ตอนที่ 1005 ทายาทสายหลัก
กล่าวจบไป๋ชิงเหยียนรู้สึกว่าใจของตัวเองกระตุกรุนแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะหลุดออกมาจากอก หญิงสาวกำขอบโต๊ะแน่น พยายามทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวยิ้มๆ “แนวคิดการปกครองแคว้นของต้าเยี่ยนไม่เหมือนกับต้าโจว เช่นเดียวกับที่พวกเราเข้าใจแนวคิดของนักปราชญ์ต่างกัน พวกเราต่างคิดว่าระบอบการปกครองแคว้นของตัวเองถูกต้อง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ต้าเยี่ยนและต้าโจวคงเลี่ยงสงครามไม่พ้น”
ต้าโจวและต้าเยี่ยนหลีกเลี่ยงสงครามไม่พ้น ความขัดแย้งทางแนวคิดการปกครองของสองแคว้นไม่อาจปรับเปลี่ยนได้
ไป๋ชิงเหยียนเห็นด้วยกับคำกล่าวที่จีโฮ่วบันทึกในตำราถึงความสำคัญของการสร้างสติปัญญาให้ชาวบ้าน
ทว่า ต้าเยี่ยนคิดว่าการทำให้ชาวบ้านอยู่ด้วยความไม่รู้คือการควบคุมชาวบ้านที่ดีที่สุด
ไป๋ชิงเหยียนฝืนความเจ็บปวดบริเวณหน้าอก พยักหน้าเล็กน้อย ความคิดไม่เหมือนกันเดินร่วมทางเดียวกันไม่ได้ เช่นนี้คงต้องตัดสินกันว่ากำปั้นของผู้ใดจะหนักกว่ากัน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าอยากทำข้อตกลงวิญญูชนกับท่าน” ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดแน่น พยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด “โจมตีเมืองได้ ทว่า ห้ามทำร้ายชาวบ้านภายในเมืองเด็ดขาด”
สงครามสร้างความเสียหายให้ชาวบ้านอย่างร้ายแรง กองทัพต้าเยี่ยนเคยสังหารชาวบ้านในเมืองหลังยึดเมืองได้มาก่อน ไป๋ชิงเหยียนจึงจำเป็นต้องป้องกันไว้ก่อน
เซียวหรงเหยี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นสีหน้าของไป๋ชิงเหยียนซีดเผือด เขาจึงเตรียมลุกขึ้นไปช่วยประคอง ทว่า เมื่อเห็นอ๋องหน้ากากผีเตรียมลุกขึ้นไปประคองหญิงสาวเช่นเดียวกัน เซียวหรงเหยี่ยนจึงนั่งลงตามเดิม จากนั้นพยักหน้าให้ไป๋ชิงเหยียน “บุกโจมตีเมือง ทว่า จะไม่ทำร้ายชาวบ้านในเมืองแน่นอน”
ซีเหลียงและต้าเยี่ยนที่มาเยือนต้าโจวในครั้งนี้ ความจริงต้าเยี่ยนดูจะสนิทกับต้าโจวมากกว่า ทว่า นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกัน สุดท้ายกลับทำสัญญาศึกกันก่อนเช่นนี้
ในเมื่อชัดเจนแล้วว่าจุดยืนต่างกัน ดังนั้นวันหน้าทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละแคว้น ผู้ที่มีความสามารถมากกว่าจะได้ครอบครองใต้หล้า
“อาเป่า” เซียวหรงเหยี่ยนเห็นสีหน้าของไป๋ชิงเหยียนจึงเริ่มไม่สบายใจ
ไป๋ชิงเหยียนโบกมือสื่อว่าตนเองไม่ได้เป็นอันใด หญิงสาวขยับท่านั่งเล็กน้อย พยายามบังคับสีหน้าของตัวเองให้เป็นปกติ ทว่า ใจของนางยังคงเต้นแรงไม่หยุดราวกับจะระเบิดออกมา ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้น “ต้าเยี่ยนคือคู่ต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวสำหรับต้าโจว ต้าโจวจะพยายามอย่างสุดความสามารถ อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนไม่ต้องออมมือเช่นเดียวกัน”
เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เป็นอันใด จึงส่งสายตาสอบถาม ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้ชายหนุ่มยิ้มๆ เซียวหรงเหยี่ยนจ้องไป๋ชิงเหยียนนิ่งครู่ใหญ่ เมื่อเห็นว่าใบหน้าของหญิงสาวไม่มีสิ่งใดผิดปกติจึงค่อยๆ คลายแผ่นหลังที่หยัดตรงเพราะความกังวลลง จากนั้นพยักหน้า “ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะทำเช่นนั้นแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ในเมื่อสองแคว้นจะทำสงครามกัน การแต่งงานเชื่อมไมตรีระหว่างสองแคว้นย่อมถูกระงับไว้ก่อน เซียวหรงเหยี่ยนตั้งใจจะทำลายการแต่งงานเชื่อมไมตรีระหว่างต้าโจวและต้าเยี่ยนอยู่แล้ว
การสนทนากันในวันนี้ คำกล่าวของเซียวหรงเหยี่ยนจุดประกายความคิดใหม่ๆ ให้ไป๋ชิงเหยียนได้อีกมาก
ยกตัวอย่างเช่น เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวว่าที่ต้าโจวมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันในตอนนี้เพราะไป๋ชิงเหยียนกำหนดเป้าหมายเดียวกันให้ทุกคน ดังนั้นทุกคนในต้าโจวจึงพยายามเพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน
หนทางในการหาระบอบการปกครองที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแคว้น ไป๋ชิงเหยียนต้องตั้งสติให้มั่นอยู่ตลอดเวลาเพื่อปรับเปลี่ยนแก้ไขไปเรื่อยๆ
ไป๋ชิงเหยียนหลับตาลง ใบหูได้ยินเพียงเสียงใจที่เต้นรัวไม่หยุดและเสียงเลือดที่ไหลเวียนในร่างกาย ใจของนางเต้นรัวขึ้นเรื่อยๆ เลือดพลุ่งพล่านไปยังสมองของหญิงสาว สติของหญิงสาวลดลงเรื่อยๆ ภาพตรงหน้าค่อยๆ มืดลงทีละนิด
เมื่อทั้งสองคนนั่งลงคุยกันอย่างเปิดใจ ก้อนหินที่กดทับอยู่ในใจของเซียวหรงเหยี่ยนถูกยกออก ชายหนุ่มหันไปมองไป๋ชิงอวี๋ “จักรพรรดินีแห่งต้าโจวและอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนคุยเรื่องสำคัญจบแล้ว คราวนี้ควรคุยเรื่องส่วนตัวระหว่างเจ้าและข้าบ้าง…”
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน ทว่า สายตามองไปทางไป๋ชิงอวี๋ แววตาสื่อชัดว่าต้องการให้ไป๋ชิงอวี๋จากไปก่อน
ไป๋ชิงอวี๋แสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาของเซียวหรงเหยี่ยน เขาปัดฝุ่นที่ไม่ได้มีอยู่จริงตามเสื้อผ้าของตัวเอง นั่งนิ่งราวกับต้องการจะสื่อว่าเขาไม่มีทางจากไป
เมื่อเห็นไป๋ชิงอวี๋แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวเสริมขึ้นอีกประโยค “ที่สำคัญ ข้ามาวันนี้เพราะอยากไปคารวะไทเฮาเพื่อสารภาพฐานะที่แท้จริงของตัวเองและแสดงความจริงใจที่ข้ามีต่ออาเป่าให้ไทเฮาทรงรับรู้”
“อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนแยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวได้ชัดเจนดีมาก…” ไป๋ชิงอวี๋กล่าวเสียงประชดประชัน “ต้องการเปิดศึกระหว่างสองแคว้น ทว่า กลับไม่ยอมละทิ้งความรู้สึกส่วนตัวระหว่างชายหญิง อ๋องเก้าไม่กลัวว่าไทเฮาจะรังเกียจความโลภมากของท่านหรือ”
“ข้ามีภาระหนักอึ้งอยู่บนบ่า ไม่กล้าทำให้ท่านพี่ผิดหวัง ในใจข้ามีอาเป่า ย่อมไม่อาจทิ้งความรู้สึกที่มีต่ออาเป่าได้” เซียวหรงเหยี่ยนก้มศีรษะให้ไป๋ชิงอวี๋เล็กน้อย “หวังว่าคุณชายห้าจะไม่ถือสา”
ไป๋ชิงเหยียนกะพริบตาอย่างแรง ภาพตรงหน้าพร่ามัว ลมหายใจติดขัดขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อไหลผ่านลำคอลงไปในเสื้อ หญิงสาวแสร้งทำเป็นไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นต่อไปไม่ไหวแล้ว
ไป๋ชิงอวี๋หันกลับไปมองเซียวหรงเหยี่ยน แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร
ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ตั้งแต่ที่อ๋องหน้ากากผีเดินเข้ามาในตำหนัก เซียวหรงเหยี่ยนจับตาดูชายหนุ่มอยู่ตลอดเวลา ท่าทีที่เขาแสดงต่อไป๋ชิงเหยียนไม่เหมือนท่าทีที่ผู้ใหญ่แสดงกับผู้ด้อยอาวุโสกว่า มิเช่นนั้นต่อให้ไป๋ชิงเหยียนจะนั่งอยู่บนบัลลังก์จักรพรรดิ หญิงสาวก็ไม่มีทางรับการคารวะจากอ๋องหน้ากากผีแน่นอน
เซียวหรงเหยี่ยนจงใจเอ่ยถึงไทเฮา หากเป็นทายาทคนอื่นของตระกูลไป๋ เมื่อเอ่ยถึงไทเฮาต้องมีความเคารพมากกว่าความสนิทสนม ทว่า อ๋องหน้ากากผีแห่งหรงตี๋ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เมื่อพิจารณาจากท่าทีของอ๋องหน้ากากผีอีกครั้ง จากนั้นนึกย้อนไปถึงตอนที่เขาพบอ๋องหน้ากากผีครั้งแรกที่เซียงเหลียง เซียวหรงเหยี่ยนเริ่มมั่นใจว่าอ๋องหน้ากากผีผู้นี้คือน้องชายแท้ๆ ของไป๋ชิงเหยียน บุตรชายแท้ๆ ของไทเฮา ทายาทสายหลักของตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวง…ไป๋ชิงอวี๋
ไป๋ชิงอวี๋เกิดไอสังหารขึ้นในใจ “เซียวเซียนเซิงฉลาดเช่นนี้ เกรงว่าคงไม่อยากเดินออกไปจากตำหนักนี้แล้วกระมัง”
สิ้นเสียงของไป๋ชิงอวี๋ ถ้วยกระเบื้องบนโต๊ะของไป๋ชิงเหยียนหล่นลงบนพื้น น้ำชากระจายทั่วบริเวณ
เซียวหรงเหยี่ยนหันกลับไปมอง ชายหนุ่มเห็นไป๋ชิงเหยียนที่เมื่อครู่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทีปกติ บัดนี้กุมหน้าอกลุกขึ้นยืนตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ ร่างของหญิงสาวโซเซราวกับคนไร้วิญญาณ จากนั้นเซล้มลงบนพื้นที่มีเศษกระเบื้องหล่นแตกอยู่
“อาเป่า!” เซียวหรงเหยี่ยนเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่าเสียงตะโกน เขากระโจนเข้าไปรับตัวไป๋ชิงเหยียนไว้ได้ก่อนที่ร่างของนางจะล้มลงถูกเศษกระเบื้องบนพื้นอย่างหวุดหวิด เศษกระเบื้องที่แตกทิ่มลงบนฝ่ามือและศอกของเซียวหรงเหยี่ยนจนชายหนุ่มอุทานออกมาเล็กน้อยด้วยความเจ็บ
ไป๋ชิงอวี๋ผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ จากนั้นสาวเท้าเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียนอย่างรวดเร็ว “พี่หญิง!”
เซียวหรงเหยี่ยนขบกรามพลางยันเข่าข้างหนึ่งเพื่อทรงตัว เขากอดร่างที่ใบหน้าไร้สีเลือดของไป๋ชิงเหยียนไว้ในอ้อมกอดแน่น “อาเป่า! อาเป่า!”
ตอนนี้เขาถึงสังเกตเห็นว่าแผ่นหลังของไป๋ชิงเหยียนชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาขบกรามอุ้มไป๋ชิงเหยียนขึ้นพลางตวาดลั่น “รีบตามหมอหงมาเร็ว!”
“พี่หญิง!” ไป๋ชิงอวี๋อยากผลักร่างของเซียวหรงเหยี่ยนออก ทว่า บัดนี้พี่หญิงใหญ่สำคัญที่สุด ถึงแม้เขาจะไม่ชอบเซียวหรงเหยี่ยนมากเพียงใด ทว่า เขาไม่กล้าทำให้เสียเวลาตอนนี้
ชุนเถาที่ยืนอยู่นอกตำหนักได้ยินเสียงจึงรีบผลักประตูเข้าไปด้านในโดยไม่สนคำกำชับของถงหมัวมัว นางยังไม่ทันเห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้นก็เห็นเซียวหรงเหยี่ยนอุ้มร่างของไป๋ชิงเหยียนออกมาจากตำหนัก
************************