ตอนที่ 874 โดยชอบธรรม
“ลำบากแม่ทัพหลินและแม่ทัพหยางแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้ทั้งสองคน จากนั้นหันไปมองขุนนางที่เงียบกริบอยู่กลางท้องพระโรง
นางรู้ดีว่าคนเหล่านี้กำลังคิดสิ่งใดอยู่ คนเหล่านี้กำลังคิดว่าไป๋ชิงเหยียนกล้าส่งกองทัพไปขัดขวางราชโองการการสร้างหอบูชาเก้าชั้นของจักรพรรดิต้าจิ้น กล้าส่งทหารไปช่วยเหลือเด็กที่จักรพรรดิต้าจิ้นออกราชโองการส่งไปยังหอบูชาเก้าชั้นทั้งๆ ที่ตัวนางเองยังมาไม่ถึงเมืองหลวง นางไม่เกรงกลัวอำนาจบารมีของจักรพรรดิเช่นนี้ นางต้องการกบฏอย่างนั้นใช่หรือไม่
บรรดาขุนนางคิดอย่างที่ไป๋ชิงเหยียนคาดเดาไว้จริงๆ
แม้การกระทำขององค์หญิงเจิ้นกั๋วจะไม่ใช่เรื่องผิด ทว่า การขัดขืนราชโองการของจักรพรรดิอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่กลัวอำนาจของราชวงศ์เช่นนี้อาจทำให้ผู้อื่นคิดว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วมีใจคิดกบฏได้
หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วมีใจกบฏ คิดเข้าแทนที่ราชวงศ์หลินขึ้นมาจริงๆ ขุนนางฝ่ายปกครองไม่มีความสามารถในการรบอย่างพวกเขาจะทำสิ่งใดได้
กองทัพทั้งหมดที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเป็นกองทัพขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว เมืองหลายเมืองที่ก่อกบฏล้วนเข้าร่วมกับองค์หญิงเจิ้นกั๋ว พวกเขาจะทำสิ่งใดได้อีก!
ขุนนางทุกคนในตอนนี้ล้วนเห็นภาพที่รัชทายาทต้าจิ้นคุกเข่าอ้อนวอนเหลียงอ๋องอย่างไรศักดิ์ศรีกับตาของตัวเอง หากให้พวกเขาจงรักภักดีต่อจักรพรรดิเช่นนั้น ขุนนางคนใดในที่นี้จะเต็มใจสวามิภักดิ์บ้าง!
ทุกคนต่างรู้ดีว่าอำนาจของราชวงศ์หลินเสื่อมถอยแล้ว
พวกเขาเคารพองค์หญิงเจิ้นกั๋ว กระทั่งเต็มใจสนับสนุนให้นางขึ้นครองบัลลังก์ ทว่า อย่างแรกนางต้องเป็นบุรุษเสียก่อน สตรีจะขึ้นครองราชย์ ปกครองแผ่นดินได้เช่นไรกัน
“พี่หญิงใหญ่…” ไป๋จิ่นซิ่วเดินเข้ามาในตำหนักอย่างประจวบเหมาะ หญิงสาวยกมือคารวะไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกระพริบตาส่งสัญญาณให้พี่สาว
“เสี่ยวชีมาหาเจ้าค่ะ! นางกล่าวว่ามีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับท่านย่ามารายงานให้พี่หญิงใหญ่ทราบเจ้าค่ะ”
แม้ไป๋จิ่นซิ่วจะไม่ชอบหลี่หมิงรุ่ย ทว่า นางต้องยอมรับว่าหลี่หมิงรุ่ยกล่าวถูกต้อง พี่หญิงใหญ่จะเป็นคนเปิดประเด็นเรื่องการขึ้นครองบัลลังก์ด้วยตัวเองไม่ได้เด็ดขาด จำเป็นต้องมีคนเสนอเรื่องนี้แทนนาง
เดิมทีไป๋ชิงเหยียนต้องการเผชิญหน้ากับขุนนางเหล่านี้ด้วยตัวเอง ทว่า นางเข้าใจความหมายของไป๋จิ่นซิ่วดี เรื่องทุกอย่างดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว เหลือเพียงไป๋ชิงเหยียนยอมรับออกมาเท่านั้นว่านางคิดโค้นล้มราชวงศ์หลินนานแล้ว ทว่า ไป๋จิ่นซิ่วไม่อยากให้ไป๋ชิงเหยียนถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ หญิงสาวอยากให้พี่หญิงใหญ่ของนางได้ขึ้นครองราชย์โดยชอบธรรม ทว่า นางไม่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนเตรียมแผนไว้แล้วเช่นกัน
“ข้ารู้ว่าทุกท่านคงกำลังมีข้อสงสัย…” ดวงตาแจ่มชัดของไป๋ชิงเหยียนมองไปยังขุนนางที่อยู่ในตำหนักทุกคน “ทุกท่านโปรดรอสักครู่ ไป๋ชิงเหยียนจะไขข้อสงสัยให้ทุกท่านอย่างแน่นอน! บัดนี้ใจของชาวบ้านกำลังสั่นคลอน มีปัญหามากมายรอให้ทุกท่านช่วยกันหารือเพื่อหาทางแก้ไข ช่วยกันคิดว่าเราจะทำให้ราชสำนักมั่นคงได้อย่างไร จะสร้างและซ่อมแซมเมืองสุ่ยเจียงที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในครั้งนี้ได้อย่างไร แม้เราจะมีตัวอย่างจากการบรรเทาทุกข์ในปีที่ผ่านมาอยู่ ทว่า เรื่องนี้ค่อนข้างหนักหนาสำหรับชาวบ้านทั่วไป รบกวนทุกท่านช่วยกันคิดหาวิธีด้วย”
ไป๋ชิงเหยียนยกมือคารวะขุนนางทุกคน จากนั้นเดินตามไป๋จิ่นซิ่วออกไปจากตำหนัก
ขุนนางภายในตำหนักเริ่มถกเถียงกันเสียงดังลั่น ขุนนางบางคนอยากตามไป๋ชิงเหยียนออกไปจากตำหนัก ทว่า ถูกทหารถือดาบขวางไว้ที่หน้าประตูตำหนักเสียก่อน
เสนาบดีกรมทหารเสิ่นจิ้งจงมองตามแผ่นหลังของไป๋ชิงเหยียนไป จากนั้นหันไปกล่าวกับหลู่เซียงเสียงเบาหวิว “องค์หญิงเจิ้นกั๋วนำทัพกลับมาเช่นนี้ หากนางต้องการขึ้นเป็นจักรพรรดิ ต่อให้พวกเราไม่เห็นด้วยก็คงต้องเห็นด้วยแล้ว”
หลู่เซียงเม้มปากแน่น ครู่ใหญ่จึงกล่าวขึ้น “ทว่า เจ้ากล้ากล่าวว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วทำผิดหรือไม่ ราชโองการของฝ่าบาททำให้ชาวบ้านผิดหวัง พวกเราห้ามปรามก็ถูกจับขังคุก ส่วนเหลียงอ๋องก็สนใจแต่เรื่องการขึ้นครองบัลลังก์ เขาไม่สนใจชีวิตของชาวบ้านสักนิด ไม่กลัวแม้กระทั่งถูกบันทึกความเลวร้ายลงในประวัติศาสตร์ จักรพรรดิที่ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใดเช่นนี้ เจ้ากล้าจงรักภักดีด้วยอย่างนั้นหรือ”
เสิ่นจิ้งจงก้มหน้าคิดตาม
“ส่วนองค์รัชทายาท…” หลู่เซียงกล่าวถึงรัชทายาทแล้วส่ายหน้าน้อยๆ
“ยิ่งไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง” เสิ่นจิ้งจงซ่อนแววตาดูถูกไว้ไม่มิด เมื่อถึงนึกภาพที่รัชทายาทอ้อนวอนขอร้องเหลียงอ๋องอย่างไร้ศักดิ์ศรี เสิ่นจิ้งจงยิ่งไม่อาจยอมรับรัชทายาทเป็นเจ้านายของตนได้
ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากตำหนัก หญิงสาวถอดหมวกเกราะออก ไป๋จิ่นซิ่วรับหมวกมาถือไว้ในมือ นางมองเห็นแขนของพี่หญิงใหญ่สั่นระริกจึงรู้ทันทีว่าพี่หญิงใหญ่พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อยุติสงครามโดยเร็วที่สุด พี่หญิงใหญ่ย่อมได้รับบาดเจ็บเป็นธรรมดา
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋จิ่นซิ่วด้วยแววตาอ่อนโยน “เกิดเรื่องขึ้นกับท่านย่าจริงๆ หรือเจ้าแค่กลัวว่าพี่จะกล่าวกับขุนนางเหล่านั้นไปตามตรงว่าพี่ต้องการกบฏแล้วถูกคนเหล่านั้นตราหน้ากันแน่”
“เหลียงอ๋องจับตัวท่านย่า จักรพรรดิต้าจิ้นที่เหลียงอ้างว่าสวรรคตไปแล้วและรัชทายาทออกจากเมืองหลวงไปแล้วเจ้าค่ะ”
สิ้นเสียง ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนไหววูบทันที
“พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ จี้ถิงอวี๋นำทหารไล่ตามไปแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อไป๋จิ่นเซ่อที่ขี่ม้าเร็วเข้ามาในวังหลวงเห็นพี่หญิงใหญ่และพี่หญิงรองที่ยืนอยู่บนบันไดสูงจึงรีบลงจากหลังม้าจนเกือบเซล้ม จากนั้นตะโกนเรียกสุดเสียง “พี่หญิงใหญ่!”
ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นซิ่วเดินลงจากบันไดสองสามขั้นเพื่อรอต้อนรับน้องสาว เมื่อไป๋จิ่นเซ่อเห็นพี่หญิงใหญ่ของตัวเอง ดวงตาจึงแดงก่ำขึ้นทันที “พี่หญิงใหญ่…”
ไป๋ชิงเหยียนมองน้องสาวคนเล็กที่สูงขึ้นกว่าเดิมไม่น้อยนิ่ง จากนั้นเอื้อมมือไปลูบศีรษะของน้องสาวอย่างอ่อนโยน
“เสี่ยวชี พี่ส่งทหารไปคุ้มกันจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วไว้แล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดท่านย่าจึงถูกเหลียงอ๋องจับตัวไปได้กัน” ไป๋จิ่นซิ่วถามอย่างร้อนใจ
“เหลียงอ๋องใช้ชีวิตของจักรพรรดิต้าจิ้นและรัชทายาทข่มขู่ท่านย่าเจ้าค่ะ ท่านย่าจึงออกจากจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วและตามพวกเขาไปตามลำพังเจ้าค่ะ ทว่า พี่หญิงใหญ่ ท่านย่ายังมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่ด้วยเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นเซ่อบีบแขนไป๋ชิงเหยียนนิ่ง “ข้าได้ยินคำกล่าวที่ท่านย่ากล่าวกับเจี่ยงหมัวมัวก่อนจากไปหมดแล้วเจ้าค่ะ ท่านย่าทราบดีว่าเหลียงอ๋องต้องการจับตัวท่านไปเป็นตัวประกันดังนั้นท่านจึงตัดสินใจไปเจ้าค่ะ เหตุผลแรกเพราะท่านย่าไม่อาจทนเห็นหลานสาวที่ท่านรักมากที่สุดก่อกบฏต่อราชวงศ์หลินได้ เหตุผลที่สองคือท่านย่าต้องการสอนบทเรียนที่สำคัญที่สุดในการเป็นจักรพรรดิให้พี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ ผู้เป็นจักรพรรดิไม่ควรมีความรู้สึก เลือดของจักรพรรดิควรเยือกเย็น ควรเสียสละความรู้สึกส่วนตัวเพื่อส่วนรวม ควรสละคุณธรรมเพียงเล็กน้อยเพื่อคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่กว่า พี่หญิงใหญ่ถึงจะกลายเป็นจักรพรรดิได้อย่างเต็มตัวเจ้าค่ะ จักรพรรดิควรเปิดใจรับทั้งใต้หล้า ยืนอยู่บนอำนาจสูงสุดอย่างโดดเดี่ยว เห็นแก่ผลประโยชน์ของแคว้นเป็นหลัก ไม่มีที่ให้ความรู้สึกส่วนตัวของคนเป็นจักรพรรดิเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นเซ่อท่องถ้อยคำที่องค์หญิงใหญ่กล่าวให้เจี่ยงหมัวมัวฟังออกมาแทบไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว
“พี่หญิงใหญ่ ท่านย่าจากไปพร้อมใจที่พร้อมตาย หากท่านใช้ชีวิตของท่านปกป้องราชวงศ์หลินไม่ได้ ท่านก็จะใช้ชีวิตของท่านสอนให้พี่หญิงใหญ่เข้าใจการเป็นจักรพรรดิที่ไร้หัวใจเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นเซ่อใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่ใบหน้าของตัวเอง
องค์หญิงใหญ่เลี้ยงดูไป๋ชิงเหยียนมาตั้งแต่เล็ก ดังนั้นตอนที่จักรพรรดิต้าจิ้นมีราชโองการให้จับตัวเด็กไปที่หอบูชาเก้าชั้น ตอนที่ไป๋จิ่นซิ่วนำทัพล้อมเมืองหลวงเอาไว้ ทว่า ไม่บุกโจมตีเสียที ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนนำทัพกลับมา องค์หญิงใหญ่ก็รู้ทันทีว่าราชวงศ์หลินจบสิ้นแล้ว
ตระกูลไป๋ไม่ก่อกบฏเพราะไม่อยากให้ชาวบ้านในต้าจิ้นได้รับความเดือดร้อนจากสงคราม ไม่อยากให้ทหารเสียชีวิตโดยเปล่าประโยชน์
ทว่า บัดนี้ราชวงศ์หลินไม่เพียงไม่ปกป้องชาวบ้าน กลับคิดจะใช้ชีวิตของเด็กในแคว้นต้าจิ้นไปปรุงเป็นยาวิเศษอีกต่างหาก คนหนึ่งทำเพื่อตัวเองจะได้มีอายุยืนยาว อีกคนทำเพื่อจะได้ขึ้นครองราชย์โดยชอบธรรม ส่วนรัชทยาท หากจักรพรรดิต้าจิ้นเอ่ยปากสั่ง รัชทายาทย่อมทำตามคำสั่งของเขาอยู่แล้ว
ปณิธานแรกเริ่มในการก่อตั้งกองทัพไป๋คือการปกป้องคุ้มครองชาวบ้าน บัดนี้ราชวงศ์ทำร้ายชาวบ้าน ตระกูลไป๋ยกทัพก่อกบฏถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
“พี่หญิงใหญ่ ท่านย่าคือองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์หลิน คือท่านย่าของพวกเรา สำหรับท่านย่าแล้วนี่คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับท่านเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วไม่อยากให้ไป๋ชิงเหยียนเสียใจจึงกล่าวปลอบเสียงเบา “ท่านย่าปกป้องราชวงศ์หลินเช่นเดียวกับที่พวกเราปกป้องตระกูลไป๋เจ้าค่ะ”