไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวเสียงเบาหวิว
“บางทีข้าอาจกังวลมากเกินไป หวังว่าผู้ที่วางแผนรบให้ต้าเยี่ยนจะไม่ได้คิดเช่นเดียวกับข้า เช่นนั้นซีไหวอ๋องจะได้มีเวลาไปขอร้องให้หรงตี๋ช่วยเหลือ”
ซีไหวอ๋องลุกขึ้นยืนโค้งคำนับให้ไป๋ชิงเหยียนอีกครั้งด้วยความจริงใจ “ขอบคุณองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่ชี้แนะ ข้าจึงตาสว่างเสียที”
“ข้ากล่าวสิ่งที่ควรกล่าวไปหมดแล้ว ข้าขอตัวก่อน!” ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนกำหมัดคารวะซีไหวอ๋อง
ซีไหวอ๋องปฏิบัติต่อไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อมที่สุด เขาเดินลงไปส่งไป๋ชิงเหยียนที่ด้านล่างด้วยท่าทีนอบน้อมเช่นเดียวกับที่เขาเคยปฏิบัติกับเสด็จพี่ของเขา จากนั้นสั่งให้เซียวหรงเหยี่ยนออกไปส่งไป๋ชิงเหยียนนอกโรงเตี๊ยม
เซียวหรงเหยี่ยนเดินเคียงบ่าไปคู่กับไป๋ชิงเหยียน ทั้งสองเดินผ่านเสาแกะสลักตรงระเบียงทางเดินยาวของโรงเตี๊ยม เมื่อเห็นองครักษ์ทิ้งระยะห่างไกลพอสมควร ชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้น “อาเป่ามองแผนการรบออกอย่างเฉียบขาด หากวันหน้าพวกเรากลายเป็นศัตรูกัน ข้าคงต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา”
“เช่นนี้แสดงว่าต้าเยี่ยนต้องการล่อกองกำลังหลักของแคว้นเว่ยไปยังเมืองชาง จากนั้นส่งกองทัพส่วนหนึ่งบุกไปยังเมืองสู่เพื่อทำลายราชวงศ์เว่ยจริงๆ อย่างนั้นสินะ” ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองเซียวหรงเหยี่ยน
“ต้าเยี่ยนไม่ได้มีกองทัพที่แข็งแกร่งมากมายดั่งต้าจิ้น พวกเราจึงต้องใช้อุบายเล็กน้อย…” รองเท้าหนังกวางหุ้มข้อของเซียวหรงเหยี่ยนเหยียบไปบนแสงสีส้มของดวงตะวันที่สาดลงบนพื้นกระเบื้องใส เงาของชายหนุ่มทอดยาวไปไกล
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นถามต่อ “ข้าได้ยินชิงจู๋เล่าว่าดาบของเยว่สือเยี่ยมยอดมาก ดาบแทงทะลุเกราะเหล็กของเฉาเหรินอี้ หมอทหารที่ทำแผลให้เฉาเหรินอี้กล่าวว่าบาดแผลสาหัสมาก”
ไป๋ชิงเหยียนมองเซียวหรงเหยี่ยน “ดาบเล่มนั้นมีที่มาที่ไปหรือไม่”
ไป๋ชิงเหยียนอยากถามว่าดาบเล่มนั้นใช้หมึกดำเป็นส่วนผสมตอนหล่อดาบขึ้นมาหรือไม่
ก่อนหน้านี้เฉิงซ่านหรูเล่าว่าตอนเขาศึกษาตำราโบราณ เขาพบว่าผงหมึกดำก็คือผงจินกัง ผงนี้มาจากจีโฮ่ว หากใช้ผงนี้หลอมดาบ ดาบนั้นจะไร้เทียมทาน สามารถตัดเหล็กได้ราวกับตัดโคลน สามารถตัดขนที่ลอยมาตามอากาศให้ขาดวิ่นได้ทันที
“ดาบล้ำค่าของเยว่สือมีนามว่าเวิ่นเยว่ เวิ่นเยว่มีคำว่าเยว่เช่นเดียวกับนามของเยว่สือ เสด็จพี่ของข้าจึงมอบดาบเล่มนี้ให้เยว่สือ หากกล่าวถึงที่มาที่ไป…ตอนนั้นเสด็จแม่สั่งให้คนหลอมดาบเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อมอบให้เสด็จพ่อ ทว่า น่าเสียดายที่เสด็จแม่ของข้าจากไปก่อนที่ดาบเล่มนี้จะหลอมเสร็จด้วยซ้ำ”
แสงแดดสีส้มนวลสาดส่องลงบนใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยน ดวงตาล้ำลึกของชายหนุ่มสงบนิ่งราวกับสายน้ำ มองไม่ออกว่าชายหนุ่มกำลังรู้สึกอันใดอยู่ ชายหนุ่มดูอ้างว้างจนแสงแดดที่อบอุ่นส่องเข้าไปไม่ถึงใจของชายหนุ่มแม้แต่น้อย
ไป๋ชิงเหยียนคิดไม่ถึงว่าการที่นางถามเรื่องที่มาของดาบจะเป็นการสะกิดแผลใจของเซียวหรงเหยี่ยน หญิงสาวชะงักฝีเท้าลง จากนั้นหันไปมองเซียวหรงเหยี่ยน