ตอนที่ 837 บิดาผู้เมตตา
แม้ไป๋จิ่นซิ่วจะผิดหวังในตัวองค์รัชทายาท ทว่า นางยังคงกล่าวต่อ “บางทีองครักษ์ลับขององค์รัชทายาทอาจโดนกำจัดหมดก็ได้แล้วเพคะ เหลียงอ๋องต้องการยัดเยียดข้อหาสังหารบิดาให้องค์รัชทายาทและขึ้นครองราชย์เองอย่างชอบธรรมก่อนที่พี่หญิงใหญ่และแม่ทัพหลิวหงจะยึดต้าเหลียงได้และนำทัพกลับมาต้าจิ้นเพคะ”
ไป๋จิ่นซิ่วเงยหน้ามองสีหน้าย่ำแย่ขององค์รัชทายาท จากนั้นกล่าวต่อ “ถึงเวลานั้น หากเหลียงอ๋องที่มีสายเลือดของราชวงศ์อยู่ในตัวเช่นเดียวกันขึ้นครองราชย์สำเร็จแล้ว ผู้ใดจะทำอันใดเขาได้เพคะ”
องค์รัชทายาทเม้มปากแน่น จับที่วางแขนของเก้าอี้แน่นโดยไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น
ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวต่อ “หากองค์รัชทายาททรงยังไม่แน่พระทัย องค์รัชทายาทลองให้คนไปตามองครักษ์ลับที่จับตาดูความเคลื่อนไหวของจวนเหลียงอ๋องกลับมาดูสิเพคะ ทว่า หม่อมฉันคิดว่าพวกเขาคงกลับมาไม่ได้แล้วเพคะ”
ไป๋จิ่นซิ่วไม่ได้บอกว่าพี่หญิงใหญ่สั่งให้นางส่งคนไปจับตาดูจวนเหลียงอ๋องไว้ คนของเหลียงอ๋องจัดการองครักษ์ลับของจวนองค์รัชทายาทหมดแล้วจริงๆ ทว่า ไป๋จิ่นซิ่วไม่อยากเผยธาตุแท้จึงเลือกใช้คำว่า ‘คิดว่า’ แล้วให้องค์รัชทายาทไปสืบต่อเอาเอง
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ประตูอู่เต๋อ องค์รัชทายาทกำหมัดแน่นทันที เขาตะโกนเสียงดังลั่น “เฉวียนอวี๋ ส่งคนไปตามองครักษ์ลับที่จวนเหลียงอ๋องกลับมาคนหนึ่ง เรามีเรื่องอยากถามเขา”
เมื่อเห็นองค์รัชทายาทออกคำสั่ง ไป๋จิ่นซิ่วจึงกล่าวเสริม “องค์รัชทายาท ก่อนมาที่จวนองค์รัชทายาทหม่อมฉันได้ไปขอร้องให้แม่ทัพฝูรั่วซีและแม่ทัพเซี่ยที่บัดนี้ว่างงานอยู่แต่ในจวนมาคุ้มกันองค์รัชทายาทโดยพลการแล้ว หากองค์รัชทายาทเชื่อพระทัยหม่อมฉัน เชื่อพระทัยแม่ทัพเซี่ย องค์รัชทายาทได้โปรดรับสั่งให้แม่ทัพเซี่ยอวี่จั่งรับช่วงต่อกองกำลังรักษาพระองค์อย่างชอบธรรมด้วยเพคะ หากในกองกำลังรักษาพระองค์มีทหารที่จงรักภักดีต่อฝ่าบาทและองค์รัชทายาทมากพอ แม่ทัพเซี่ยจะสามารถคุ้มครององค์รัชทายาทให้ปลอดภัยได้แน่นอนเพคะ”
“รอก่อนเถิด เราไม่เชื่อว่าฟ่านอวี๋ไหวจะทรยศเรา” สีหน้าขององค์รัชทายาทไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาคิดว่าตัวเองปฏิบัติต่อฟ่านอวี๋ไหวเป็นอย่างดี คราวที่แล้วที่ฟ่านอวี๋ไหวนำของขวัญมามอบให้หงเหมยเพื่อขอร้องเรื่องอนาคตของบุตรชาย เขาไปพบฟ่านอวี๋ไหวด้วยตัวเองและบอกเขาว่าทุนคนคือคนกันเอง หากต้องการความช่วยเหลือสามารถมาที่จวนองค์รัชทายาทได้เสมอ เขาให้ความสำคัญและเชื่อใจฟ่านอวี๋ไหวมากเพียงนี้ ฟ่านอวี๋ไหวจะทรยศเขาได้อย่างไรกัน!
“องค์รัชทายาท! ไม่ใช่ว่าทุกคนจะจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนตระกูลไป๋ เหมือนพี่หญิงใหญ่นะเพคะ”
นางมาพบองค์รัชทายาทยามวิกาลเช่นนี้ย่อมมีเรื่องสำคัญมารายงานให้ทราบอยู่แล้ว ทว่า องค์รัชทายาทปล่อยให้นางรอถึงสองชั่วยาม
สองชั่วยามนี้ทำเรื่องอื่นได้ตั้งมากมาย
ไม่แยกแยะเรื่องส่วนตัวและเรื่องสำคัญออกจากกัน อีกทั้งมั่นใจในตัวเองมากเกินไปเช่นนี้ ต่อให้องค์รัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์…การให้คนเช่นนี้ปกครองแคว้น แคว้นไม่มีทางดีไปกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอน
ก่อนหน้านี้ไป๋จิ่นซิ่วคิดว่าองค์รัชทายาทอาจมีความสามารถในการปกครองแคว้นอยู่บ้าง เขาอาจหวาดกลัวฮ่องเต้จึงต้องทำตามที่ฮ่องเต้สั่งอย่างจนใจ ทว่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าไป๋จิ่นซิ่วจะมององค์รัชทายาทสูงไปจริงๆ
องค์รัชทายาทเม้มปากแน่น จากนั้นหันไปสั่งเฉวียนอวี๋ “ไปตามฟางเหล่าและเริ่นเซียนเซิงมา”
ไม่นานเริ่นซื่อเจี๋ยก็รีบเดินเข้ามา เขาบอกองค์รัชทายาทว่าฟางเหล่ามีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการที่เมืองอื่น จะกลับมาภายในสิบวัน
ไป๋จิ่นซิ่วเล่าเรื่องทุกอย่างให้เริ่นซื่อเจี๋ยฟังอีกครั้ง เมื่อเล่าจบคนที่องค์รัชทายาทสั่งให้ไปตามองครักษ์ลับที่จวนเหลียงอ๋องกลับมารายงานว่าหาตัวองครักษ์ลับเหล่านั้นไม่พบแม้แต่คนเดียว
โถงรับรองของจวนองค์รัชทายาทเงียบกริบจนได้ยินเพียงเสียงผ้าม่านพลิ้วไหว องค์รัชทายาทรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาสุดขีด เขาสงสัยแม้กระทั่งว่าฟางเหล่าอาจทรยศเขา มิเช่นนั้นเหตุใดฟางเหล่าถึงได้ออกไปทำธุระนอกเมืองตอนนี้พอดีด้วย
“องค์รัชทายาท จะทรงลังเลต่อไปไม่ได้แล้วเพคะ…” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าว
“เราจะรีบเข้าไปทูลเสด็จพ่อเรื่องนี้ ขอให้เสด็จพ่อยึดตำแหน่งของฟ่านอวี๋ไหวคืน ให้เซี่ยอวี่จั่งรับตำแหน่งหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์ต่อแทน!” องค์รัชทายาทกล่าวพลางลุกขึ้นยืน
“องค์รัชทายาท! บางทีตอนนี้เหลียงอ๋องอาจกำลังรอให้องค์รัชทายาทเสด็จเข้าไปในวังอยู่นะเพคะ” ไป๋จิ่นซิ่วลุกขึ้นยืนห้ามองค์รัชทายาท “มันจะซ้ำรอยเดิมกับเหตุการณ์กบฏที่ประตูอู่เต๋อในตอนนั้น ตอนนี้กองกำลังรักษาพระองค์ยังอยู่ในมือของฟ่านอวี๋ไหว ขอเพียงองค์รัชทายาทเสด็จเข้าไปในวังหลวง กองกำลังรักษาพระองค์จะบุกเข้าไปในวังและสังหารองค์รัชทายาททิ้งทันที จากนั้นยัดเยียดข้อหาสังหารบิดาให้องค์รัชทายาท พวกเขาจะทำสิ่งเหล่านี้ได้โดยชอบธรรมเพคะ”
“ฮูหยินฉินกล่าวถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เริ่นซื่อเจี๋ยยืนขึ้นพลางกล่าวออกมา
เริ่นซื่อเจี๋ยลอบดีใจ ต้าจิ้นเกิดความวุ่นวายขึ้นมาเช่นนี้ถึงจะดี…
ยิ่งวุ่นวายนานเท่าใดก็ยิ่งดีมากเท่านั้น ดังนั้นองค์รัชทายาทมีชีวิตอยู่นานเท่าใด ต้าจิ้นก็จะวุ่นวายนานเท่านั้น
“ฮูหยินฉินและเริ่นเซียนเซิงได้โปรดชี้แนะเราด้วยว่าตอนนี้เราควรทำเช่นไร” ฝ่ามือขององค์รัชทายาทชื้นไปด้วยเหงื่อ
“องค์ชายควรรับสั่งให้แม่ทัพฝูนำทหารหน่วยตรวจเมืองและแม่ทัพเซี่ยคุ้มครององค์ชายหนีออกไปจากเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ” เริ่นซื่อเจี๋ยกล่าวเสียงจริงจัง “กองกำลังรักษาพระองค์มีจำนวนมาก จวนองค์รัชทายาทจะถูกโจมตีได้อย่างง่ายดาย ขอเพียงองค์ชายยังมีพระชนม์ชีพอยู่ รากฐานของแคว้นต้าจิ้นก็จะยังอยู่! เหลียงอ๋องจับตัวองค์ชายไม่ได้ก็จะไม่สามารถยัดเยียดข้อหาให้องค์ชายได้! แน่นอนว่าหากครั้งนี้พวกเราตีตนไปก่อนไข้เฉยๆ ก็ถือเสียว่าองค์ชายเสด็จออกไปเยี่ยมชมนอกเมืองสักรอบแล้วค่อยกลับมายังเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ ทว่า พวกเราไม่อาจปล่อยให้องค์ชายอยู่เป็นเป้านิ่งในจวนองค์รัชทายาทได้พ่ะย่ะค่ะ ฮูหยินฉินมีความเห็นเช่นไรขอรับ”
ขอเพียงหนีออกไปจากเมืองหลวงได้ เหลียงอ๋องจะพยายามไล่สังหารองค์รัชทายาทอย่างเต็มที่ ต้าจิ้นจะยิ่งวุ่นวายมากกว่าเดิม
ไป๋จิ่นซิ่วมีแผนการในใจแล้วจึงกล่าวขึ้น “ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด หม่อมฉันจะให้แม่ทัพฝูแสร้งทำเป็นนำทหารคุ้มกันองค์รัชทายาทหนีออกไปจากเมืองหลวง ทว่า แท้จริงแล้วจะให้แม่ทัพเซี่ยอวี่จั่งนำทหารกองกำลังรักษาพระองค์ที่ยังจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทคุ้มกันองค์รัชทายาทอยู่ในเมืองหลวง เช่นนี้เหลียงอ๋องจะส่งคนออกไปตามหาองค์รัชทายาทที่นอกเมือง องค์รัชทายาทจะซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัยเพคะ”
องค์รัชทายาทกำลังหวั่นวิตก เขาหันไปทางเริ่นซื่อเจี๋ย “เริ่นเซียนเซิงมีความเห็นเช่นไร”
เริ่นซื่อเจี๋ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หากเมืองหลวงวุ่นวายขึ้นมาจริงๆ เป้าหมายของเขาคือการให้องค์รัชทายาทมีชีวิตอยู่ต่อไปให้นานที่สุด เขามีความเห็นตรงกันกับไป๋จิ่นซิ่วจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “วิธีของฮูหยินฉินก็ใช้ได้พ่ะย่ะค่ะ ทว่า พวกเราต้องช่วยกันวางแผนว่าจะพาองค์ชายไปซ่อนตัวอยู่ที่ใดในเมืองหลวงและจะให้แม่ทัพฝูบุกออกไปทางใดพ่ะย่ะค่ะ”
“เริ่นเซียนเซิงกล่าวถูกต้อง” ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้าแล้วกล่าวต่อ “องค์รัชทายาทควรแจ้งเรื่องนี้ให้ขุนนางที่จงรักภักดีอย่างหลู่เซียงทราบไว้ด้วยเพคะ”
“จริงสิ แล้วก็เสนาบดีกรมต่างๆ ด้วย ต้องแจ้งให้หมด!” องค์รัชทายาทกำหมัดแน่น
“องค์รัชทายาท!” ไป๋จิ่นซิ่วส่ายหน้า “พวกเรายังไม่รู้ว่าเสนาบดีคนใดเป็นพวกของหลี่เม่าบ้าง พวกเราจะเสี่ยงไม่ได้เพคะ หม่อมฉันคิดว่าในบรรดาขุนนางในราชสำนักทั้งหมดในตอนนี้มีเพียงหลู่เซียงคนเดียวที่ไว้ใจได้เพคะ!”
องค์รัชทายาทพยักหน้าและสั่งให้คนไปรับหลู่เซียงมาที่จวนองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทเชื่อใจหลู่เซียงมากอยู่แล้ว
“ยังมีอีกเรื่อง!” จู่ๆ องค์รัชทายาทก็กล่าวสิ่งที่ดูเหมือนเขาจะตัดสินใจได้ยากขึ้นมา “พระชายาเอกและองค์ชายน้อยไม่ควรหนีไปพร้อมกับเรา มันอันตรายเกินไป พวกเจ้ามีทางส่งตัวพวกเขาออกไปจากเมืองหลวงหรือไม่ หรือไม่ก็ฝากองค์ชายน้อยไว้ที่จวนที่ไว้ใจได้ก่อน เมื่อเรื่องทุกอย่างสงบลงค่อยรับตัวองค์ชายน้อยกลับมา”
“องค์รัชทายาททรงเป็นบิดาที่รักบุตรมากเพคะ หม่อมฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เองเพคะ” ไป๋จิ่นซิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อ “ทว่า องค์รัชทายาทควรให้คนนำจดหมายที่มีตราประทับขององค์รัชทายาทหรือทางที่ดีควรเป็นของแทนตัวของฝ่าบาทไปให้พี่หญิงใหญ่และแม่ทัพหลิวหงที่ต้าเหลียงด้วยเพคะ เมื่อมีของแทนตัวของฝ่าบาทหรือจดหมายที่มีตราประทับขององค์รัชทายาทอยู่ในมือ พี่หญิงใหญ่จะได้กลับมาช่วยเหลือได้อย่างชอบธรรมเพคะ”