ตอนที่ 822 ข้าเชื่อ
ซีไหวอ๋องกระพริบดวงตาที่แดงก่ำเล็กน้อย จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทว่า อ่อนล้า “กลับไปเก็บร่างของไทเฮาและฝ่าบาทหรือไม่ก็ไปเฝ้าหลุมศพของพวกเขาก็ยังดี! ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกลับไป!”
“ท่านอ๋องเคยวางแผนสำรองไว้ว่าหากช่วยเหลือไม่ทันจะไม่กลับไปบ้างหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เสด็จไปทางใต้ต่อไปเรื่อยๆ จากนั้นไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในที่ที่บรรยากาศดี มีธรรมชาติรายล้อม ใช้ชีวิตอย่างคนมั่งคั่งไปเรื่อยๆ ไม่ดีหรือพ่ะย่ะค่ะ” เซียวหรงเหยี่ยนอยากให้ซีไหวอ๋องบอกแผนการจริงๆ ที่คิดให้เขาฟัง “ท่านอ๋องเคยช่วยเหลือหรงเหยี่ยนตอนอยู่ในแคว้นเว่ยมากมาย หรงเหยี่ยนยินดีช่วยเหลือท่านอ๋องหาที่สร้างตัวใหม่ จะช่วยให้ท่านอ๋องกลายเป็นคนมั่งคั่งไปตลอดชีวิตดั่งที่ท่านอ๋องเคยฝันแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ซีไหวอ๋องมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ดวงตาที่มีน้ำตาคลอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“หรงเหยี่ยน แม้ในชีวิตนี้ข้าจะมีสหายมากมาย ทว่า เจ้าเป็นคนเดียวที่ยื่นมือช่วยเหลือข้าตอนข้ามีอันตราย ข้ามีเจ้าเป็นสหายถือเป็นกำไรของข้า”
ซีไหวอ๋องกล่าวพลางน้ำตาไหล เขารีบใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาทิ้ง จากนั้นถอนหายใจยาวออกมา เขาหัวเราะเสียงเย็นเบาๆ เมื่อปรับอารมณ์ของตัวเองได้จึงเงยหน้ามองเซียวหรงเหยี่ยนด้วยสายตาจริงจัง
“หรงเหยี่ยน เจ้าไม่ต้องกลับไปแคว้นเว่ยแล้ว แม้เจ้าจะเป็นคนแคว้นเว่ย ทว่า เจ้ามีกิจการอยู่ในทุกแคว้น จริงสิ…เจ้ายังเป็นคู่หมั้นขององค์หญิงเจิ้นกั๋วด้วย แม้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะมีทายาทยาก ทว่า นางเป็นหญิงงามที่หาตัวจับได้ยาก วันหน้าเมื่อเจ้าแต่งเข้าไปเป็นเขยตระกูลไป๋ เจ้าจะเกี่ยวดองเป็นญาติกับราชวงศ์ต้าจิ้น จะไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกเจ้าแน่นอน”
“หากเจ้าอยากมีทายาท เจ้าอย่าได้คิดมีอนุเด็ดขาด อย่าไปทำตัวเจ้าชู้ในแคว้นต้าจิ้นเป็นอันขาด”
ซีไหวอ๋องกล่าวถึงตรงนี้แล้วก็หลุดหัวเราะออกมา
“ข้าลืมไป เจ้าเป็นคนดีนี่นา ถ้าเจ้ารักองค์หญิงเจิ้นกั๋วจริงๆ วันหน้าพวกเจ้ารับเด็กมาอุปการะก็สิ้นเรื่อง”
ซีไหวอ๋องกล่าวไปเรื่อยๆ แม้บางคำจะกล่าวย้ำไปย้ำมา ทว่า ล้วนเป็นถ้อยคำที่ออกมาจากใจของซีไหวอ๋องที่เขาอยากบอกให้สหายเซียวหรงเหยี่ยนผู้นี้ของเขารับรู้
เซียวหรงเหยี่ยนกำหมัดแน่น จากนั้นกล่าวขึ้น “ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องเสด็จกลับไปแคว้นเว่ย ไทเฮาและอัครมหาเสนาบดีกงซุนส่งท่านอ๋องมาขอความช่วยเหลือให้แคว้นเว่ยเพราะต้องการให้สายเลือดของราชวงศ์เว่ยยังหลงเหลืออยู่ วันหน้าจะได้กลับไปแก้แค้นได้พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อซีไหวอ๋องได้ยินคำกล่าวของเซียวหรงเหยี่ยน แววตาของเขามืดมนไปชั่วครู่ราวกับเด็กหลงทาง จากนั้นกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
ซีไหวอ๋องส่ายหน้า จากนั้นกล่าวยิ้มเยาะตัวเอง “ข้ารู้ตัวเองดีว่าข้าเป็นคนเช่นไร ไทเฮาและอัครมหาเสนาบดีกงซุนก็รู้ดีเช่นเดียวกัน คนอย่างข้าแค่หนีเอาตัวรอดยังลำบาก ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการแก้แค้นในวันข้างหน้าเลย จะว่าไปแล้วข้าทำผิดต่ออัครมหาเสนาบดีกงซุนมากจริงๆ เขายุ่งมากถึงเพียงนั้นยังต้องเจียดเวลามาช่วยสอนข้าตามคำสั่งของเสด็จพี่ ทว่า ข้ากลับทำให้อัครมหาเสนาบดีกงซุนโมโหทุกครั้ง ไม่เคยทำให้เขาพอใจได้เลยสักครั้ง!”
ซีไหวอ๋องกล่าวเสียงสะอื้นพลางถอนหายใจออกมา “ข้าคือสายเลือดของราชวงศ์เว่ย แคว้นเว่ยตกอยู่ในอันตราย ข้าไม่มีความสามารถยกดาบออกไปสู้กับศัตรูเพื่อปกป้องแคว้นของตัวเองและไม่มีความกล้ามากพอที่จะตายเพื่อบ้านเมือง ข้ากลับไปแคว้นเว่ย ปล่อยให้สวรรค์เป็นผู้กำหนดโชคะตาของข้า นี่คือการแสดงความจงรักภักดีต่อแคว้นเว่ยเท่าที่ข้าจะทำได้แล้ว”
“ท่านอ๋อง…”
“หรงเหยี่ยน ข้ารู้ดีว่าเจ้าคือสหายที่ดีของข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องเกลี้ยกล่อมข้าแล้ว ข้าตัดสินใจไปแล้ว ข้าใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญมาครึ่งชีวิต นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าตัดสินใจในแบบที่บุรุษคนหนึ่งควรทำเช่นนี้ แค่น่าเสียดายที่ข้าคงไม่มีโอกาสดื่มสุราและฟังดนตรีร่วมกับเจ้าอีกแล้ว”
ซีไหวอ๋องสูดหายใจลึก จากนั้นยิ้มให้เซียวหรงเหยี่ยนราวกับเด็ก
“ทว่า นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีทางเลือก ข้าคือสายเลือดของราชวงศ์เว่ย ถึงแม้ยามปกติจะไม่ได้เรื่องมากเพียงใด ทว่า เมื่อแคว้นตกอยู่ในอันตราย ข้าจะทิ้งคนในราชวงศ์ไปได้เช่นไรกัน มิเช่นนั้นวันหน้าหากพบหน้าเสด็จพ่อของข้าข้าคงถูกตีที่ฝ่ามือแน่นอน ตอนเด็กๆ ข้าถูกเสด็จพ่อตีนับครั้งไม่ถ้วน หากไม่ได้เสด็จพี่ มือข้าคงขาดไปนานแล้ว!”
“เสด็จพี่ของข้าเป็นจักรพรรดิที่ดี เป็นพี่ชายที่ดี น่าโมโหนักที่แคว้นต้าเยี่ยนสังหารเสด็จพี่ของข้า คนที่ตายควรเป็นข้า! ข้าคือคนที่ไม่ได้เรื่องที่สุดในราชวงศ์! เอาแต่ก่อปัญหาให้เสด็จพี่คอยตามแก้ไขให้…”
ซีไหวอ๋องกล่าวพลางน้ำตาไหลพราก แขนเสื้อของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา
ซีไหวอ๋องกล่าวเช่นนี้เพราะรับรู้ได้ว่าแคว้นเว่ยใกล้จะดับสูญลงแล้ว เขาแค่รู้สึกหวาดกลัวเท่านั้น
“วันหน้าหากพบเสด็จพ่อและเสด็จพี่ของข้า สิ่งเดียวที่ข้าพอจะกล่าวได้อย่างภูมิใจก็คือข้าไม่ได้หลบหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวตอนที่แคว้นเว่ยประสบภัย ข้าสามารถทูลเสด็จพี่ได้ว่าแม้ข้าจะไม่สามารถช่วยเหลือแคว้นเว่ยไว้ได้ ทว่า ข้าไม่ได้หนีเอาตัวรอดไปคนเดียวอย่างคนอ่อนแอ เช่นนี้บางทีนอกจากความผิดหวังแล้ว เสด็จพี่อาจภูมิใจในตัวข้าขึ้นมาบ้าง รู้สึกว่าข้าไม่ใช่คนไร้ประโยชน์เสียทีเดียว”
ซีไหวอ๋องไม่รู้ว่าตัวเองกล่าวไปนานเท่าใด เมื่อท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดลงแล้ว ซีไหวอ๋องที่นั่งอยู่ในความมืดในห้องจึงกล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยนเสียงแหบพร่า
“หรงเหยี่ยน เจ้าไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงอันตรายกับข้าแล้ว! เจ้าทำเพื่อข้ามามากแล้ว เจ้าจงรักภักดีต่อแคว้นเว่ยอย่างที่สุด เจ้าปฏิบัติต่อสหายอย่างข้าอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว นับแต่นี้เป็นต้นไปข้าจะเดินไปข้างหน้าด้วยตัวของข้าเอง ข้าไม่อยากทำให้เจ้าเดือดร้อนอีกต่อไป!”
ซีไหวอ๋องกล้ากล่าวประโยคนี้กับเซียวหรงเหยี่ยนในที่มืดตอนนี้เท่านั้น มิเช่นนั้นเขาคงไม่กล้ากล่าวเช่นนี้ออกไป
เพราะตลอดทางที่ผ่านมาเซียวหรงเหยี่ยนคือที่พึ่งเดียวของเขา เซียวหรงเหยี่ยนเป็นคนช่วยเขาให้รอดจากความตายหลายต่อหลายครั้ง มิเช่นนั้นเขาคงตายไปนานแล้ว
ซีไหวอ๋องในวันนี้ทำให้เซียวหรงเหยี่ยนประหลาดใจหลายครั้งแล้ว
“วาสนาของเราทั้งสองคนจบลงแล้ว หรงเหยี่ยน…สิ่งที่ข้าติดค้างเจ้า ชาติหน้าข้าจะชดใช้คืนให้เจ้า เจ้าเชื่อข้านะ!” ซีไหวอ๋องกล่าวเสียงจริงจัง
“กระหม่อมเชื่อท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าว
“ดีแล้ว…ดีแล้ว! ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่เชื่อข้า ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในแคว้นเว่ย ข้าใช้อำนาจของข้าหลอกเอาของล้ำค่าไปจากเจ้ามากมาย ทว่า ไม่เคยทำเรื่องที่เจ้าขอร้องสำเร็จเลยสักครั้ง เมื่อนึกย้อนแล้วข้าก็รู้สึกผิดมาก ข้าหลอกเอาของล้ำค่าของผู้อื่นไปมากมายจนบางครั้งข้าก็ไม่อยากเชื่อตัวเอง ผู้อื่นไม่กล้ากล่าวสิ่งใดเพราะข้าคือน้องชายที่เสด็จพี่รักมากที่สุด บัดนี้ข้าสูญสิ้นอำนาจ กลายเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอก ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะยังช่วยเหลือข้าเช่นนี้ เจ้าเป็นสหายที่ดีของข้าจริงๆ!”
บนโรงเตี๊ยมชั้นสองของเมืองต้าหมิงในวันนี้ ซีไหวอ๋องราวกับคนที่จมอยู่กับเรื่องในอดีตทั้งวัน
วันรุ่งขึ้น ฟ้ายังไม่ทันสว่างซีไหวอ๋องก็สั่งให้คนเก็บสัมภาระออกเดินทางโดยไม่รบกวนเซียวหรงเหยี่ยน
เซียวหรงเหยี่ยนและเยว่สือยืนมองคนของซีไหวอ๋องผูกสัมภาระบนไว้หลังม้าอยู่บนหลังคาสูงของโรงเตี๊ยม จากนั้นค่อยๆ จากไปจากโรงเตี๊ยม
เยว่สือเอ่ยถามเซียวหรงเหยี่ยน “นายท่านจะให้คนไปขัดขวางซีไหวอ๋องหรือไม่ขอรับ เมื่อคืนซีไหวอ๋องได้รับข่าวล่าสุดของแม่ทัพหน้ากากผี ตอนนี้เขาคงต้องการเร่งเดินทางไปดักรอแม่ทัพหน้ากากผีที่เซียงเหลียงก่อนวันที่สิบสาม เดือนหนึ่งขอรับ ซีไหวอ๋องมีข่าวคราวของแม่ทัพหน้ากากผี หากปล่อยให้เขาพบกับแม่ทัพหน้ากากผีจริงๆ…”