สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 907 แม้มีปีกก็ยากจะหนี

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 907 แม้มีปีกก็ยากจะหนี

ประตูไม้แกะสลักลายดอกไม้หกบานของหอลั่วหงที่ปิดสนิทไม่มีทีท่าว่าจะถูกเปิดออกแม้แต่น้อย ไม่มีแม้แต่ลมพัดเข้ามา ด้านในเงียบสนิทจนได้ยินเพียงเสียงร้องของแมลง ลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างไม้แกะสลักลายดอกไม้ที่เปิดอ้าอยู่เท่านั้น

“ดี! ดี!” จักรพรรดิต้าจิ้นโมโหจนร้อนใจ แววตาแดงฉานของเขามองสำรวจหาอาวุธภายในห้อง “เราจะลงมือเอง เราจะสังหารกบฏอย่างเจ้าด้วยตัวเอง!”

ไป๋ชิงเหยียนและองค์หญิงใหญ่มองจักรพรรดิต้าจิ้นที่กำลังคลุ้มคลั่งด้วยแววตาเย็นชาเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน

“ฝ่าบาทรงระงับโทสะเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เกาเต๋อเม่ากอดขาของจักรพรรดิต้าจิ้นแน่นพลางเอ่ยขอร้อง “ฝ่าบาท พวกเราแพ้แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วผ่านสงครามมาไม่รู้กี่สงคราม ผู้ใดจะสู้นางได้พ่ะย่ะค่ะ”

เมฆที่บดบังดวงจันทร์ลอยหายไปตามสายลม ดวงจันทร์ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าอีกครั้ง แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนพื้นโลก เสียงสู้รบดังสนั่น เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วเมืองลั่วหง

ทหารหนึ่งร้อยนายที่ไป๋ชิงเหยียนพาเข้ามาในเมืองลั่วหงมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองลั่วหงทันทีที่ไป๋ชิงเหยียนเข้าไปในหอลั่วหง พวกเขานำทัพต่อสู้กับกลุ่มของฉินซ่างจื้อเพื่อเปิดประตูเมืองที่ปิดสนิทอยู่ออก

บัดนี้ไป๋จิ่นซิ่วและหลินคังเล่อนำกองทัพใหญ่ที่คุ้มกันไป๋ชิงเหยียนมายังเมืองลั่วหงไปปรากฏตัวที่หน้าเมืองลั่วหงอย่างเปิดเผย กองทัพใหญ่ไม่ได้จุดคบเพลิง ความมืดมิดในยามค่ำคืนกลายเป็นเกราะคุ้มกันที่ดีที่สุดของพวกเขา ทหารต้าจิ้นที่อยู่บนกำแพงเมืองได้ยินเพียงเสียงสะบัดของธงเท่านั้น พวกเขามองไม่เห็นว่ากองทัพใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านล่างกำแพงมีจำนวนเท่าใดกันแน่

ไป๋จิ่นซิ่วในชุดเกราะเงินขี่ม้าอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน หญิงสาวจ้องไปทางกำแพงของเมืองลั่วหงที่จุดไฟสว่างจ้าด้วยแววตาวาวโรจน์

ทันใดนั้นบนกำแพงเมืองลั่วหงก็เกิดความโกลาหลขึ้น คบเพลิงส่ายไปมา ทหารคุ้มกันเมืองลั่วหงทยอยกันวิ่งลงจากกำแพงเมืองอย่างหวาดกลัว

ไป๋จิ่นซิ่วกุมบังเหียนม้าแน่น หญิงสาวรู้ในทันทีว่าทหารร้อยนายที่พี่หญิงใหญ่พาเข้าไปด้วยเริ่มลงมือแล้ว หญิงสาวชี้ดาบไปทางกำแพงเมืองลั่วหง “ทหารทุกคน! ได้เวลาโจมตีเมืองลั่วหงแล้ว จักรพรรดินีแห่งต้าโจวของพวกเราเสี่ยงบุกเข้าไปในเมืองลั่วหงก่อนเพื่อเวลานี้ ทุกคนบุก!”

กองทัพใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดต่างชักดาบออกมาจากฝัก จากนั้นพุ่งกายตามไป๋จิ่นซิ่วไปยังประตูบานใหญ่ที่หนัก ทนทานและเก่าแก่นับร้อยปีของเมืองลั่วหงราวกับสัตว์ป่าที่ตื่นขึ้นเพื่อล่าเหยื่อ

เมืองแตกเร็วกว่าที่ฉินซ่างจื้อคิดเอาไว้ ทหารหนึ่งร้อยนายที่ไป๋ชิงเหยียนพามาดุดันกว่าที่ทุกคนคิดไว้มาก พวกเขามีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการทำลายประตูเมืองให้แตกให้ได้

พวกเขาไม่กลัวที่ต้องสละชีพของตัวเอง ทุกกระบวนท่าดุดันและเต็มไปด้วยไอสังหาร ทหารที่ถูกส่งมาซ่อมแซมเขื่อนกว่างเหอหวาดกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเห็นท่าทีดุดันน่าหวาดกลัวของฝ่ายตรงข้าม พวกเขาแทบยอมจำนนโดยไม่คิดต่อสู้ในทันที ทุกคนเข่าอ่อนราวกับแพะที่กำลังจะถูกเชือด

ฉินซ่างจื้อไม่คิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะสั่งให้ไป๋จิ่นซิ่วโจมตีเมืองลั่วหงในตอนนี้ ไป๋ชิงเหยียนไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวต้องการให้ต้าจิ้นดับสูญถึงเพียงนี้เลยหรือ

ตอนแรกฉินซ่างจื้อยังคิดไม่ได้ ทว่า เมื่อเห็นว่าเสิ่นเทียนจือไม่ยกทัพมาช่วยเสียที เขาก็เข้าใจเรื่องทุกอย่างในทันที ที่แท้เสิ่นเทียนจือสวามิภักดิ์ต่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้ว

ร่างของฉินซ่างจื้อในชุดเกราะที่กำลังต่อสู้อย่างสุดชีวิตเปื้อนไปด้วยเลือด เขาต่อสู้จนแขนและขาไร้เรี่ยวแรงไปหมด เขาเห็นไป๋จิ่นซิ่วขี่ม้านำทหารเข้าไปในเมืองเป็นคนแรก เปลวไฟจากคบเพลิงสูงที่ตั้งอยู่สองข้างทางลุกโหมขึ้นตามแรงลม แสงไฟส่องกระทบใบหน้าของไป๋จิ่นซิ่วที่นั่งอยู่บนหลังม้าให้เห็นอย่างริบหรี่

ดวงตาหนักแน่นของไป๋จิ่นซิ่วกวาดสายตามองไปยังทหารกองทัพต้าจิ้นที่พ่ายแพ้ไม่เป็นท่า หญิงสาวตะโกนขึ้นด้วยเสียงกังวานหนักแน่น “เมืองถูกตีแตกแล้ว ผู้ใดยอมจำนนจะไว้ชีวิต! ทหารต้าโจวทุกคนจงสังหารเฉพาะผู้ที่ขัดขืนเท่านั้น ห้ามทำร้ายชาวบ้านเด็ดขาด ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกลงโทษตามกฎกองทัพ!”

ฉินซ่างจื้อรู้ดีว่าตนเองพ่ายแพ้แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือช่วยองค์รัชทายาทหนีออกจากเมืองให้ได้!

ฉินซ่างจื้อรีบออกคำสั่งให้รองแม่ทัพคุ้มกันที่นี่อย่างแน่นหนา พยายามต้านทานไว้ให้นานที่สุด จากนั้นเขาจึงเร่งขี่ม้าพาทหารยี่สิบนายมุ่งหน้าไปยังที่พักขององค์รัชทายาท

มีเพียงปกป้ององค์รัชทายาทไว้ได้ แคว้นต้าจิ้นจึงจะมีหวังที่จะไม่ดับสูญ

ภายในคุกใหญ่

เมื่อเหลียงอ๋องได้ยินเสียงสู้รบทางด้านนอก เขาจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น

“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท!”

เมื่อได้ยินเสียงกุกกักทางประตูกรงขังและเสียงเรียก เหลียงอ๋องจึงหันหน้าไปมองทางประตูกรงขัง

“หงเชี่ยว?” เหลียงอ๋องเอ่ยเสียงแหบพร่า

กุญแจในมือของหงเชี่ยวถูกปลดออกทันทีที่สิ้นเสียงของเหลียงอ๋อง

หงเชี่ยวรีบเปิดประตูเหล็กออกแล้วเดินเข้าไปด้านใน หญิงสาวหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาจากตะกร้าที่คล้องอยู่ที่แขนพลางยื่นให้เหลียงอ๋อง “ฝ่าบาทรีบเปลี่ยนฉลององค์แล้วหนีออกไปจากเมืองพร้อมบ่าวเถิดเพคะ! หงเชี่ยวเตรียมคนรอรับที่นอกเมืองแล้วเพคะ”

เหลียงอ๋องก้มหน้ามองชุดเนื้อผ้าหยาบของบ่าวรับใช้ที่อยู่ในมือนิ่ง บัดนี้เขาคือคนไร้ถิ่นฐาน จะกล้าเรียกตัวเองว่าฝ่าบาทได้อย่างไรกัน

ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ ทว่า เขาเป็นอยู่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น เขาเอ่ยถามหงเชี่ยวเสียงแหบพร่า “ด้านนอกเกิดเรื่องอันใดขึ้น”

“วันนี้ไป๋ชิงเหยียนเข้าเมืองมาพบองค์หญิงใหญ่ ไป๋จิ่นซิ่วนำทหารบุกโจมตีเมืองแล้วเพคะ…” หงเชี่ยวคลี่ชุดในมือของเหลียงอ๋องออก จากนั้นช่วยเหลียงอ๋องเปลี่ยนเป็นชุดบ่าวรับใช้ที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ติดอยู่อย่างไม่มีเวลาสนใจมารยาท “เมืองลั่วหงกำลังวุ่นวาย! ครั้งนี้จักรพรรดิต้าจิ้นและองค์รัชทายาทไม่รอดแน่เพคะ พวกเรารีบหนีออกไปจากเมืองก่อน วันหน้าค่อยวางแผนกันใหม่เพคะ!”

เมื่อเห็นเหลียงอ๋องไม่ขยับตัว หงเชี่ยวร้อนใจจนเหงื่อซึมใบหน้า “ฝ่าบาท หากยังมีชีวิตอยู่ วันหน้าพวกเรายังมีโอกาสกลับมาแก้แค้นเพคะ หากไม่รีบพวกเราคงหนีไปไม่ทันแน่เพคะ!”

เหลียงอ๋องกำกางเกงเนื้อผ้าหยาบในมือแน่น เขาขบกรามแน่น จากนั้นรีบเปลี่ยนกางเกงอย่างรวดเร็ว “ไม่ออกจากเมือง ข้าจะไปที่หอลั่วหง…”

หงเชี่ยวมองเหลียงอ๋องอย่างตกตะลึง “ฝ่าบาทจะไปสังหารไป๋ชิงเหยียนหรือเพคะ หากเป็นเช่นนั้นหงเชี่ยวจะทำหน้าที่แทนให้เองเพคะ ฝ่าบาทรีบเสด็จหนีออกจากเมืองเถิดเพคะ ขอเพียงฝ่าบาทหนีไปได้ แคว้นต้าจิ้นก็จะไม่ดับสูญ ขอเพียงฝ่าบาทยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่จึงจะล้างมลทินให้ถงกุ้ยเฟยและองค์ชายรองได้เพคะ”

“ข้าแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้เสด็จแม่และเสด็จพี่รองแล้ว ทว่า หงเชี่ยว…มีคำกล่าวหนึ่งกล่าวว่าแพ้เป็นโจร ชนะเป็นราชา ข้าคือองค์ชายแห่งต้าจิ้น ต่อให้ข้าจะก่อกบฏ ทว่า หากเสด็จพ่อไม่สังหารข้า ข้าก็ยังคงเป็นองค์ชายแห่งต้าจิ้นอยู่วันยังค่ำ สักวันหนึ่งข้าจะมีโอกาสล้างมลทินให้เสด็จแม่และเสด็จพี่รองได้!” เหลียงอ๋องแสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดออกมา “ทว่า หากไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินี เปลี่ยนแคว้นต้าจิ้นเป็นต้าโจว พวกเราจะกลายเป็นโจร จะไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว เจ้ารีบไปสั่งให้ทุกคนที่รออยู่นอกเมืองรีบมุ่งหน้าไปช่วยเสด็จพ่อของเราออกมาจากหอลั่วหงโดยเร็วที่สุด”

ไป๋เวยถิงเป็นคนยัดเยียดโทษให้ถงกุ้ยเฟยและองค์ชายรอง ไป๋ชิงเหยียนคือหลานสาวคนโตของไป๋เวยถิง ในฐานะคนของตระกูลไป๋ หากนางกบฏขึ้นมาจริงๆ นางจะปล่อยให้ชื่อเสียงของไป๋เวยถิงเสื่อมเสียได้เช่นไรกัน

เช่นนั้นพวกเขาคงไม่มีโอกาสล้างมลทินให้เสด็จแม่และเสด็จพี่รองอีกแล้ว

ดังนั้นเหลียงอ๋องจำเป็นต้องไปที่หอลั่วหง

“ให้หงเหมยไปตามหาตัวองค์รัชทายาท ต้องพาองค์รัชทายาทไปที่หอลั่วหงให้ได้” เหลียงอ๋องผูกผ้าคาดเอวพลางสั่งการ “สามารถนำน้ำมันที่ก่อนหน้านี้เราเตรียมไว้เพื่อหยุดยั้งการโจมตีเมืองของไป๋ชิงเหยียนมาใช้ที่หอลั่วหงได้ จากนั้นจุดไฟเผาหอลั่วหงเสีย ทำให้แน่ใจว่าไป๋ชิงเหยียนไม่อาจหนีไปได้แม้นางจะมีปีกบิน!”

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท