ตอนที่ 829 ปัญหาตามมาไม่หยุด
เมื่อเห็นพลทหารม้าหนักเข้ามาในวังหลวงเป็นกลุ่มแรก บรรดาตระกูลสูงศักดิ์ต่างพากันกระซิบกระซาบ
จนเมื่อรถม้าศึกของจักรพรรดิต้าเยี่ยนเคลื่อนเข้ามาท่ามกลางแสงตะวัน พวกเขาจึงหยุดบทสนทนาและรีบจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อย เตรียมตัวให้พร้อมที่จะเจรจาเงื่อนไขกับจักรพรรดิต้าเยี่ยน ตระกูลเก่าแก่ของแคว้นเว่ยไม่มีทางยอมรับระบอบการปกครองใหม่ของต้าเยี่ยนแน่นอน
รถม้าศึกหยุดลงที่หน้าบันไดหินอ่อนสูงสีขาว เฝิงเย่ารีบเข้าไปเปิดประตูรถม้าศึก จากนั้นรับมือของมู่หรงอวี้มาจากมือของเซียวหรงเหยี่ยนแล้วประคองเขาลงจากรถม้า
มู่หรงอวี้ยืนหอบหายใจอยู่ด้านล่างบันไดสูง มองดูตำหนักที่เต็มเปี่ยมไปด้วยบารมีและบันไดสูงที่นับขั้นไม่ถ้วนตรงหน้า สายตาของเขาเริ่มพร่ามัวอีกครั้ง
เขาคือจักรพรรดิต้าเยี่ยน คือตัวแทนของต้าเยี่ยน หากเขาเดินขึ้นไปบนบันไดนี้ไม่สำเร็จ ขุนนางและคนตระกูลสูงศักดิ์ที่ยอมจำนนเหล่านี้อาจเกิดข้อกังขาว่าต้าเยี่ยนจะปกครองแคว้นเว่ยได้จริงหรือไม่
แผ่นหลังของมู่หรงอวี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ หากวันนี้เขาไม่ได้แต่งกายในชุดเต็มยศผู้อื่นคงเห็นสภาพน่าเวทนาของเขาแล้ว
เขาปล่อยมือของเฝิงเย่าออก…
“ฝ่าบาท!”
“เสด็จพ่อ!”
มู่หรงผิงและเฝิงเย่าเป็นกังวลมาก
เซียวหรงเหยี่ยนหรี่ตามองดูตำหนักใหญ่ตรงหน้า เขาจับดาบที่เอวด้วยมือข้างเดียว กลั้นลมหายใจนิ่งจากนั้นเดินขึ้นไปบนบันไดสูง
เซียวหรงเหยี่ยนเดินตามหลังมู่หรงอวี้ไปเรื่อยๆ เขากำมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น เขายืนอยู่ด้านหลังพี่ชายจึงรู้ดีว่าแต่ละก้าวของพี่ชายลำบากมากเพียงใด
แดดร้อนระอุจนทำให้คนเวียนศีรษะ มู่หรงอวี้หน้ามืดไปชั่วขณะ เขาค่อยๆ หยุดฝีเท้าลง
เซียวหรงเหยี่ยนรีบถลาไปข้างหน้าแล้วรับตัวมู่หรงอวี้จากทางด้านหลัง ชายหนุ่มก้าวข้ามขั้นบันไดไปสองขั้น ประคองแขนของมู่หรงอวี้เอาไว้ให้ทรงตัวมั่นด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
ภาพตรงหน้าไม่เพียงแต่มืดสนิทเท่านั้น เขายังรู้สึกว่าพื้นกำลังหมุนอีกด้วย ทว่า มู่หรงอวี้รู้ดีว่าเขาจะหยุดพักตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด
หากเขาหยุดพัก เขาจะขยับตัวไม่ได้อีกแล้ว!
มู่หรงอวี้ก้าวขาที่สั่นเทิ้มของตัวเองไปบนบันไดขั้นต่อไป ทว่า เขาไม่มีแรงที่จะเหยียบลงไปบนบันไดอีกขั้น แรงทั้งหมดล้วนมาจากเซียวหรงเหยี่ยนที่กัดฟันประคองเขาขึ้นไปทั้งสิ้น
มู่หรงอวี้เทน้ำหนักตัวของตัวเองไปที่เซียวหรงเหยี่ยนทั้งหมด ขาของเขาจึงจะมีแรงมากพอที่จะเหยียบลงไปบนบันไดได้ หากไม่ได้เซียวหรงเหยี่ยนช่วยเหลือ เขาคงก้าวขึ้นไปต่อไม่ได้แม้แต่ขั้นเดียว
มู่หรงผิงและเฝิงเย่ารีบเดินตามไปอยู่ข้างกายเซียวหรงเหยี่ยน แม้พวกเขาจะรู้ว่ามู่หรงอวี้ทนไม่ไหวแล้ว ทว่า พวกเขาไม่กล้าเข้าไปช่วยเซียวหรงเหยี่ยนประคองมู่หรงอวี้อีกด้าน มิเช่นนั้นบรรดาตระกูลสูงศักดิ์เมื่อครู่อาจจับพิรุธได้
“ประคองฝ่าบาทเข้าไปในตำหนัก เมื่อฝ่าบาทเข้าไปในตำหนักแล้วให้ปิดประตูตำหนักทันที จากนั้นส่งคนไปตามหมอหลวงให้เข้าไปรักษาทางประตูข้าง!” เซียวหรงเหยี่ยนกำชับเสียงขรึม
“พ่ะย่ะค่ะ!” เฝิงเย่ารับคำอย่างข่มความปวดใจ
“ส่งทหารไปควบคุมจวนของผู้อาวุโสตระกูลสูงศักดิ์เหล่านี้เอาไว้ หากผู้ใดกล้าขัดคำสั่งให้สังหารทันที ห้ามปล่อยไปแม้แต่คนเดียว!” เซียวหรงเหยี่ยนสั่งมู่หรงผิง
“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!” มู่หรงผิงรับคำ
เฝิงเย่าขันทีใหญ่ข้างกายของจักรพรรดิต้าเยี่ยนก้าวไปด้านหน้า จากนั้นตะโกนลั่น “คุกเข่า!”
จักรพรรดิต้าเยี่ยนเดินขึ้นไปถึงบันไดขั้นสุดท้าย ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนเต็มไปด้วยเหงื่อเช่นเดียวกัน
“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี ต้าเยี่ยนจงเจริญหมื่นปี!”
บรรดาทหารต่างตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียง
บรรดาขุนนางเก่าแก่มองหน้ากันไปมา พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะตะโกนออกมาเช่นกันหรือไม่
มู่หรงผิงอาศัยช่วงที่บรรดาขุนนางเก่าแก่ไม่ได้สังเกตเข้าไปช่วยประคองมู่หรงอวี้ทางด้านขวา จากนั้นรีบประคองมู่หรงอวี้เข้าไปในตำหนักอย่างรวดเร็วพร้อมกับเซียวหรงเหยี่ยน
เมื่อจักรพรรดิต้าเยี่ยนเข้าไปในตำหนัก ประตูใหญ่ถูกปิดสนิทลง มู่หรงอวี้กระอักเลือดออกมาอย่างทนต่อไปไม่ไหว จากนั้นเซล้มลงไปด้านหน้า เซียวหรงเหยี่ยนและมู่หรงผิงที่ประคองมู่หรงอวี้อยู่ล้มลงเช่นเดียวกัน
“เสด็จ…”
มู่หรงผิงคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความตกใจ ยังไม่ทันตะโกนออกมาก็ถูกเซียวหรงเหยี่ยนผลักออกเสียก่อน “เงียบ! หมอหลวงอยู่ที่ใด!”
มู่หรงผิงเข้าใจความหมายที่เซียวหรงเหยี่ยนต้องการจะสื่อ เขาคุกเข่าขบกรามแน่นอยู่ข้างกายของจักรพรรดิต้าเยี่ยน พยาพยามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ กล่าวเสียงเบา “เสด็จพ่อ!”
หมอหลวงสองคนสะพายกล่องยาเข้ามาด้านในอย่างรีบร้อน พวกเขาคุกเข่าลงข้างกายมู่หรงอวี้ คนหนึ่งตรวจชีพจร อีกคนฝังเข็ม
“เป็นอย่างไรบ้าง” เซียวหรงเหยี่ยนถามหมอหลวงที่ตรวจชีพจรให้มู่หรงอวี้
เมื่อหมอหลวงเห็นแววตาคมกริบของเซียวหรงเหยี่ยนก็รีบก้มศีรษะแนบพื้นแล้วร้องไห้ออกมาเบาๆ “ท่านอ๋อง องค์ชายรอง ฝ่าบาททรง…ใกล้…ถึงเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวหรงเหยี่ยนกระชับมือที่กอดมู่หรงอวี้อยู่แน่น แววตาเยือกเย็นและเต็มไปด้วยไอสังหาร
เมื่อฝังเข็มเสร็จมู่หรงอวี้ตื่นขึ้นมา เขาเอื้อมมือไปกุมมือของเซียวหรงเหยี่ยนไว้ “อาเหยี่ยน พี่คงผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าแล้ว พี่ไม่อาจไปสู่ขอองค์หญิงเจิ้นกั๋วให้เจ้าได้แล้ว”
เซียวหรงเหยี่ยนขบกรามแน่นไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น ดวงตาของเขาแดงฉาน รู้สึกราวกับมีพายุพัดกระหน่ำอยู่ในใจของเขาจนอวัยวะทุกส่วนในร่างกายแหลกออกเป็นชิ้นๆ
“อาผิง…” มู่หรงอวี้มองไปทางโอรสคนที่สองของตัวเอง
“เสด็จพ่อ!” มู่หรงผิงคลานเข่าเข้าไปจับมือที่ยื่นมาหาเขาอย่างสั่นเทา เขาได้แต่เรียกเสด็จพ่อซ้ำๆ โดยไม่รู้ต้องทำเช่นไร “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ!”
“พี่ชายของเจ้าไร้ความสามารถ เจ้าเป็นแม่ทัพที่ดุดันและเก่งกาจ ทว่า ไม่มีความสามารถในการปกครองบ้านเมือง น้องสามของเจ้าฝักใฝ่แต่ตำราและบทกวี อาลี่ฉลาดหลักแหลม ทว่า เขาอายุแค่หกขวบเท่านั้น เสด็จอาเก้าของเจ้ามีปณิธานอยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง การวางแผน สติปัญญาและความสามารถของเขาเหนือกว่าพวกเจ้ามาก มีเพียงมอบต้าเยี่ยนให้เสด็จอาเก้าของเจ้าพ่อถึงจะหายห่วง ไม่ว่าจะเป็นพี่ชายใหญ่ของเจ้า เจ้า น้องสามของเจ้าหรืออาลี่ต้องช่วยเหลือเสด็จอาของเจ้าด้วยความจงรักภักดี ช่วยให้ต้าเยี่ยนของเรารวบรวมใต้หล้าให้สำเร็จ!” ภาพตรงหน้าของมู่หรงอวี้มืดสนิทลงแล้ว ทว่า เขายังคงฝืนจับมือโอรสแน่น
มู่หรงผิงมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนที่สวมหน้ากากอยู่บนหน้าจนมองไม่เห็นสีหน้าที่แท้จริงของเขา จากนั้นพยักหน้าอย่างสะอึกสะอื้น “ลูกทราบดีพ่ะย่ะค่ะ ลูกจะช่วยสนับสนุนเสด็จอาเก้าเต็มที่พ่ะย่ะค่ะ”
“ลุงเฝิง!”
“บ่าวอยู่ตรงนี้พ่ะย่ะค่ะ บ่าวอยู่ตรงนี้ นายท่าน…บ่าวอยู่ตรงนี้พ่ะย่ะค่ะ!” เฝิงเย่าคุกเข่าอยู่ข้างกายมู่หรงอวี้ เขารับคำทั้งน้ำตา
“หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนราชโองการยกบัลลังก์ให้แก่อ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยน!” มู่หรงอวี้กลืนก้อนเลือดลงไปในลำคออย่างยากลำบาก เขากล่าวด้วยเสียงอ่อนแรง จากน้ำเสียงฟังออกว่ามีก้อนเลือดอุดตันอยู่ในลำคอ “เมื่อเราจากไปจงปิดเป็นความลับก่อน เมื่อทำลายแคว้นเว่ย จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยเมื่อใดค่อยประกาศให้ทุกคนรับรู้”
ร่างของเซียวหรงเหยี่ยนชาวาบไปทั้งร่าง เขารู้ดี…เสด็จพี่ของเขาใกล้ถึงเวลาแล้ว
เฝิงเย่าเขียนราชโองการด้วยตัวเอง จานนั้นหยิบตราประทับประจำแคว้นต้าเยี่ยนออกมา มู่หรงอวี้สั่งให้มู่หรงผิงหยิบตราประทับประจำตัวเขาออกมาจากอกที่โชกไปด้วยเลือด จากนั้นประทับลงบนราชโองการ
“อาเหยี่ยน…พี่จะไปพบเสด็จแม่แล้ว” ดวงตาของมู่หรงอวี้ไม่มีแววอีกแล้ว เขาจับแขนของน้องชายที่กอดเขาอยู่แน่น ยกยิ้มมุมปากขึ้นน้อยๆ ราวกับกำลังจะได้เป็นอิสระ “ฝากเจ้ารวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งด้วย…”
กล่าวจบมู่หรงอวี้ค่อยๆ หลับตาลง มือที่จับแขนของเซียวหรงเหยี่ยนอยู่หล่นลงข้างลำตัว
ภายในตำหนักเต็มไปด้วยเสียงกลั้นสะอื้นของทุกคน ทว่า ไม่มีผู้ใดกล้าปล่อยโฮออกมาแม้แต่คนเดียว
จักรพรรดิต้าเยี่ยนเพิ่งเข้ามาในแคว้นเว่ยก็สวรรคตลงเช่นนี้เท่ากับเป็นการหาข้ออ้างให้บรรดาขุนนางแคว้นเว่ยที่ต้องการต่อต้านต้าเยี่ยน พวกเขาจะโทษว่านี่คือเจตนาของสวรรค์ ต้าเยี่ยนฝืนลิขิตสวรรค์บุกมาทำลายแคว้นเว่ย ถึงตอนนี้ต้าเยี่ยนคงมีปัญหาตามมาไม่หยุดหย่อนแน่นอน
เฝิงเย่ากลั้นเสียงร้องไห้จนแผ่นหลังสั่นเทิ้มไม่หยุด เขาได้แต่ยกราชโองการขึ้นสูง จากนั้นคำนับเซียวหรงเหยี่ยนสามครั้ง “นายน้อย…”
มู่หรงผิงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาข่มความเจ็บปวดหันไปมองเซียวหรงเหยี่ยนที่ซ่อนความรู้สึกทุกอย่างอยู่ภายใต้หน้ากากสีเงิน