ตอนที่ 986 กักตุนเสบียง
เมื่อร้านค้าเห็นว่าชาวบ้านเริ่มทยอยกันออกมาซื้อเสบียงมากขึ้น พวกเขาจึงเริ่มขึ้นราคาเลียนแบบบ้าง บางคนถึงกับปิดกิจการจนชาวบ้านเริ่มหวั่นวิตกมากยิ่งขึ้น
ตั้งแต่ที่ชาวบ้านเริ่มมั่งคั่งขึ้นจากการทอผ้าหยก ค้าหนังสัตว์และผลิตกระดาษ ชาวนาชาวไร่ที่เดิมทีมีน้อยอยู่แล้วของซีเหลียงยิ่งไม่อยากเสียเวลาทำไร่ทำนาอยู่อย่างเดิม พวกเขายอมเสียเวลาทอผ้าหยก จับสัตว์ถลกหนังไปขายและผลิตกระดาษมากกว่า เพราะรายได้จากการขายผลผลิตที่ได้จากการทำไร่นาค่อนข้างต่ำและคงที่ ชาวบ้านเริ่มรู้สึกว่าได้กำไรจากการทำไร่นาไม่มาก ไม่นานที่นาจึงเริ่มแห้งแล้งและรกร้างไปตามๆ กัน
ทว่า อยู่ดีๆ ร้านขายเสบียงอาหารกลับขึ้นราคาเสบียงอาหารอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ร้านค้าเริ่มทยอยกันปิดร้านไม่ทำกิจการ เสบียงอาหารคือปัจจัยสำคัญของชาวบ้าน ชาวบ้านพยายามหารายได้เพื่อให้ตัวเองได้อยู่ดีมีสุข มีกินมีใช้ เมื่อเสบียงอาหารขึ้นราคาเท่ากับเป็นการบีบคอชาวเมืองซีเหลียง ชาวบ้านเหล่านี้จะไม่หวาดกลัวได้อย่างไรกัน
ยามดึกสงัด แสงไฟส่องสว่างภายในตำหนักหมิงหยาง ผ้าม่านสีน้ำเงินแกมขาวผืนบางซึ่งมีไข่มุกสีแดงห้อยอยู่ตรงชายผ้าทั้งสองด้านสะบัดพลิ้วไปมาตามแรงลม จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงนั่งอ่านฎีกาอยู่ด้านหลังผ้าม่านที่ร้อยเรียงด้วยลูกปัดหยก ผมของจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงถูกรวบสูง หญิงสาวสวมมงกุฎของจักรพรรดิไว้บนศีรษะ แต่งกายด้วยชุดของบุรุษ ทว่า บนหน้าของนางกลับงดงามน่าตราตรึงประหนึ่งราชินีแห่งดอกโบตั๋นที่เบ่งบานท่ามกลางดอกไม้อื่นๆ
ขุนนางสองคนคุกเข่ารายงานสถานการณ์ความวุ่นวายของราคาเสบียงอาหารที่ขึ้นสูงโดยไม่มีสาเหตุอยู่ด้านนอกผ้าม่านไข่มุก อวิ๋นพั่วสิงยืนกลั้นไออยู่ด้านข้างนิ่งโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
เมื่อจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงทราบข่าว สีหน้าของนางดูเหมือนจะคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้แล้ว นางวางพู่กันในมือลง ยกถ้วยชาขึ้นเผยให้เห็นข้อมือที่เนียนใส หญิงสาวเงยหน้ามองไปทางเสนาบดีและซื่อหลางของกรมการคลัง
“ในที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้…”
น่าเสียดายที่นางและขุนนางในราชสำนักรู้ตัวช้าไป ชุยกงสิงไม่ยอมสารภาพเรื่องนี้เสียที
ทว่า มีคำโบราณกล่าวไว้ว่าวัวหายล้อมคอก
ยิ่งพบพิรุธเร็วเท่าใด พวกนางก็จะยิ่งมีเวลาแก้ไขข้อผิดพลาดมากเท่านั้น แม้ข้อผิดพลาดนี้จะขยายเป็นวงกว้างแล้ว ทว่า ก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันขยายใหญ่ต่อไปเรื่อยๆ
ตั้งแต่ที่จับชุยกงสิงขังคุกเมื่อเดือนที่แล้ว จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงมีราชโองการสั่งให้คนเริ่มเร่งทำนาเพาะปลูกทันที ทว่า ผลผลิตน้อยเกินไป
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงอยากตัดใจจัดการกับกิจการของชุยกงสิงที่อยู่ในซีเหลียง ทว่า บัดนี้ชาวเมืองซีเหลียงหันไปทอผ้า ค้าหนังสัตว์และผลิตกระดาษเป็นหลัก ผู้ที่รับซื้อสิ่งของเหล่านี้มากที่สุดในเมืองหลวงคือกิจการของชุยกงสิง
หากนางวู่วามสั่งให้ปิดกิจการทั้งหมดของชุยกงสิงในตอนนี้ หากซีเหลียงไม่มีกิจการใหญ่พอที่สามารถรับซื้อผ้าทอและหนังสัตว์ของชาวบ้านได้ทั้งหมดเท่ากับเป็นการตัดหนทางทำมาหากินของชาวบ้านทันที
ที่สำคัญชุยกงสิงเป็นคนฉลาด การค้าของเขาใหญ่โตและมีคนของตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดตระกูลเป็นหุ้นส่วนด้วย แม้บัดนี้สองในแปดตระกูลจะไม่มีอำนาจแล้ว ทว่า จะดูถูกอีกหกตระกูลที่เหลือไม่ได้เด็ดขาด
ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ข้างเกี่ยวโยงกันอย่างซับซ้อน ชุยกงสิงผู้นี้ยังกลายเป็นพ่อค้าเสบียงรายใหญ่สุดในซีเหลียงด้วยความช่วยเหลือจากตระกูลสูงศักดิ์ของซีเหลียงด้วย นี่คือเหตุผลที่จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงไม่ลงมือสังหารชุยกงสิงเสียที หากสังหารชุยกงสิง ชาวบ้านกว่าครึ่งของซีเหลียงคงต้องล้มละลายและอดตายแน่นอน
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงที่เคยดูถูกพ่อค้ามีมุมมองเปลี่ยนไปหลังจากได้ฟังเรื่องราวภายในแคว้นต้าจิ้นและเรื่องราวแปลกใหม่ที่ชุยกงสิงพบเจอหลังจากเดินเรือไปตามแคว้นต่างๆ จากชุยกงสิง ชุยกงสิงไม่ดูถูกสตรี เขาเห็นสตรีเสมอภาคกับบุรุษจึงได้ใจจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงมาก ต่อมาจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงเห็นชุยกงสิงเป็นดั่งสหายรู้ใจที่สามารถระบายเรื่องราวต่างๆ ด้วยได้
นางนึกไม่ถึงเลยว่าคนเช่นนี้จะมีจุดประสงค์ร้ายต่อซีเหลียงเช่นนี้
คนต้าเยี่ยนและต้าจิ้นเจ้าเล่ห์และเจ้าแผนการดั่งที่บิดาของนางกล่าวไว้ไม่มีผิด
อาจเป็นเพราะซีเหลียงดูถูกเหยียดหยามพ่อค้าเช่นเดียวกับแคว้นอื่น ดังนั้นพวกนางจึงไม่ได้ใส่ใจพ่อค้ามากนัก นึกไม่ถึงเลยว่าพ่อค้าจะมีความสามารถมากจนทำให้แคว้นๆ หนึ่งกลายเป็นแคว้นที่อ่อนแอลงได้อย่างเงียบเชียบเช่นนี้
ระหว่างที่ชุยกงสิงถูกจับขังคุก คนจากตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดตระกูลต่างผลัดกันมาขอร้องให้ปล่อยตัวเขา ต่อมาเมื่อจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงให้สัญญาว่าจะไม่แตะต้องกิจการของชุยกงสิงและจะไม่ทำสิ่งใดให้สงผลกระทบต่อกำไรของพวกเขา คนทั้งแปดตระกูลจึงยอมอยู่อย่างสงบ
“พรุ่งนี้นำเสบียงที่เราสั่งให้เสนาบดีกรมการคลังนำมาจากแคว้นต้าเยี่ยนไปขายให้ชาวบ้านในราคาปกติ…” จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงกล่าวจบจึงหันไปถามอวิ๋นพั่วสิง “ท่านแม่ทัพใหญ่คิดว่าหากทำเช่นนี้ไปสักระยะหนึ่ง ราคาเสบียงอาหารของซีเหลียงจะกลับมาเป็นปกติหรือไม่”
อวิ๋นพั่วสิงพยายามกลั้นเสียงไอของตัวเอง จากนั้นหันไปทำความเคารพจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงที่อยู่ด้านในผ่าม่านพลางกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าพวกเราควรปล่อยตัวชุยเฟิ่งเหนียนออกมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ ชุยเฟิ่งเหนียนมีความเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตระกูลทั้งแปด ตอนนี้เหตุการณ์ยังไม่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของคนเหล่านั้นจึงยังมิเป็นอันใด บัดนี้คนของชุยเฟิ่งเหนียนเริ่มขึ้นนราคาเสบียงอาหาร กระหม่อมเกรงว่านี่จะเป็นเพียงการเริ่มต้น หากเรายังไม่ปล่อยตัวชุยเฟิ่งเหนียน พวกเขาอาจเริ่มแผนต่อไป บางทีอาจเป็นผ้าทอหยกพ่ะย่ะค่ะ”
“แค่กๆ…” อวิ๋นพั่วสิงไอออกมาสองสามทีอย่างกลั้นไม่อยู่ เขาพยามอดกลั้นต่อจนใบหน้าแดงก่ำ
“กระหม่อมไม่ได้หวาดกลัว ทว่า จากเหตุการณ์นี้กระหม่อมพบว่าที่ตระกูลทั้งแปดเริ่มยอมลงให้พวกเราไม่ใช่เป็นเพราะการยกฐานะของบัณฑิตยากจนขึ้นมาคานอำนาจกับพวกเขาได้ผลอย่างที่ฝ่าบาทและกระหม่อมเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ นี่ยังไม่ถึงเวลางัดข้อกับตระกูลทั้งแปดพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงไม่อาจทนเห็นอวิ๋นพั่วสิงฝืนร่างกายของตัวเองสนทนากับนางเช่นนี้ต่อไปได้ นางหันไปสั่งให้ขันทีนำเก้าอี้และชาร้อนไปให้อวิ๋นพั่วสิง
อวิ๋นพั่วสิงรับชามาดื่มสองอึก เขาไอออกมาเล็กน้อย จากนั้นพยายามกลั้นไอแล้วกล่าวกับจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงต่อ “หากครั้งนี้ตระกูลทั้งแปดไม่ปิดบังราชสำนักเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ตรงหน้า ผู้ใดจะทราบพ่ะย่ะค่ะว่าชาวบ้านต่างละทิ้งที่นาของตัวเองหันไปทอผ้าหยก จับหนังสัตว์ไปขายกันหมดแล้ว แค่ก แค่ก…”
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงหลับตาลงอย่างใจหาย
อวิ๋นพั่วสิงไอรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดปาก จากนั้นไอหนักจปอดแทบพัง
“แม่ทัพใหญ่รีบนั่งลงก่อน!” จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงเป็นห่วงอาการของอวิ๋นพั่วสิงมาก เมื่อเห็นอวิ๋นพั่วสิงยอมนั่งลงอย่างฝืนต่อไปไม่ไหว จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงจึงกล่าวต่ออย่างไม่รีบร้อน “ประโยชน์ของแคว้นยังสำคัญไม่เท่าผลประโยชน์ของพวกเขาเอง เราคิดว่าที่ตระกูลทั้งแปดปิดบังเรื่องนี้กับราชสำนักเป็นเพราะพวกเขาเห็นแก่กำไรที่จะได้มาจากการขายผ้าทอหยกเหล่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาคงอยากได้เงินของชาวบ้านที่ได้มาจากการขายผ้าทอกลับเข้าถุงเงินของพวกเขาอีกครั้ง”
ไม่นานจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงลืมตาขึ้นอีกครั้ง
“หากเราคิดไม่ผิด ตระกูลทั้งแปดคงกักตุนเสบียงอาหารไว้ไม่น้อย พวกเขากำลังรอวันที่ราคาเสบียงอาหารแพงขึ้นเป็นเท่าตัว พวกเขาจะสนใจชีวิตของชุยกงสิงอีกได้อย่างไรกัน”
ไม่ใช่เพราะชุยกงสิงมีความสามารถมากเกินไป ทว่า เป็นเพราะตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดตระกูลโลภมากเกินไปต่างหาก
————————