ตอนที่ 877 ปณิธานที่ยิ่งใหญ่
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงโค้งกายคำนับทุกคนอีกครั้ง
หลี่หมิงรุ่ยเห็นดังนั้นจึงรีบคุกเข่าตะโกนลั่น “ยินดีติดตามรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจนวันตายพ่ะย่ะค่ะ!”
“ต้าเยี่ยนเตรียมความพร้อมสำหรับรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งแล้ว หยางอู่เช่อยอมสวามิภักดิ์กับองค์หญิงเจิ้นกั๋วเพราะอยากติดตามองค์หญิงเจิ้นกั๋วรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ผู้ใดไม่อยากเห็นก็หมกตัวอยู่แต่ในจวนอย่างสงบเสงี่ยม มองดูผู้อื่นกลายเป็นวีรบุรุษในยุคที่มีแต่ความวุ่นวายนี้เถิด!” หยางอู่เช่อกล่าวจบก็คุกเข่าลงตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน “กระหม่อมนำกองทัพต้าเหลียงเข้าร่วมกับองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ยินดีติดตามรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจนวันตายพ่ะย่ะค่ะ!”
“กระหม่อมยินดีติดตามรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจนวันตายพ่ะย่ะค่ะ!” หยางเวยคุกเข่าลง
ไป๋จิ่นซิ่วกัดฟันกรอด คุกเข่าลงทั้งน้ำตา “ไป๋จิ่นซิ่วนำกองทัพหย่วนผิง กองทัพไป๋ติดตามรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจนวันตายเพคะ”
ไป๋จิ่นเซ่อใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา จากนั้นคุกเข่าลงตามพี่สาว
ขุนนางในราชสำนักต่างไม่รู้จะทำเช่นไร พวกเขาได้แต่มองไปทางหลู่เซียง รอให้หลู่เซียงตัดสินใจ
ต่งชิงผิงเห็นบรรดาขุนนางขอบตาร้อนผ่าวเพราะคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน เดิมทีเขาอยากเป็นคนกล่าวคำสวามิภักดิ์ต่อไป๋ชิงเหยียนเป็นคนแรก ทว่า เมื่อคิดได้ว่าเขาเป็นลุงของไป๋ชิงเหยียนจึงกลัวว่าทุกคนจะไม่ยอมรับ
ต่งชิงผิงมองไปทางหลู่เซียงเช่นเดียวกัน หากหลู่เซียงยอมสวามิภักดิ์กับไป๋ชิงเหยียนเป็นคนแรก ขุนนางเหล่านี้ต้องทำตามอย่างแน่นอน
หลู่เซียงมองไปทางเด็กสาวที่โค้งกายคำนับพวกเขาอยู่บนบันไดสูง เขานึกถึงสหายเก่าไป๋เวยถิงขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่ค่อยไปมาหาสู่กับไป๋เวยถิงสักเท่าใดเพราะพวกเขาล้วนเป็นขุนนางในราชสำนักทั้งคู่ เขาไม่อยากให้จักรพรรดิต้าจิ้นเกิดความระแวง ทว่า หลู่เซียงนับถือไป๋เวยถิงมาโดยตลอด
หลานสาวคนโตที่ไป๋เวยถิงให้ความสำคัญมาก ลูกศิษย์ที่ปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงภูมิใจ คุณธรรมและความสามารถของหญิงสาวล้วนโดดเด่นเหนือผู้อื่น จะมีคนสักกี่คนในใต้หล้าที่เทียบเทียมนางได้
เมื่อครู่มีรายงานเรื่องภัยพิบัติเข้ามาตอนที่เหตุการณ์ในวังหลวงกำลังวุ่นวาย ไป๋ชิงเหยียนแต่งตั้งขุนนางขึ้นมารับผิดชอบเรื่องการบรรเทาทุกข์ชาวบ้านชั่วคราว หญิงสาวแต่งตั้งขุนนางผู้น้อยของกรมการคลังที่เสนอแผนการบรรเทาทุกข์ชาวบ้านเป็นเสนาบดีกรมการคลัง อีกทั้งมอบทหารให้เขาอีกสามหมื่นนาย หญิงสาวใช้คนโดยไม่หวาดระแวง จัดการทุกอย่างได้อย่างเป็นระเบียบ
หลู่เซียงได้ยินเสนาบดีกรมทหารเสิ่นจิ้งจงกล่าวถึงเว่ยปู้จิ้งคนนี้ให้เขาฟังหลายรอบแล้ว คนผู้นี้มีความสามารถ ทว่า นิสัยซื่อตรงเกินไป ไม่ยอมประจบเจ้านาย เขาจึงถูกกดดันจากคนในกรมการคลัง
องค์หญิงเจิ้นกั๋วกล้าใช้งานขุนนางผู้น้อยที่เสนอแผนการแก้ปัญหาออกมาในเวลาที่สำคัญเช่นนี้
เขานึกถึงจักรพรรดิที่คิดใช้ชีวิตเด็กมาทำเป็นยาวิเศษ นึกถึงเหลียงอ๋องที่โหดเหี้ยมอำมหิตและองค์รัชทายาทผู้อ่อนแอที่ยอมก้มศีรษะให้เหลียงอ๋องอย่างไร้ศักดิ์ศรีโดยไม่สนถูกผิดผู้นั้น
ทว่า สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือหลิ่วหรูซื่อที่ทุกคนรับรู้ว่าเป็นคนหัวรั้นมากเพียงใดกลับลุกขึ้นก่อนเป็นคนแรก
หลิ่วหรูซื่อโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน “หลิ่วหรูซื่อเคยไม่พอใจที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วสังหารทหารยอมจำนนของซีเหลียงจนหมดสิ้น ทว่า บัดนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ได้เสแสร้งทำตัวขี้ขลาดต่อหน้าผู้อื่น ไม่ได้ทำเป็นแสร้งทำเป็นจำต้องขึ้นครองบัลลังก์เพราะถูกผู้อื่นบีบบังคับหรือกดดัน องค์หญิงเจิ้นกั๋วกล้าบอกกับพวกเราตามตรงว่าต้องการโค่นล้มราชวงศ์หลินเพื่อชาวบ้าน เพื่อการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง หลิ่วหรูซื่อนับถือในความซื่อตรงและปณิธานขององค์หญิงเจิ้นกั๋ว แม้หลิ่วหรูซื่อเป็นเพียงขุนนางฝ่ายปกครอง ทว่า กระหม่อมมีจิตใจที่เดือดพล่าน อยากเห็นวันที่ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่งเช่นเดียวกัน หลิ่วหรูซื่อยินดีติดตามรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจนวันตายพ่ะย่ะค่ะ!”
หลิ่วหรูซื่อกล่าวจบก็คุกเข่าลงบนพื้น
แม้หลิ่วหรูซื่อจะไม่พอใจราชวงศ์หลินอยู่ก่อนแล้ว ทว่า ตอนที่หลี่หมิงรุ่ยก้าวเข้ามาในตำหนักพลางท่องบทกวีการผลัดเปลี่ยนอันใดนั่นทำให้หลิ่วหรูซื่อรู้สึกสะอิดสะเอียนมาก
หลิ่วหรูซื่อคิดว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการขึ้นครองบัลลังก์ต้าจิ้น ทว่า ไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏจึงใช้งานคนถ่อยอย่างหลี่หมิงรุ่ยให้มากล่าวโน้มน้าวขุนนางอย่างพวกเขาให้ยอมสนับสนุนให้ไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองบัลลังก์ หลิ่วหรูซื่อคิดไว้แล้วว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ต่อให้เขาตายก็ไม่มีวันยอมสวามิภักดิ์ต่อไป๋ชิงเหยียน
ทว่า เขานึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะกล่าวขัดคำกล่าวของหลี่หมิงรุ่ย จากนั้นยอมรับอย่างเปิดเผยว่าตนเองคิดโค่นล้มราชวงศ์หลินจริงๆ หญิงสาวแสดงให้พวกเขาเห็นถึงใจที่ต้องการกบฏราชวงศ์หลิน ความทะเยอทะยานที่อยากครอบครองใต้หล้า ทว่า หลิ่วหรูซื่อไม่ได้รู้สึกว่าไป๋ชิงเหยียนทะยานเกินตัวเลยสักนิด เขากลับหวั่นไหวไปกับความซื่อตรงและเปิดเผยของหญิงสาว ใจสั่นและเลือดในกายพลุ่งพล่านกับถ้อยคำที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่าต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง เขายินดีติดตามไป๋ชิงเหยียนทำเรื่องดังกล่าวให้สำเร็จ
หลู่เซียงก้าวไปด้านหน้า จากนั้นคุกเข่าให้ไป๋ชิงเหยียน “กระหม่อมยินดีติดตามรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว ขอเชิญองค์หญิงเจิ้นกั๋วเสด็จขึ้นครองราชย์เพื่อปกป้องคุ้มครองชาวบ้านทั่วหล้าด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
หลิวหงดวงตาแดงก่ำ สุดท้ายก็ตัดสินใจคุกเข่าตามหัวใจของตัวเองพร้อมกับขุนนางคนอื่นๆ
ใบหน้าของไป๋จิ่นซิ่วเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวเงยหน้ามองไปทางพี่หญิงใหญ่ที่ยืนอยู่บนบันไดสูง
นั่นสิ นี่ถึงจะคือพี่หญิงใหญ่ของนาง ตระกูลไป๋ซื่อตรงและผ่าเผย หากต้องการบัลลังก์นั่นก็ต้องกล่าวออกไปตามตรง พี่หญิงใหญ่ไม่อยากยืมมือของผู้อื่นเพื่อขึ้นครองราชย์อย่างไม่สมศักดิ์ศรี
ปณิธานของตระกูลไป๋ ใจที่รักและปกป้องชาวบ้านของตระกูลไป๋ จิตวิญญาณและศักดิ์ศรีของตระกูลไป๋มากพอที่จะทำให้ขุนนางเหล่านี้ยอมรับแล้ว ไม่จำเป็นต้องขอให้ผู้ใดช่วยเหลือทั้งสิ้น
ใต้หล้าแห่งนี้เคยใช้ตำรา ภาษา การปกครองและถนนสายเดียวกัน ทุกคนเคยเป็นครอบครัวเดียวกัน ขุนนางและแม่ทัพที่มีปณิธาน…ผู้ใดบ้างไม่อยากสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ผู้ใดบ้างไม่อยากเป็นผู้บุกเบิกที่ยิ่งใหญ่
“ไป๋ชิงเหยียนจะไม่มีวันทำให้ทุกท่านผิดหวัง!” ไป๋ชิงเหยียนโค้งกายคำนับขุนนางทุกคน จากนั้นยืดกายขึ้นอีกครั้ง “สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือภัยพิบัติที่หุบเขาฉงหลวนและเมืองสุ่ยเจียง ประกาศบอกทุกคนในแคว้นว่าห้ามเกณฑ์เด็กส่งมายังเมืองหลวงอีก รีบปลอบขวัญชาวบ้านให้สงบโดยเร็วที่สุด! ช่วงที่เหลียงอ๋องก่อความวุ่นวาย งานในราชสำนักคงกองเป็นภูเขาแล้ว แม้ช่วงที่ผ่านมานี้ทุกท่านจะลำบากกันมามากแล้ว ทว่า ฝากอัครมหาเสนาบดีหลู่นำขุนนางทุกท่านจัดการเรื่องในราชสำนักให้เรียบร้อยด้วย”
“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!” หลู่เซียงกล่าว
“รายงาน…” ทหารส่งสารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว เขาคุกเข่าลงบนพื้นพลางรายงานเสียงดังลั่น “แม่ทัพจี้ถิงอวี๋ส่งคนมารายงานว่าหลังจากที่เหลียงอ๋องหนีออกไปจากเมืองหลวงได้ เหลียงอ๋องแบ่งกำลังทหารออกเป็นหกกลุ่มแยกหนีไปตามเส้นทางต่างๆ พ่ะย่ะค่ะ แม่ทัพจี้แบ่งทหารออกไปตามแล้ว จากนั้นส่งคนกลับมารายงานพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดแน่น หญิงสาวหันไปส่งสัญญาณให้ไป๋จิ่นซิ่วส่งหมวกเกราะคืนให้นาง จากนั้นหันไปทางหลู่เซียง “ไป๋ชิงเหยียนฝากหลู่เซียงดูแลเรื่องในราชสำนักทั้งหมดด้วย วันนี้เหลียงอ๋องจับตัวอดีตองค์รัชทายาทและท่านย่าของข้าไปจากเมืองหลวง ไป๋ชิงเหยียนจะไปรับท่านย่ากลับมาด้วยตัวเอง…”
“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะองค์หญิงเจิ้นกั๋ว” หลิ่วหรูซื่อรีบผุดลุกขึ้นยืน จากนั้นแก้คำ “บัดนี้ฝ่าบาทคือจักรพรรดินีของแคว้นต้าจิ้น พวกเรายังไม่ได้กำหนดพิธีบรมราชาภิเษก เหตุการณ์ในเมืองหลวงก็เพิ่งสงบลง ฝ่าบาทจะไปเสี่ยงอันตรายได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
“เสนาบดีกรมพิธีการและท่านโหราจารย์ปรึกษาเรื่องวันราชาภิเษก จากนั้นให้หลู่เซียงแจ้งให้แคว้นอื่นรับรู้ ตั้งชื่อแคว้นว่าโจว กำหนดรัชศกใหม่ว่าหยวนเหอ[1]…เราจะรวบรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งเพื่อสันติสุข” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงหนักแน่นและเด็ดเดี่ยว “ประกาศต่อใต้หล้า…เชิญกองทัพไป๋และคุณชายตระกูลไป๋ที่รอดชีวิตจากสงครามหนานเจียงในรัชศกเซวียนเจียให้กลับมาร่วมพิธีบรมราชาภิเษกของเราที่เมืองหลวงโดยเร็วที่สุด ให้พวกเขากลับมาร่วมสานต่อปณิธานที่ยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษตระกูลไป๋ร่วมกันกับไป๋ชิงเหยียน!”
เมื่อไป๋จิ่นซิ่วได้ยินประโยคนี้ น้ำตาของนางไหลพรากออกมาทันทีอย่างคุมไม่อยู่
[1] หยวนเหอ แปลว่า สันติสุข หรือความสงบสุข