ตอนที่ 965 เป็นหน้าเป็นตา
หลู่หยวนเผิงกล่าวแล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม น้ำตาไหลซึมออกมาจากดวงตา
เขารีบใช้หลังมือเช็ดน้ำตาทิ้ง “ท่านปู่ต้องสั่งสอนท่านพี่ให้ข้านะขอรับ เขาเกือบทำให้ตระกูลหลู่ขาดนายพันไปหนึ่งคนแล้วนะขอรับ”
เดิมทีหลู่ไท่เว่ยอยากสั่งสอนหลานชายของเขาคนนี้ให้หลาบจำ ทว่า แม้หลานชายของเขาจะเป็นไม้ที่ดัดไม่ได้ ทว่า คนโง่ก็มีโชคดีของคนโง่อยู่ หลู่ไท่เว่ยจึงล้มเลิกความคิดนี้
ช่างมันเถิด หลานชายมีชีวิตของพวกเขาเอง ให้หลู่หยวนเผิงโง่เช่นนี้ต่อไปอาจเป็นเรื่องดีสำหรับตระกูลหลู่ก็ได้
เทียบกับเรื่องของหลานชายแล้ว หลู่ไท่เว่ยกังวลเรื่องการไปเยือนที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนของไป๋ชิงเหยียนในวันพรุ่งนี้มากกว่า
หลู่ไท่เว่ยวางไม้บรรทัดลงด้านข้าง ถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้
“ท่านปู่…” หลู่หยวนเผิงเอ่ยเรียกปู่ของตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าของหลู่ไท่เว่ยดูไม่ค่อยดี เขาจึงกล่าวอย่างมีชนักติดหลัง “ให้ข้าตามหมอให้ท่านปู่ดีหรือไม่ขอรับ”
“คุกเข่าต่อไปให้ดี!” หลู่ไท่เว่ยเหลือบมองหลู่หยวนเผิงแวบหนึ่ง จากนั้นลุกเดินออกไปจากหอบรรพชน
เมื่อหลู่ไท่เว่ยก้าวเท้าออกมาจากหอบรรพชนเขาจึงเห็นหลู่จิ่นเสียน บิดาและมารดาของหลู่หยวนเผิงถลาเข้ามาหาเขา เมื่อมารดาของหลู่หยวนเผิงเห็นไม้บรรทัดในมือของพ่อสามีน้ำตาของนางจึงไหลพรากออกมาทันที นางบ่นพ่อสามีอยู่ในใจ…หลู่หยวนเผิงผอมซูบและดำคล้ำกลับมาเช่นนี้ เหตุใดพ่อสามีของนางจึงโบยหลานชายของตัวเองอย่างไร้ความเมตตาเช่นนี้อีก!
มารดาของหลู่หยวนเผิงได้แต่โมโหอยู่ในใจไม่กล้ากล่าวออกมา ทำได้เพียงร้องไห้อย่างน่าสงสาร บิดาของหลู่หยวนเผิงลอบตำหนิว่าบิดาเข้มงวดเกินไปอยู่ในใจเช่นเดียวกัน เด็กนั่นถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก ทว่า อย่างน้อยตอนนี้เขาก็เป็นถึงนายพันของกองทัพไป๋แล้ว ถือเป็นหน้าเป็นตาของตระกูลหลู่เช่นเดียวกัน
หลู่ไท่เว่ยเห็นสีหน้าของบุตรชายคนที่สามและลูกสะใภ้ก็รู้ทันทีว่าพวกเขาคิดสิ่งใดอยู่ หลู่ไท่เว่ยโยนไม้บรรทัดให้บุตรชายของตัวเองพลางสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปในหอบรรพชน จากนั้นเรียกให้หลู่จิ่นเสียนเดินจากไปพร้อมเขา
“ท่านพ่อ ข้าได้ยินมาว่าฝ่าบาทจะสร้างป้ายรำลึกให้เหล่าทหารที่เสียชีวิตในสงครามหนานเจียงบริเวณริมแม่น้ำจิงขอรับ” หลู่จิ่นเสียนกล่าวกับหลู่ไท่เว่ยเสียงเบา “วันนี้ข้าได้ยินคนของกรมโยธากล่าวกันขอรับ”
“เพื่อกองทัพไป๋อย่างนั้นหรือ” หลู่ไท่เว่ยถาม
“เพื่อทหารทุกคนที่เสียชีวิตในสนามรบที่สงครามหนานเจียงขอรับ ได้ยินมาว่าฝ่าบาททรงต้องการให้ชาวบ้านต้าโจวทุกรุ่นจดจำบรรดาทหารที่สละชีพเพื่อชาวบ้านได้ตลอดไปขอรับ” หลู่จิ่นเสียนกล่าว
หลู่ไท่เว่ยรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนมาจากตระกูลนักรบ หญิงสาวคือทหารคนหนึ่งที่เคยออกรบในสงคราม หญิงสาวอยากสร้างป้ายรำลึกให้เหล่าทหารที่เสียชีวิตเหล่านั้นก็ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผลแล้ว
“หากเจ้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมก็ควรไปทูลให้ฝ่าบาททรงทราบตามตรง จักรพรรดินีแห่งต้าโจวของเราองค์นี้ไม่เหมือนกับจักรพรรดิต้าจิ้น พระองค์พระทัยกว้าง หากเจ้ามีเรื่องอันใดก็ทูลพระองค์ไปตามตรง ไม่จำเป็นต้องมาขอคำปรึกษาจากพ่อ” หลู่ไท่เว่ยชะงักฝีเท้าหยุดยืนอยู่กลางแสงไฟ เขากล่าวกับหลู่จิ่นเสียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พ่อแก่แล้ว วันหน้าราชสำนักต้าโจวแห่งนี้คือราชสำนักของฝ่าบาทและขุนนางอย่างพวกเจ้า เจ้าต้องเข้าใจว่าจักรพรรดิที่เจ้าจงรักภักดีในตอนนี้เป็นคนเช่นไร เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับฝ่าบาท เช่นนี้จึงจะสามารถช่วยพระองค์ปกครองบ้านเมืองและทำเพื่อชาวบ้านได้ดีที่สุด”
หลู่ไท่เว่ยแก่ตัวลงมากแล้ว ถึงแม้เขาจะได้รับตำแหน่งไท่เว่ย ได้เป็นราชครูของจักรพรรดิ ทว่า เวลาของเขาในราชสำนักเหลืออีกไม่มากแล้ว
หลู่ไท่เว่ยรู้สึกอิจฉาบุตรชายและหลานชายของตัวเองมาก พวกเขาโชคดีกว่าเขา แม้พวกเขาจะได้พบกับจักรพรรดินีองค์นี้ระหว่างทาง ทว่า คุณธรรมและความใจกว้างของนางทำให้ทุกคนนับถือ นางตรงไปตรงมาจนบางครั้งหลู่ไท่เว่ยยังตั้งตัวไม่ทัน
ทว่า เมื่อสัมผัสไปนานๆ หลู่ไท่เว่ยยังอดทึ่งไม่ได้ ตอนที่เขายังเป็นหนุ่ม เขาเข้ารับราชการด้วยความหวังที่ว่าจะได้พบกับจักรพรรดิเช่นนี้ แม้จักรพรรดิองค์นั้นจะไม่ใช่จักรพรรดิที่ปรีชาชาญ ทว่า ขอเพียงมีใจที่ซื่อตรงและทำเพื่อชาวบ้านอย่างแท้จริง ไม่ต้องให้ขุนนางคอยคาดเดาใจของเขา ขอเพียงขุนนางร่วมแรงร่วมใจกันทำให้แคว้นมั่งคั่งและแข็งแกร่งก็เพียงพอแล้ว
ทว่า ชีวิตส่วนใหญ่ของเขาอุทิศให้กับจักรพรรดิแห่งต้าจิ้นไปแล้ว การปรับตัวตามสถานการณ์และการกล่าวอย่างอ้อมค้อมเพื่อเอาตัวรอดฝังลึกอยู่ในสายเลือดของเขาจนยากจะแก้ไขแล้ว
บุตรชายและหลานชายของเขาล้วนโชคดีที่ได้พบจักรพรรดินีเช่นนี้ ดังนั้นเขาไม่อยากให้พวกเขาเรียนรู้พฤติกรรมแย่ๆ จากเขา
เขาหวังเพียงว่าวันที่เขาลาออกจากราชสำนัก เขาจะเห็นราชสำนักเป็นในแบบที่เขาเคยจินตนาการไว้ครั้งยังเป็นหนุ่ม
เช้าวันต่อมาข่าวการเสด็จเยือนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง
เมื่อเหอตงอ๋องรับรู้เรื่องนี้เขาจึงสั่งห้ามไม่ให้คนของเขาเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องนี้ ให้พวกเขาถอนตัวออกมาจากเรื่องนี้และทำลายหลักฐานทิ้งให้หมด
ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างได้ผลสรุปแล้ว สิ่งที่เหอตงอ๋องต้องทำก็คือการซ่อนหลักฐานที่ตัวเองเคยทำไปทั้งหมดให้ดี ไม่ให้ไป๋ชิงเหยียนจับได้ มิเช่นนั้นเขาคงยากจะรอดชีวิต
บัดนี้ครอบครัวของเขาและซั่วฟางอ๋องล้วนอยู่ในกำมือของไป๋ชิงเหยียน พวกเขาจะรอดชีวิตหรือไม่ จะรอดชีวิตอย่างไรขึ้นอยู่กับไป๋ชิงเหยียนเพียงคนเดียวเท่านั้น
เหล่าบัณฑิตที่ไม่พอใจกับการกระทำของไป๋ชิงเหยียนต่างมารวมตัวปรึกษากันทั้งคืน พวกเขาจดคำถามที่ต้องการถามไป๋ชิงเหยียนลงบนม้วนไม้ไผ่ จากนั้นเฝ้ารอหญิงสาวมาเยือนอย่างสงบ
เมื่อฟ้าเริ่มสว่างไป๋ชิงเหยียนจึงเดินทางออกจากวังหลวง
เมื่อคืนไป๋ชิงเหยียนนั่งสนทนากับไป๋จิ่นซิ่วจนเกือบเที่ยงคืน ไป๋จิ่นซิ่วปรึกษากับฉินหล่างแล้วว่าพวกนางจะพาวั่งเกอไปยังเมืองหานด้วย ไป๋จิ่นซิ่วรู้ดีว่าเมืองหานมีเรื่องเร่งด่วน ไป๋จิ่นจื้อเป็นคนวู่วาม นางกลัวว่าไป๋จิ่นจื้อจะทำเรื่องที่ไม่อาจแก้ไขได้ลงไป
เมืองหานยอมจำนนกับต้าโจว เมื่อสงครามจบลงพวกนางต้องใช้วิธีที่นุ่มนวลเพื่อซื้อใจคน ไม่ใช่ใช้วิธีแข็งกร้าว
ดังนั้นไป๋จิ่นซิ่วจึงปรึกษากับไป๋ชิงเหยียนว่านางจะออกเดินทางไปเมืองหานในเช้าวันนี้ ไป๋ชิงเหยียนจึงออกคำสั่งให้หลินคังเล่อพาทหารติดตามไป๋จิ่นซิ่วไปยังเมืองหานเพื่อเปลี่ยนตัวไป๋จิ่นจื้อและจ้าวเซิ่งกลับมาเมืองหลวง
เมื่อปรึกษากับไป๋ชิงเหยียนเสร็จ ไป๋จิ่นซิ่วจึงไปพบมารดาของตัวเองต่อ หญิงสาวแทบไม่ได้นอนทั้งคืน ไป๋จิ่นซิ่วนั่งรถม้าคันเดียวกับฉินหล่างและวั่งเกอออกจากเมืองหลวงไปรวมตัวกับขบวนกองทัพของหลินคังเล่อ
ไป๋จิ่นซิ่วนึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะออกมาส่งตนที่นอกเมือง ตอนที่นางได้ยินชุ่ยปี้รายงานว่าเหมือนจะเห็นไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่บนเนินเขาฝั่งตะวันออก นางจึงรีบแหวกม่านมองไปทางเนินเขาฝั่งตะวันออกทันที นางเห็นพี่หญิงใหญ่ในชุดลำลองธรรมดานั่งอยู่บนหลังม้าสีขาวโดยมีเสิ่นชิงจู๋ยืนอยู่ข้างกาย
ไป๋ชิงเหยียนกำบังเหียนม้ามองดูขบวนของไป๋จิ่นซิ่วค่อยๆ เคลื่อนตัวจากไปนิ่ง
ล้อของรถม้าไม่ได้หยุดลง ไป๋จิ่นซิ่วมองดูไป๋ชิงเหยียนที่ยืนอยู่ใต้แสงอรุณแรกของวันพลางโบกมืออำลาพี่สาวอย่างอดไม่ได้
นางเคยยืนส่งพี่หญิงใหญ่อยู่ตรงนั้น บัดนี้พี่หญิงใหญ่มายืนส่งนางแทน
นางหวังว่าการจากไปของนางครั้งนี้ นางจะกลับมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เหมือนที่พี่หญิงใหญ่ของนางเคยทำ
********************************