ตอนที่ 928 กลับมาอย่างสมเกียรติ
หลิวซื่อสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง เดิมทีนางตัดใจได้แล้ว ทว่า การกลับมาของไป๋ชิงเจวี๋ยทำให้นางมีความหวังขึ้นอีกครั้ง
นางจำได้ว่าเหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยเคยใช้ข่าวของอาฉยงหลอกอาเป่าและเสี่ยวซื่อ อาฉยงอาจยังมีชีวิตอยู่ก็ได้
หลิวซื่อนึกถึงประกาศของไป๋ชิงเหยียนขึ้นมา…นางประกาศตามคนตระกูลไป๋และกองทัพไป๋ที่รอดชีวิตจากสงครามที่หนานเจียงให้กลับมาร่วมพิธีราชาภิเษก นางเชื่อว่าหากอาฉยงยังมีชีวิตอยู่ เขาต้องกลับมาอย่างแน่นอน!
พี่หญิงใหญ่ของพวกเขากำลังจะขึ้นครองราชย์ กำลังจะเปลี่ยนแปลงแผ่นดิน ต้าโจวในตอนนี้ไม่มีคนกล้าทำร้ายตระกูลไป๋อีกต่อไปแล้ว พวกเขาสามารถกลับมาได้อย่างสง่าผ่าเผย!
หลิวซ่อไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงอยากร้องไห้ออกมาเช่นนี้
ปีนั้นข่าวการเสียชีวิตของบุรุษตระกูลไป๋ที่หนานเจียงถูกส่งกลับมายังเมืองหลวง หลิวซื่อไม่คิดเลยว่าตระกูลไป๋จะมีวันนี้ได้…
หลิวซื่อมองไปที่แผ่นหลังของไป๋ชิงเหยียนแล้วอดรู้สึกทึ่งไม่ได้ หลานสาวของนางต้องทุ่มเทมากเท่าใด ต้องยืนหยัดมากเท่าใดจึงทำให้ตระกูลไป๋มีเกียรติอย่างวันนี้ได้ แค่คิดนางก็รู้สึกท้อแท้มากแล้ว อาเป่าที่ร่างกายอ่อนแอเช่นนั้นยืนหยัดต่อสู้จนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไรกัน
หลิวซื่อจำได้ว่าไป๋จิ่นซิ่วเคยแอบบอกกับนางตอนเกลี้ยกล่อมให้นางเดินทางกลับไปซั่วหยางกับพี่สะใภ้ใหญ่ว่าสักวันหนึ่ง…
‘พี่หญิงใหญ่จะทำให้ทุกคนในตระกูลไป๋กลับมาเมืองหลวงอย่างสมเกียรติ’
หลิวซื่อมองดูกองกำลังรักษาพระองค์สวมชุดเกราะที่ยืนอยู่สองข้างถนน จากนั้นมองดูขบวนใหญ่ที่กำลังเดินทางเข้ามาโดยการอารักขาของกองทัพใหญ่
บัดนี้ตระกูลไป๋กลับมาเมืองหลวงอย่างสมเกียรติจริงๆ เป็นเกียรติยศสูงสุดแล้วจริงๆ
เมื่อกล่าวถึงคำสัญญา จู่ๆ หลิวซื่อก็นึกถึงไป๋ฉีอิงสามีของตัวเองขึ้นมา ตอนที่พ่อสามีจะพาเด็กทุกคนไปออกรบที่สนามรบ หลิวซื่อไม่เห็นด้วย ตอนนั้นสามีของนางกล่าวกับนางว่าตระกูลไป๋ให้ความสำคัญกับสัญญา พวกเรากล่าวแล้วต้องทำให้ได้ เขาจะปกป้องให้เด็กๆ กลับมาอย่างปลอดภัยด้วยชีวิตของเขา
ตอนนั้นคงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่สามีของนางผิดสัญญา ทว่า การผิดสัญญาครั้งนี้ทำให้พวกนางแยกจากกันตลอดกาล
หลิวซื่อเหม่อลอยไปครู่ใหญ่ เมื่อเห็นว่าขบวนเดินทางมาถึงแล้ว นางจึงกลั้นเสียงร้องไห้ของตัวเองไว้ มือที่เหงื่อซึมบีบมือของหลัวหมัวมัวแน่นจนมือของหลัวหมัวมัวขาวซีด
ไป๋จิ่นเซ่อตะโกนเรียกเสียงดังอย่างทนไม่ไหว “พี่ชายเจ็ด!”
ไป๋ชิงเจวี๋ยที่อยู่บนหลังม้าสูงมองเห็นพี่หญิงใหญ่ พี่หญิงรอง ท่านอาสะใภ้สองและน้องหญิงเจ็ดที่กำลังยิ้ม ทว่า กลับดูแย่กว่าร้องไห้ ชายหนุ่มลงจากหลังม้า
“พี่หญิงใหญ่…” ไป๋จิ่นหวาลงจากหลังม้าเช่นเดียวกัน สาวน้อยอยู่ในชุดนักรบที่องอาจสง่างาม
ไป๋จิ่นเจายังดูเป็นเด็กสาวที่องอาจ สาวน้อยกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่…”
พริบตาเดียวผ่านไป แม้แต่เสี่ยวอู่และเสี่ยวลิ่วก็เติบโตขึ้นแล้ว พวกนางสามารถสวมชุดเกราะต่อสู้กับศัตรูที่มารุกรานเมืองซั่วหยางได้แล้ว
ไป๋ชิงเจวี๋ยมองดูป้ายจวนสีดำที่แขวนอยู่ด้านบนจวนไป๋ เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง จากนั้นทำความเคารพหลิวซื่อ ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นซิ่ว
“ท่านอาสะใภ้สอง พี่หญิงใหญ่ พี่หญิงรอง คุณชายเจ็ดไป๋ชิงเจวี๋ยแห่งตระกูลไป๋กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วขอรับ”
ความตื้นตันถาโถมเข้าไปในใจของไป๋ชิงเหยียนทันที ขอบตาของนางร้อนผ่าว
คำว่าปลอดภัยกลับบ้านคือคำที่ทุกคนในตระกูลไป๋อยากได้ยินมากที่สุด
อารมณ์ของหลิวซื่อพังทลายลงทันที นางกำเสื้อของตัวเองพลางส่งเสียงสะอื้นออกมา นางดีใจ ดีใจมากๆ ทว่า หากลูกของนางมีชีวิตรอดกลับมาด้วย นางจะยิ่งดีใจกว่านี้ นางยินดีอายุสั้นลงยี่สิบปีเพื่อแลกกับคำว่าปลอดภัยกลับบ้านของบุตรชายเพียงประโยคเดียว
ไป๋จิ่นเซ่อร้องไห้ออกมาเช่นเดียวกัน ไป๋จิ่นซิ่วน้ำตาไหลพรากอย่างคุมไม่อยู่ เสี่ยววั่งเกอไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เมื่อเห็นมารดาของตัวเองร้องไห้ เขาจึงเบะปากร้องไห้ออกมาเช่นกัน
เจี่ยงหมัวมัวร้องไห้จนตัวสั่น หากองค์หญิงใหญ่ทราบว่าคุณชายเจ็ดกลับมาอย่างปลอดภัย ไม่รู้ว่านางจะดีใจมากเพียงใด!
ไป๋ชิงเหยียนเห็นว่าหลิวซื่อร้องไห้จนแทบทรงตัวไม่อยู่จึงรีบเดินลงจากบันไดยิ้มๆ จากนั้นประคองตัวไป๋ชิงเจวี๋ยลุกขึ้น
“พี่หญิงใหญ่ อาเจวี๋ยกลับมาช้าเกินไปขอรับ!”
บัดนี้ไป๋ชิงเจวี๋ยสูงขึ้นกว่าตอนพบหน้าไป๋ชิงเหยียนในคราวที่แล้ว เมื่อเห็นขบวนรถม้าหยุดนิ่งลงแล้ว ไป๋ชิงเหยียนจึงส่ายหน้าพลางกล่าวยิ้มๆ “ไปประคองท่านอาสะใภ้สี่ลงมาจากรถม้า จากนั้นไปจุดธูปเคารพศพท่านย่า ให้ท่านรับรู้ว่าเจ้ากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว”
ไป๋ชิงเจวี๋ยพยักหน้า
ฮูหยินทุกคนของตระกูลไป๋เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดไว้ทุกข์ตั้งแต่อยู่บนรถม้าแล้ว ต่งซื่อประคองมือฉินหมัวมัวออกมาจากรถม้าก็เห็นไป๋ชิงเหยียนยืนรออยู่ข้างรถม้าแล้ว บุตรสาวเอื้อมมือช่วยประคองนางลงจากรถม้า
เมื่อชุนเถาและถงหมัวมัวที่ยืนอยู่ข้างรถม้าเห็นหน้าไป๋ชิงเหยียน พวกเขาจึงตาแดงก่ำขึ้นมาทันที
“คุณหนูใหญ่!” ชุนเถารีบย่อกายทำความเคารพ เมื่อเห็นว่าคุณหนูของตัวเองผอมซูบลงเช่นนี้ น้ำตาของชุนเถาไหลพรากในทันที
ขอบตาของต่งซื่อแดงก่ำเช่นเดียวกัน นางจับมือบุตรสาวก้าวลงจากรถม้า จากนั้นได้ยินบุตรสาวเอ่ยขึ้น
“ท่านแม่ เดิมทีกรมพิธีการจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องงานศพ ทว่า ท่านย่าสั่งเสียกับเจี่ยงหมัวมัวไว้ว่าให้จัดงานอย่างเรียบง่าย ท่านอยากไปพบท่านปู่โดยเร็วที่สุด อาเป่าจึงไม่ได้ให้กรมพิธีการเข้ามาวุ่นวาย ท่านแม่เดินทางมาอย่างยากลำบาก เดิมทีเมื่อเคารพศพท่านย่าเสร็จแล้วท่านแม่ควรได้พักผ่อน ทว่า บัดนี้คงไม่ได้เจ้าค่ะ ท่านแม่ช่วยจัดการดูแลงานศพของท่านย่าด้วยนะเจ้าคะ”
“แม่คือลูกสะใภ้ของท่านย่าเจ้า แม้ควรจัดการดูแลเรื่องงานศพของท่านอยู่แล้ว!” ต่งซื่อบีบมือบุตรสาวแน่น จากนั้นกล่าวเสียงเบาหวิว “ท่านย่าจากไปเพราะท่านคือองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์ต้าจิ้น คือบุตรสาวคนโตของจักรพรรดิจิ้นอู่เซวียน แม่ไม่อยากให้อาเป่าโทษตัวเอง…”
ผู้ที่รู้ใจบุตรสาวที่สุดคือมารดา ต่งซื่อรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนรักและผูกพันกับองค์หญิงใหญ่มากเพียงใด
บุตรสาวให้ความสำคัญกับความรู้สึก องค์หญิงใหญ่จากไปในตอนที่บุตรสาวของนางกำลังจะขึ้นครองราชย์เช่นนี้ บุตรสาวของนางอาจคิดมากได้
“อาเป่าทราบดีเจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ท่านย่ามีความทระนงในศักดิ์ศรีของตัวเอง อาเป่าเข้าใจดีเจ้าค่ะ!” ไป๋ชิงเหยียนประคองต่งซื่อเดินขึ้นไปบนบันได
ต่งซื่อตบไปที่หลังมือของบุตรสาวเบาๆ ไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก นางได้แต่หวังว่าบุตรสาวจะเข้าใจจริงๆ
“พี่สะใภ้ใหญ่!” หลิวซื่อรีบเดินลงจากบันไดมาต้อนรับ นางทำความเคารพต่งซื่อแล้วดึงมือของต่งซื่อมากุมไว้ด้วยความรู้สึกผิด
“ข้ออภัยเจ้าค่ะพี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไม่ได้ร่วมเผชิญความลำบากกับพวกท่านตอนที่พวกท่านอยู่ที่ซั่วหยาง”
“กล่าวอันใดเช่นนี้!” ต่งซื่อลูบมือหลิวซื่อเบาๆ “ขอเพียงพวกเจ้าปลอดภัยก็พอแล้ว”
ฮูหยินสามหลี่ซื่อ ฮูหยินสี่หวังซื่อและฮูหยินห้าฉีซื่อพาคุณหนูแปดเสี่ยวปาลงจากลงม้า
ไป๋หวั่นชิงอายุเพียงสองปีกับอีกสองเดือนเท่านั้น นางอายุยังน้อย ทว่า สามารถสนทนาได้แล้ว ทว่า ถ้อยคำยังไม่ค่อยฉะฉานสักเท่าใดนัก เด็กน้อยถูกตี๋หมัวมัวอุ้มไว้ในอ้อมแขน นางกวาดดวงตากลมโตสีดำมองสำรวจไปทั่วบริเวณ เมื่อมองเห็นวั่งเกอที่แม่นมอุ้มไว้ในอ้อมแขนจึงชี้นิ้มป้อมๆ ของตัวเองไปทางวั่งเกอพลางกล่าวขึ้น “น้องชาย!”
ฮูหยินห้าฉีซื่อรับตัวไป๋หวั่นชิงมาจากตี๋หมัวมมัว จากนั้นวางลงบนพื้นแล้วกล่าวกับนางทั้งน้ำตา
“เสี่ยวปา รีบคารวะพี่หญิงใหญ่และพี่หญิงรองเร็ว!”
ไป๋หวั่นชิงได้ยินมารดา พี่หญิงห้าและพี่หญิงหกเล่าเรื่องพี่หญิงใหญ่ พี่หญิงรองพี่หญิงสี่นำทัพทำสงครามแทบทุกวัน แม้ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนจากไปไป๋หวั่นชิงจะยังไม่รู้ความ ไป๋จิ่นซิ่วยิ่งไม่เคยไปที่ซั่วหยาง ทว่า บัดนี้เมื่อพบหน้าไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นซิ่ว ความสัมพันธ์ทางสายเลือดทำให้ไป๋หวั่นชิงรู้สึกคุ้นเคยกับบรรดาพี่สาวมาก