ตอนที่ 929 ตัวตลก
ไป๋ฉีเหอที่ติดตามขบวนของตระกูลไป๋มายังเมืองหลวงด้วยพาฮูหยินของตัวเองก้าวไปด้านหน้า จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม
ไป๋ฉีเหอควบคุมคนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋ไม่ได้ เขาปล่อยให้ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่มีใจทะเยอทะยานเหล่านั้นเดินทางมายังเมืองหลวง ไป๋ฉีเหอรู้สึกผิดมาก
เขาได้ยินว่าเมื่อคนจากตระกูลบรรพบุรุษไป๋เหล่านั้นมาถึงเมืองหลวง พวกเขารับสินบนจากขุนนางในเมืองหลวงโดยถือว่าตัวเองคือญาติของไป๋ชิงเหยียน พวกเขารับจวน ที่ดินและของต่างๆ อีกมากมายจากคนเหล่านั้น ดังนั้นไป๋ฉีเหอเดินทางมาที่นี่ในครั้งนี้เพื่อมาขอขมาไป๋ชิงเหยียนและจัดการคนเหล่านั้นด้วยกฎของตระกูล
กฎของตระกูลควบคุมคนที่เดินทางมายังเมืองหลวงเหล่านี้ไม่ได้ ทว่า เขามีวิธีมากมายในการขับไล่คนเหล่านี้ออกจากตระกูล
บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนกำลังจะขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินี ตระกูลบรรพบุรุษของไป๋ชิงเหยียนจะกลายเป็นเชื้อพระวงศ์ของหญิงสาว ทว่า การที่สตรีอย่างไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีก็ถูกคนครหามากแล้ว หากตระกูลบรรพบุรุษยังไม่เจียมตัว ผู้อื่นจะยิ่งติฉินนินทาหญิงสาว ไป๋ฉีเหอไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น
“ลำบากท่านประมุขแล้ว ไปเคารพศพท่านย่าก่อนเถิด” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
“ไป๋ฉีเหอไม่กล้ากล่าวว่าลำบากพ่ะย่ะค่ะ ไป๋ฉีเหอควบคุมคนของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ได้ไม่ดี ปล่อยให้คนเหล่านี้หนีมาเมืองหลวงและแอบอ้างพระนามของฝ่าบาทรับสินบนจากเหล่าขุนนาง ไป๋ฉีเหอเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อเคารพศพขององค์หญิงใหญ่และจัดการกับคนในตระกูลบรรพบุรุษตามกฎของตระกูลพ่ะย่ะค่ะ ผู้ใดควรถูกขับไล่ออกจากตระกูล ไป๋ฉีเหอจะไม่รักษาน้ำใจเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ฉีเหอกล่าวจบจึงก้มศีรษะคำนับแนบพื้น
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าขอมอบเรื่องการจัดการกับตระกูลบรรพบุรุษไป๋ให้เป็นหน้าที่ของท่านก็แล้วกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ไป๋ฉีเหอรับคำ
เมื่อตระกูลบรรพบุรุษไป๋ได้ยินคำว่าไล่ออกจากตระกูลดังแว่วมาแต่ไกล พวกเขาจึงเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาทันที
บรรดาฮูหยินไป๋พากันประคองกันเดินเข้าไปในจวนไป๋ เมื่อจุดธูปเคารพศพขององค์หญิงใหญ่เรียบร้อยแล้ว ไป๋ชิงเจวี๋ยโขกศีรษะคำนับลงบนพื้น “ท่านย่า อาเจวี๋ยกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วขอรับ!”
“องค์หญิงใหญ่ คุณชายเจ็ดกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว ดวงวิญญาณของท่านทราบเรื่องนี้จงอย่าได้ทุกข์ใจอีกเลยนะเจ้าคะ ท่านเอาแต่โทษตัวเองว่าปกป้องบรรดาคุณชายไว้ไม่ได้…” เจี่ยงหมัวมัวคุกเข่าร้องไห้อยู่ด้านข้าง
“คุณชายเจ็ดกลับมาแล้ว เมื่อกลับมาได้คนหนึ่ง คนอื่นๆ ต้องตามกลับมาอีกแน่เจ้าค่ะ หากองค์หญิงใหญ่รู้สึกผิดต่อตระกูลไป๋ ท่านก็ขอร้องให้สวรรค์คุ้มครองคุณชายตระกูลไป๋ ให้พวกเขากลับมาทั้งหมดเถิดเจ้าค่ะ”
เจี่ยงหมัวมัวกำลังร้องไห้อย่างหนัก นางไม่ได้กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ให้คนตระกูลไป๋ฟัง ทว่า กล่าวให้สตรีตระกูลสูงศักดิ์และบ่าวรับใช้ที่ชอบนินทาผู้อื่นได้ยิน นางต้องการให้คนเหล่านี้รับรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ยังคงรู้สึกผิดต่อตระกูลไป๋แม้นางจะสิ้นใจไปแล้วก็ตาม
ไป๋ชิงเจวี๋ยก้มศีรษะคำนับองค์หญิงใหญ่อีกครั้งทั้งน้ำตา “ท่านย่า หลานกลับมาช้าเกินไป!”
ไป๋ชิงเหยียนมองดูเจี่ยงหมัวมัวที่พยายามลบล้างความคิดของผู้คนที่คิดว่านางเป็นคนทำให้ท่านย่าเสียชีวิต มองดูไป๋ชิงเจวี๋ยที่น้ำตาไหลอาบใบหน้า นางรู้สึกปวดใจมาก ไม่รู้ว่าอาอวี๋จะเดินทางมาถึงก่อนวันที่ร่างของท่านย่าถูกฝังหรือไม่
“ฮูหยิน…” เจี่ยงหมัวมัวเข้าไปทำความเคารพต่งซื่อ “ก่อนองค์หญิงใหญ่จะไปจากเมืองหลวง ท่านสั่งเสียบ่าวไว้ว่าหากท่านไม่สามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้อีก ให้จัดงานศพของท่านอย่างเรียบง่ายเจ้าค่ะ”
“หมัวมัว” ต่งซื่อประคองเจี่ยงหมัวมัวให้ลุกขึ้น “อาเป่าบอกข้าแล้ว ข้าเข้าใจดี ข้าจะรีบปรึกษากับบรรดาน้องสะใภ้เพื่อจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะฮูหยิน” เจี่ยงหมัวมัวทำความเคารพต่งซื่อทั้งน้ำตา
เซียวหรงเหยี่ยนที่เดิมทีรอต้อนรับไป๋ชิงเหยียนอยู่หน้าประตูเมืองได้รับรายงานว่าซีไหวอ๋องเดินทางมาที่เมืองหลวงเช่นเดียวกัน เขาพาทหารหน่วยกล้าตายบุกไปทำร้ายอ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนที่ที่พักจนตัวเองได้รับบาดเจ็บหนักและถูกจับ เขาไม่ยอมรักษาบาดแผลจนกว่าจะได้พบหน้าเซียวหรงเหยี่ยน
เซียวหรงเหยี่ยนรีบกลับไปยังที่พักทันทีที่ได้รับรายงาน บัดนี้ซีไหวอ๋องที่ร่างเต็มไปด้วยเลือดกำลังนั่งเอนกายพิงเสาเคลือบน้ำมันสีแดงต้นใหญ่ในห้องอยู่ เขากุมบาดแผลที่เลือดไหลทะลักแน่นด้วยสีหน้าซีดเผือด ร่างทั้งร่างโชกไปด้วยเหงื่อราวกับเพิ่งถูกช่วยชีวิตขึ้นมาจากแม่น้ำ
หมอยืนคอยอยู่ด้านข้าง ซีไหวอ๋องปวดจนแทบทนไม่ไหว รู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก อดบ่นเซียวหรงเหยี่ยนในใจว่าเหตุใดจึงมาช้าเช่นนี้ ทว่า อีกใจหนึ่งก็เดาได้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนคงเป็นอ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนจริงๆ
ซีไหวอ๋องข่มความเจ็บปวดพลางชะเง้อคอมองไปทางด้านนอก
เชื้อพระวงศ์เก่าของแคว้นเว่ยที่เคยพบหน้าอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนในเมืองหลวงของแคว้นเว่ยล้วนกล่าวว่าเซียวหรงเหยี่ยนคืออ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยน ทว่า ซีไหวอ๋องไม่เชื่อ!
อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนมีนามว่ามู่หรงเหยี่ยน หากเขาปลอมเป็นพ่อค้าแคว้นเว่ยโดยใช้นามว่าเซียวหรงเหยี่ยน เขาก็คงโง่เง่าสิ้นดี
ทว่า หากเซียวหรงเหยี่ยนคืออ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนจริงๆ เขาคงดูโง่มากแน่ๆ
เขาเห็นอ๋องเก้าแห่งแคว้นต้าเยี่ยนผู้ที่ทำลายแคว้นเว่ยจนดับสูญเป็นสหาย เขาเคยรับเงินและของล้ำค่าจากเซียวหรงเหยี่ยน เคยทำเพื่อเซียวหรงเหยี่ยนตั้งมากมาย แคว้นเว่ยเคยจะยกทัพโจมตีต้าเยี่ยน เซียวหรงเหยี่ยนเป็นคนเป่าหูจนเขาเกลี้ยกล่อมไม่ให้เสด็จพี่ของเขาวู่วามยกทัพไปโจมตีต้าเยี่ยนได้สำเร็จ
หากเซียวหรงเหยี่ยนคืออ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนขึ้นมาจริงๆ เขาจะไม่กลายเป็นคนชั่วที่ทำร้ายแคว้ยเว่ยของตัวเองอย่างนั้นหรือ เขาจะมีหน้าไปพบเสด็จพี่ของตัวเองได้อย่างไรกัน!
หากกล่าวเรื่องความรู้สึก
ก่อนหน้านี้ซีไหวอ๋องยอมรับว่าเขาสนิทสนมกับเซียวหรงเหยี่ยนเพราะต้องการของล้ำค่าและเงินทองจากชายหนุ่ม ทว่า ต่อมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเซียวหรงเหยี่ยนคุ้มกันเขาหนีไปยังต้าเหลียง เขาเห็นเซียวหรงเหยี่ยนเป็นดั่งสหายของตัวเองจริงๆ
ซีไหวอ๋องเกิดในราชวงศ์ นอกจากเสด็จพี่ของตัวเองแล้วไม่เคยมีผู้ใดดีกับเขาอย่างจริงใจมาก่อน ตอนนั้นเขารับเซียวหรงเหยี่ยนเข้ามาในใจ เห็นชายหนุ่มเป็นดั่งสหายที่แท้จริง!
หากสุดท้ายแล้วสหายที่เขาคิดว่าคือสหายที่แท้จริงของเขาคือเรื่องโกหก…
เขาจะกลายเป็นตัวตลกที่น่าขันที่สุดในใต้หล้าแห่งนี้ทันที!
เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนเดินเข้าไปในจวน ลูกน้องจึงรีบถลาเข้าไปรายงานทันที “นายท่าน ซีไหวอ๋องพาทหารหน่วยกล้าตายลอบบุกเข้ามาในที่พักของเรา เขาทำร้ายท่านอ๋องเก้า จนได้รับบาดเจ็บที่แขน ซีไหวอ๋องต้องการกระชากหน้ากากของท่านอ๋องเก้า ออกตลอดเวลา ต่อมาคนของเราพบว่าเขาคือซีไหวอ๋องจึงไว้ชีวิตเขาโดยอ้างว่าต้องการสืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ขอรับ ตอนนี้ซีไหวอ๋องไม่ยอมให้หมอรักษาอาการบาดเจ็บ บอกว่าต้องพบหน้านายท่านก่อนจึงจะยอมสารภาพผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ขอรับ”
บัดนี้อ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนคือผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยน เขามีความสำคัญต่อต้าเยี่ยนมาก ซีไหวอ๋องคิดว่าต้าเยี่ยนต้องอยากรู้ว่าผู้ใดคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เขาคิดว่าหากเขาใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเขาจึงจะได้พบหน้าเซียวหรงเหยี่ยน
“เขาได้รับบาดเจ็บที่ใด” เซียวหรงเหยี่ยนถาม
“นายท่านไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ลูกน้องของเราออมมือแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บแค่ผิวหนังภายนอก ทว่า สูญเสียเลือดค่อนข้างมากเท่านั้นขอรับ”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า จากนั้นเดินข้ามสะพานหินกลางสระบัวไปอีกฝั่ง มุ่งหน้าไปยังห้องที่ประตูไม้แกะสลักลายดอกบัวปิดสนิทอยู่
เมื่อเห็นร่างของเซียวหรงเหยี่ยน ซีไหวอ๋องกุมบาดแผลพลางขยับนั่งหลังตรง เขากำหมัดแน่นอย่างเป็นกังวล พยายามฝืนแสดงสีหน้าดีใจที่ได้พบสหายเก่า