ตอนที่ 970 มุ่งมั่นแข็งแกร่ง
เมื่อเฉิงหย่วนจื้อนึกถึงสภาพน่าอดสูของชาวบ้านแถบชายแดนตอนที่เขาทำสงคราม ดวงตาของเขาแดงก่ำขึ้นมาทันที “พวกเจ้าคนใดในที่นี้เคยพาเด็กเล็กและคนแก่ในครอบครัววิ่งหนีตายเอาตัวรอดยามศัตรูบุกรุกดินแดนของเราบ้าง ผู้ใดเคยแปรสภาพจากคนเร่ร่อนเป็นขอทานบ้าง ผู้ใดเคยอดอยากจนต้องกัดกินกิ่งไม้ กระทั่งแลกเปลี่ยนบุตรของตัวเอง…เพื่อต่อลมหายใจบ้าง!”
เฉิงหย่วนจื้อไม่อาจกล่าวคำว่ากินเนื้อบุตรตัวเองออกไปได้ ลำคอของเขาร้อนผ่าว
“ตอนที่ซีเหลียงบุกยึดเมืองของพวกเรา พวกเจ้าอยู่ที่ใดกัน! ชาวบ้านแถบชายแดนถูกสังหารไปมากเท่าใดพวกเจ้าเคยรู้บ้างหรือไม่! บุรุษถูกสังหารราวกับสัตว์ สตรีถูกข่มเหงย่ำยีจนตายนับไม่ถ้วน! ตอนนั้นต้าเยี่ยนบุกโจมตีแคว้นของพวกเรา สังหารชาวบ้านในแคว้นของเรา พวกเขากล่าวว่าจะไม่จับคนไปเป็นทาส ทว่า พวกเขาเห็นชาวบ้านของพวกเราเป็นดั่งสัตว์ใช้แรงงาน สั่งให้ชาวบ้านไปสร้างวังหลวงให้พวกเขาโดยห้ามหยุดพักเว้นเสียแต่ว่าจะเหนื่อยตายไปก่อน แม้แต่เด็กก็ไม่ละเว้น พวกเจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไร”
“ตอนนั้นต้าเยี่ยนคือแคว้นที่แข็งแกร่งมาก ตอนนั้นข้าเป็นเพียงทหารตัวเล็กๆ ในกองทัพ ต้าเยี่ยนบุกยึดดินแดนของพวกเรา บังคับให้ชาวบ้านไปสร้างวังหลวงให้จักรพรรดิต้าเยี่ยนสารเลว บางทีพวกเจ้าอาจไม่รู้ว่าเหตุใดกองทัพไป๋จึงเกือบสังหารต้าเยี่ยนจนดับสูญทั้งแคว้น! นั่นเป็นเพราะหลังจากต้าเยี่ยนโจมตีแคว้นของเราสำเร็จ พวกเขาจับตัวบุรุษทั้งหมดของเราไปราวกับสัตว์เดรัจฉาน สตรีถูกจับไปเป็นโสเภณี ทหารสารเลวต้าเยี่ยนจับเด็กที่ยังเล็กเกินไป ไม่สามารถทำงานรับใช้พวกเขาได้ อีกทั้งสิ้นเปลืองเสบียงอาหารไปแขวนบนต้นไม้เพื่อให้ทหารได้ฝึกซ้อมยิงธนู! พวกเจ้าคนใดเคยเห็นเด็กเล็กเหล่านั้นถูกธนูยิงอย่างน่าเวทนาบ้าง! ข้าเคยเห็น!”
เฉิงหย่วนจื้อที่ตอนนั้นยังเป็นเพียงทหารคนหนึ่งในกองทัพช่วยไป๋ฉีซานนำศพของเด็กที่ถูกแขวนอยู่บนต้นไม้เหล่านั้นลงมาฝังดิน ตอนนั้นบุรุษร่างหยาบอย่างเฉิงหย่วนจื้อถึงได้เข้าใจว่าเหตุใดแม่ทัพใหญ่จึงมักกล่าวว่ามีเพียงการรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ชาวบ้านถึงจะพบกับความสงบสุขที่แท้จริง
เฉิงหย่วนจื้อน้ำตาคลอ “ตอนนี้ต้าเยี่ยนแข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้งแล้ว ขนาดคนหยาบอย่างข้ายังรู้เลยว่าต้าเยี่ยนทำลายแคว้นเว่ยเพราะต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง พวกเขาทำเพื่อขจัดความกังวลทางทิศใต้และทิศตะวันของแคว้นตัวเอง จากนั้นเดินหน้ารวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้อย่างสบายใจ หากต้าเยี่ยนเริ่มปูทางรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งแล้ว ดูจากการกระทำที่ผ่านมาของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน พวกเจ้าลองคิดดูเอาเองแล้วกันว่าชาวบ้านเมืองต้าโจวและบัณฑิตอย่างพวกเจ้าจะมีทางรอดหรือไม่”
“ระมัดระวังตัวตลอดแม้อยู่ในช่วงที่สถานการณ์สงสบสุขคือสิ่งที่ท่านแม่ทัพใหญ่ไป๋เว่ยถิงแห่งกองทัพไป๋มักกล่าวกับทหารในกองทัพไป๋อยู่เสมอ ขนาดข้าที่เป็นเพียงคนหยาบ ไม่ค่อยได้เรียนตำรายังรู้ความหมายของมัน พวกเจ้าไม่เข้าใจจริงๆ หรือ! พวกเจ้าคิดว่าเมื่อต้าโจวยึดครองต้าเหลียงได้แล้ว พวกเราจะอยู่เหนืออันตราย…อันใดนะ ใต้หล้าสงบสุขแล้วอย่างนั้นหรือ!”
“อยู่เหนืออันตรายทั้งปวง…” บัณฑิตคนหนึ่งช่วยกล่าวเติมให้เฉิงหย่วนจื้อ
“จงเบิกตาของพวกเจ้าดูให้ดีๆ ใช้สมองของพวกเจ้าคิดให้ดีๆ พวกเจ้าอยากทำสัญญาสงบศึก ทว่า พวกเจ้าคิดว่าต้าเยี่ยนอยากทำสัญญาสงบศึกกับพวกเจ้าหรือไม่ บัดนี้ซีเหลียงกำลังอยู่ในอันตราย หากซีเหลียงรอดพ้นจากอันตรายแล้ว พวกเขายังอยากทำสัญญาสงบศึกกับพวกเจ้าหรือไม่ หรงตี๋จะไม่มาแย่งชิงเสบียงอาหารชาวบ้านแถบชายแดนของพวกเราอีกอย่างนั้นหรือ”
“ข้าเฉิงหย่วนจื้อเชื่อในคำกล่าวของท่านแม่ทัพใหญ่ไป๋เวยถิง มีเพียงใต้หล้ารวมเป็นหนึ่งเท่านั้น ใต้หล้าจึงจะสงบสุขอย่างแท้จริง มีเพียงการรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งเท่านั้น ชาวบ้านจึงจะมีใต้หล้าที่มีแต่สันติสุข ท่านรองแม่ทัพใหญ่เคยกล่าวว่าผู้ใดสามารถมอบใต้หล้าที่สงบสุขให้ชาวบ้านได้ กองทัพไป๋จะเป็นดาบในมือของคนผู้นั้น! ยอมเป็นหมากในมือของคนผู้นั้น! ที่คือเหตุผลว่าเหตุใดกองทัพไป๋จึงยินดีติดตามรับใช้ทุกคนในตระกูลไป๋จนวันตายโดยไม่คิดเสียดายชีวิตของตัวเอง!”
เฉิงหย่วนจื้อไม่ได้เรียบเรียงถ้อยคำก่อนกล่าวออกไป เขาคิดสิ่งใดได้ก็กล่าวออกไปตามนั้น ทว่า ความจริงใจของเขาทำให้ทุกคนซาบซึ้งและคล้อยตาม
ภายในโถงน่าเสียนที่กว้างขวางไม่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าบัณฑิตอีกแม้แต่คนเดียว
ไม่มีผู้ใดเข้าใจความโหดร้ายของสงครามได้ดีไปกว่าเหล่าทหารและชาวบ้านแถบชายแดนอีกแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้ความสำคัญของการรวบรวมใต้หล้าได้ดีไปกว่าเหล่าทหารและชาวบ้านแถบชายแดนอีกแล้ว
การทำสงคราม…ผู้ที่เสียสละเป็นด่านแรกคือเหล่าทหารเสมอ พวกเขาเสียสละในวันนี้เพื่อที่วันหน้าลูกหลานของพวกเขาจะได้ไม่ต้องเสียสละเช่นนี้อีก
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเหล่าบัณฑิตที่เอาแต่ก้มหน้าพึมพำ จากนั้นกล่าวเสียงแผ่วเบา “การทำสัญญาเป็นพันธมิตร ทำสัญญาสงบศึกล้วนเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น พวกเจ้าล้วนเคยอ่านบันทึกทางประวัติศาสตร์กันมาแล้ว พวกเจ้าน่าจะรู้ดีว่าแต่ละแคว้นทำสัญญาผูกไมตรีเพื่อผลประโยชน์ เมื่อผลประโยชน์หมดไป สัญญาก็สิ้นสุดลง นี่ไม่ใช่การแก้ไขที่ต้นตอของปัญหา ถึงแม้ตอนนี้จักรพรรดิของแต่ละแคว้นจะไม่อยากทำสงคราม อยากทำสัญญาเป็นพันธมิตรกัน ทว่า ทายาทรุ่นต่อไปของพวกเขาเล่า ผู้ใดกล้ารับประกันว่าสัญญาพันธมิตรนี่จะคงอยู่เป็นร้อยพันปีกัน”
เหล่าบัณฑิตกำมือแน่น หากสัญญาสงบศึกได้ผลจริง เหตุใดจึงมีสงครามเกิดขึ้นมากมายเช่นนี้…
แค่ดูจากแคว้นต้าจิ้น แคว้นต้าจิ้นเคยทำสัญญาสงบศึกกับแคว้นต่างๆ เกือบพันสัญญา ทว่า สุดท้ายพวกเขาก็รบกันไปมาอยู่ดี!
เหล่าบัณฑิตจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวต่อ “เรื่องสตรีควรเข้าร่วมการสอบขุนนางหรือไม่ที่ทุกท่านกำลังถกเถียงกับข้าอยู่ในตอนนี้ไม่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่เคยมีประเด็นเรื่องบัณฑิตยากจนและคนจากตระสูงศักดิ์สักเท่าใดนัก ไม่มีการแบ่งแยกว่าของสูงต่ำเหมาะกับผู้ใด การสอบขุนนางพิสูจน์แล้วว่าบัณฑิตยากจนมีคนมีความสามารถเช่นเดียวกัน บัดนี้ข้าอนุญาตให้สตรีมีสิทธิ์เข้าร่วมการสอบขุนนาง ข้าเชื่อว่าต้าโจวจะได้คนมีความสามารถจากการคัดเลือกนี้เช่นเดียวกัน!”
“แต่ละแคว้นมีคนที่อยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งอยู่มากมาย ทว่า จะมีสักกี่คนที่มีความสามารถทำให้ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่งได้ บัดนี้ต้าเยี่ยนกำลังเตรียมพร้อมที่จะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง แม้ตอนนี้ต้าโจวจะเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุด ทว่า ข้าไม่กล้ารับประกันว่าสุดท้ายแล้วเราจะเป็นผู้ที่รวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้สำเร็จ ดังนั้นต้าโจวต้องการคนมีความสามารถทั้งบุรุษและสตรี ไม่แบ่งแยกสูงต่ำหรือชนชั้น เมื่อต้าโจวร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว พวกเราจึงจะสามารถรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง สร้างสันติสุขให้ใต้หล้าได้อย่างแท้จริง!”
“ข้าสร้างสำนักศึกษาให้บุรุษและสตรีได้ร่ำเรียน เมื่อคนหนุ่มสาวมีความกระตือรือร้น มุ่งมั่นสร้างความแข็งแกร่งให้แคว้น แคว้นของเราจะไม่เจริญรุ่งเรืองได้อย่างไรกัน” ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดคารวะบัณฑิตที่อยู่บนชั้นสองและชั้นล่าง “ข้าขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างความแข็งแกร่งให้แคว้นของพวกเราไปด้วยกัน”
เหล่าบัณฑิตต่างลุกขึ้นยืนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน
แม้แต่เซวียเหรินอี้ที่ตอนแรกไม่พอใจมากที่สุด บัดนี้ยังยอมจำนนต่อคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน เลือดร้อนขึ้นเพราะคำกล่าวของเฉิงหย่วนจื้อ เขาโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม
เพราะไป๋ชิงเหยียนตั้งเป้าหมายใหม่ให้พวกเขาทุกคน เป้าหมายในการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง เมื่อมีเป้าหมายเหมือนกัน รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป
เซียวหรงเหยี่ยนยืนมองไป๋ชิงเหยียนอยู่ใต้ต้นไม้นิ่ง คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนที่ว่าแม้ตอนนี้จักรพรรดิของแต่ละแคว้นจะไม่อยากทำสงคราม ยอมทำสัญญาสงบศึก ทว่า ผู้ใดกล้ารับประกันว่าทายาทรุ่นต่อไปของพวกเขาจะทำตามสัญญานั้นต่อไปไปอีกนับพันปีแสดงให้เห็นแล้วว่าไป๋ชิงเหยียนจะต้องรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งภายในยุคของนางให้ได้
เขานึกถึงถ้อยคำที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเขาเมื่อคืนว่าสองแคว้นควรตัดสินกันที่ระบอบการปกครองของแต่ละแคว้น แคว้นใดทำให้ชาวบ้านและแคว้นมั่งคั่งและเจริญรุ่งเรืองมากกว่ากัน แคว้นนั้นควรได้เป็นผู้รวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง
ชายหนุ่มหลับตาลง เขาเริ่มรู้สึกหวั่นไหวไปกับถ้อยคำของหญิงสาว
ไป๋ชิงเหยียนไม่สนใจว่าผู้ใดจะได้เป็นหนึ่งในใต้หล้า หญิงสาวสนใจเพียงผู้ใดสามารถทำให้ชาวบ้านและแคว้นมั่งคั่งและรุ่งเรืองได้
ตระกูลไป๋ปลูกฝังคำว่า “ปกป้องแคว้นดูแลชาวบ้าน” ลงไปในกระดูกของทายาททุกคนในตระกูลไป๋จริงๆ ไป๋ชิงเหยียนกำลังใช้วิธีของตัวเองทำให้ชาวบ้านได้ผลประโยชน์มากที่สุด
*******************