ตอนที่ 916 ทำเต็มที่
ไป๋ชิงเหยียนพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง แววตาที่มักสงบนิ่งบัดนี้เต็มไปด้วยความร้อนรน “เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะท่านหมอหง”
“ไม่ทันแล้วขอรับ…” หมอหงส่ายหน้า “องค์หญิงใหญ่น่าจะทานยาพิษอีรื้อเหมียนเข้าไปตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ค่อยเพิ่มปริมาณยา ยาพิษแทรกซึมเข้าไปในอวัยวะสำคัญขององค์หญิงใหญ่แล้ว ต่อให้มียาวิเศษก็ไม่มีทางรักษาได้แล้วขอรับ!”
หากหมอหงไม่ได้กล่าวว่าจะพยายามให้เต็มที่ที่สุดก็แสดงว่าไม่มีความหวังแล้วจริงๆ…
ไป๋ชิงเหยียนกำมือแน่นพลางมองไปทางองค์หญิงใหญ่ที่นอนอยู่บนเตียง จู่ๆ นางก็นึกถึงคำกล่าวของท่านย่าขึ้นมาทันที
บางทีตอนนั้นท่านย่าอาจรู้แล้วว่าต้องมีวันนี้เกิดขึ้น
เป็นเพราะคำกล่าวของท่านย่าในตอนนั้นทำให้ไป๋ชิงเหยียนเตรียมใจมาแล้วว่าสักวันต้องมีวันนี้
ทว่า ท่านย่าสนทนากับนางตั้งมากมายตอนที่อยู่ในหอลั่วหง นางคิดว่าท่านย่าคงทนความเน่าเฟะของราชวงศ์หลินไม่ไหวอีกต่อไปจึงเอ่ยเรื่องการขึ้นครองราชย์กับนาง นางคิดไม่ถึงเลยว่าท่านย่าจะเลือกจบชีวิตของตัวเองในวันนี้
“พี่หญิงใหญ่…” ไป๋จิ่นซิ่วยืนอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียน กุมมือพี่สาวไว้หลวมๆ “บางทีนี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับท่านย่าแล้วเจ้าค่ะ! ท่านย่าคือองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นต้าจิ้น ท่านย่าคือคนสกุลหลิน ท่านไม่อยากเห็นหลานสาวที่ท่านรักมากที่สุดโค่นล้มราชวงศ์หลินเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นซิ่วปลอบไป๋ชิงเหยียนเสียงแผ่วเบา นางไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยเพียงใด เพราะเสิ่นเทียนจือก็โน้มน้าวนางไม่สำเร็จเช่นเดียวกัน
บัดนี้ไป๋จิ่นซิ่วรู้สึกเสียใจยิ่งนัก นางไม่ควรพาท่านย่าออกมาจากหอลั่วหง ไม่ควรให้พี่หญิงใหญ่เห็นสภาพเช่นนี้ของท่านย่า ไม่ควรให้พี่หญิงใหญ่เห็นท่านย่าจากไปเช่นนี้
บางทีการปล่อยให้ท่านย่าจากไปในหอลั่วหงอาจเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับท่านย่า
ถึงแม้พี่หญิงใหญ่จะทราบว่าท่านย่าเลือกที่จะอยู่ที่นั่นต่อ ทว่า ความเจ็บปวดเสียใจของพี่หญิงใหญ่จะค่อยๆ ลดน้อยลงและหายไปในสักวัน
ทว่า บัดนี้นางพาท่านย่ามาอยู่ต่อหน้าพี่หญิงใหญ่ ให้พี่หญิงใหญ่เห็นว่าท่านย่ายังมีลมหายใจอยู่ ทว่า พวกนางกลับทำสิ่งใดไม่ได้เลย พี่หญิงใหญ่จะเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่เดินผ่านไป นางจะยิ่งคิดว่าตัวเองไร้ความสามารถ เจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีดไปมาจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
“พี่หญิงใหญ่…พวกเราทำเต็มที่ที่สุดแล้วเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นซิ่วกุมมือไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวเสียงสะอื้น
“ทุกคนล้วนมีทางเดินที่ตัวเองเลือก พวกเราเลือกที่จะโค่นล้มราชวงศ์หลิน ท่านย่าเลือกที่จะสละชีพเพื่อราชวงศ์หลินเจ้าค่ะ…”
เสิ่นเทียนจือกลัวการที่ไป๋ชิงเหยียนเงียบขรึมโดยไม่ร้องไห้แบบนี้มากที่สุด
เสิ่นเทียนจือรู้ดีว่ายิ่งปวดใจมากเท่าใดก็จะยิ่งเฉยชามากเท่านั้น
“แทนที่จะรั้งองค์หญิงใหญ่ไว้ ให้นางมีชีวิตอยู่ด้วยความทรมานที่ต้องเลือกระหว่างหน้าที่และครอบครัวทุกวัน สำหรับองค์หญิงใหญ่แล้วนี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
เสิ่นเทียนจือก้าวไปด้านหน้า เอ่ยโน้มน้าวไป๋ชิงเหยียนเสียงแผ่วเบา
“หากองค์หญิงใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ นางจะอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานทุกวัน ความเจ็บปวดทางใจทรมานยิ่งกว่าการเสียชีวิตมากนัก ฝ่าบาทน่าจะทราบดีกว่าผู้ใดทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”
เข้าใจ เหตุใดไป๋ชิงเหยียนจะไม่เข้าใจกัน
ทว่า นางมีความเห็นแก่ตัวเช่นเดียวกัน นั่นคือท่านย่าของนาง นางถูกท่านปู่และท่านย่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก นางคือหลานสาวคนโต แม้ท่านย่าจะเข้มงวดกับนางไปบ้าง ทว่า ท่านเลี้ยงดูนางมาอย่างรักและทะนุถนอมที่สุด
ก้าวแรกที่นางเริ่มหัดเดิน ท่านย่าเป็นคนจูงมือของนาง
ครั้งแรกที่นางเริ่มหัดเขียน ท่านย่าเป็นคนจับมือของนาง
ท่านย่าจะสรรหาเรื่องสนุกๆ มาเล่าให้นางฟังทุกวัน ท่านย่าเป็นคนสอนนางเล่นหมาก ท่านย่าสอนนาง…ในทุกๆ เรื่อง
เมื่อนางป่วย แม้แต่ท่านแม่ยังไม่อาจอยู่เฝ้าข้างเตียงของนางได้ ท่านย่าเป็นคนเฝ้าไข้นางอยู่ข้างเตียงไม่ห่างไปที่ใด
วันที่นางได้รับบาดเจ็บหนักกลับมาจากสงคราม ท่านย่าที่ไม่ค่อยเชื่อในศาสนาคุกเข่าบำเพ็ญภาวนาขอให้นางมีชีวิตรอดถึงสามวันสามคืน
ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านอาและน้องชายเสียชีวิตลงหมดแล้ว มีเพียงอาอวี๋ อาเจวี๋ยและอาอวิ๋นเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่
ความเจ็บปวดจากการสูญเสียในสงครามหนานเจียงยังคงอยู่ในใจของไป๋ชิงเหยียน บัดนี้แม้แต่ท่านย่าก็กำลังจะจากนางไป ไป๋ชิงเหยียนจะไม่เสียใจได้อย่างไรกัน
“คุณหนูใหญ่ ข้าจนปัญญาจริงๆ ขอรับ” หมอหงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงเบาหวิว “ทว่า แม้พิษของอีรื้อเหมียนจะร้ายแรงมาก แต่คิดที่ทานพิษเข้าไปจะค่อยๆ จากไปอย่างสงบในความฝันขอรับ”
หมอหงกล่าวพลางมองไปยังร่างที่หลับสนิทขององค์หญิงใหญ่ จากนั้นกล่าวต่อ “ดังนั้นต่อให้เวลานั้นมาถึงจริงๆ องค์หญิงใหญ่ก็จะจากไปอย่างสงบขอรับ”
หมอหงไม่รู้จะกล่าวปลอบไป๋ชิงเหยียนเช่นไร เขาได้แต่กล่าวเสียงอ่อนโยน “ข้าติดตามรับใช้เจิ้นกั๋วอ๋องมานาน ข้ารู้ความสัมพันธ์ของเจิ้นกั๋วอ๋องและองค์หญิงใหญ่ดี หากไม่ใช่เพราะองค์หญิงใหญ่ต้องการปกป้องสตรีที่เหลืออยู่ของตระกูลไป๋ ท่านคงตามเจิ้นกั๋วอ๋องไปนานแล้วขอรับ บัดนี้คุณหนูใหญ่ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีแล้ว องค์หญิงใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงตระกูลไป๋อีกต่อไป นางไม่มีกังวลแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องดีขอรับ คุณหนูใหญ่อย่าคิดว่าองค์หญิงใหญ่จากไปเพราะไม่อยากให้คุณหนูใหญ่ขึ้นเป็นจักรพรรดินีเลยนะขอรับ!”
กว่าไป๋ชิงเหยียนจะมายืนอยู่ในจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย
หมอหงรู้ดีว่าคุณหนูใหญ่ผูกพันกับองค์หญิงใหญ่มาก เขากลัวว่าคุณหนูใหญ่จะคิดว่าองค์หญิงใหญ่ฆ่าตัวตายเพราะไม่อยากให้นางขึ้นเป็นจักรพรรดินี ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนให้ความสำคัญกับความรู้สึกเช่นเดียวกับเจิ้นกั๋วอ๋อง หากนางคิดเช่นนั้นจริงๆ แล้วตัดสินใจไม่ขึ้นครองราชย์เพื่อองค์หญิงใหญ่ แคว้นต้าโจวคงตกอยู่ในอันตรายแน่
ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าท่านย่าฝืนมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อปกป้องหลานสาวอย่างพวกนาง
ชาติที่แล้วเมื่อท่านย่าทราบข่าวการเสียชีวิตของบุรุษตระกูลไป๋ ท่านล้มป่วยหนักและจากไปในไม่ช้า
ชาตินี้ท่านย่ามีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้ไป๋ชิงเหยียนก็ดีใจมากแล้ว
ทว่า หากท่านย่าจากไปอย่างสงบบนเตียงธรรมดา ไม่ใช่เลือกวิธีนี้สละชีพเพื่อแคว้นต้าจิ้นเช่นนี้ ไป๋ชิงเหยียนจะดีใจมากกว่านี้
ความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดค่อยๆ คืบคลานเข้ามาไปใจของไป๋ชิงเหยียน ลุกลามไปถึงสมองของหญิงสาว หญิงสาวรู้สึกว่าสมองของตัวเองหนักอึ้ง กลิ่นคาวเลือดตีขึ้นมา ทว่า ถูกไป๋ชิงเหยียนกลืนลงไปตามเดิม
ครู่ใหญ่ไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวขึ้น “ข้าทราบดี…”
น้ำเสียงของหญิงสาวแหบพร่า นางพยายามกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ “พวกท่านออกไปก่อนเถิด ข้ากับจิ่นซิ่วจะอยู่เป็นเพื่อนท่านย่าจนถึงช่วงสุดท้าย”
หมองหงมองไปทางไป๋จิ่นซิ่ว เมื่อเห็นไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า เขาจึงถือกล่องยาเดินออกไปจากกระโจมที่พักในค่ายทหารพร้อมกับเสิ่นเทียนจือ
แสงไฟจากเปลวเทียนส่องกระทบใบหน้าขององค์หญิงใหญ่ ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงข้างกายองค์หญิงใหญ่ จากนั้นเอื้อมมือไปกุมมือที่เหี่ยวแห้งขององค์หญิงใหญ่เอาไว้อย่างแผ่วเบา เมื่อมองอย่างพิจารณาหญิงสาวจึงเห็นรอยน้ำตาบริเวณหางตาที่เหี่ยวย่นขององค์หญิงใหญ่
สีหน้าขององค์หญิงใหญ่สงบราบเรียบเหมือนดั่งที่ท่านหมอหงกล่าว
ไป๋จิ่นซิ่วคุกเข่ามองดูองค์หญิงใหญ่อยู่ข้างเตียง จากนั้นเอื้อมมือไปจับมือไป๋ชิงเหยียนเอาไว้ “พี่หญิงใหญ่ นี่คือทางเลือกของท่านย่า ไม่ใช่ความผิดของผู้ใดทั้งสิ้นเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนไม่รู้ว่าท่านย่าจะได้ยินคำกล่าวของนางอยู่หรือไม่ หญิงสาวพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ก้มหน้ากุมมือของท่านย่าไว้หลวมๆ จากนั้นเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“ท่านย่า อาเป่าทราบดีว่าท่านย่าไม่เคยโทษอาเป่า…”
ไป๋จิ่นซิ่วรีบพยักหน้า นางมองดูพี่หญิงใหญ่ที่ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาของนางไหลพรากไม่ขาดสาย
โชคดีที่พี่หญิงใหญ่ไม่โทษว่าการตายของท่านย่าคือความผิดของพี่หญิงใหญ่เพียงคนเดียว