ตอนที่ 1029 ไม่กล้าถาม
หลูผิงยกมือคารวะไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาท กระหม่อมจะตามเขาไปเองพ่ะย่ะค่ะ หากโน้มน้าวพวกเขาได้ก็ดีไป หากซุนเหวินเหยาเกลี้ยกล่อมไม่ได้ กระหม่อมจะจัดการกับพวกเขาป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นภายหลังพ่ะย่ะค่ะ”
หลูผิงหมายความว่าจะให้พวกเขามีเวลาพบหน้ากัน ทว่า จะไม่ปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้ จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างคนใจอ่อนไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นวันหน้าอาจเกิดปัญหาตามมา
องครักษ์ลับเหล่านั้นไม่ได้ถูกอบรมให้รักและสามัคคีกัน หากซุนเหวินเหยาไปเกลี้ยกล่อม เขาอาจโดนพวกนั้นสังหารทิ้งได้
ทว่า การที่ซุนเหวินเหยาขอร้องให้ไว้ชีวิตสหายที่แทบไม่เคยได้สนทนากันเลยทำให้หลูผิงชื่นชมในตัวเขามาก
เว่ยจงเห็นซุนเหวินเหยาก้มหน้าใช้ความคิดจึงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “ฝ่าบาท บ่าวมีเรื่องอยากถามซุนเหวินเหยาผู้นี้ ไม่ทราบว่าจะทรงอนุญาตหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ถามเถิด…”
เว่ยจงทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน จากนั้นหันไปถามซุนเหวินเหยา “ตอนที่เจ้าเป็นองครักษ์ลับของราชวงศ์ อาวุธสามอย่างที่เจ้าเลือกคือสิ่งใดบ้าง”
“ดาบ กริชเสวียนอวี้และ…ใยผ้าขอรับ” ซุนเหวินเหยาก้มหน้าตอบ
เว่ยจงมองไปทางหลูผิง หลูผิงเดินเข้าไปด้านหน้า เขาพบใยผ้าที่ซุนเหวินเหยาซ่อนไว้บริเวณเอวจริงๆ หลูผิงส่งต่อให้ไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนเตรียมเอื้อมมือไปรับ ทว่า เว่ยจงรีบห้ามไว้เสียก่อน
เว่ยจงวางใยผ้าลงบนผ้าเช็ดหน้า จากนั้นยื่นให้ไป๋ชิงเหยียนพิจารณา “ฝ่าบาท สิ่งนี้ร้ายแรงมากพ่ะย่ะค่ะ เส้นเล็กแหลมคม ปกติมักเคลือบด้วยยาพิษพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนกำลังตั้งครรภ์ เว่ยจงค่อนข้างเข้มงวดกับสิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนสัมผัส
แม้กริชเสวียนอวี้จะเป็นอาวุธลับ ทว่า สามารถตรวจค้นเจอได้ ไม่เหมือนใยผ้าที่ซุกซ่อนไว้ตามเสื้อผ้าได้อย่างง่ายดาย
ไป๋ชิงเหยียนพิจารณาใยผ้าในมือของเว่ยจง มีสีเขียวเคลือบติดอยู่จริงๆ
“แสดงว่าเจ้าเข้ามาตีสนิทกับเสี่ยวซื่อเพราะต้องการสังหารข้าอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนถามต่อโดยไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย
ซุนเหวินเหยาเม้มปากแน่น ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ
หลูผิงกำหมัดแน่น “ใช่หรือไม่ล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป มีข้าและเว่ยกงกงอยู่ เขาไม่มีทางแตะต้องคุณหนูใหญ่ได้แม้แต่ปลายเล็บขอรับ!”
หลูผิงไม่ชอบหน้าซุนเหวินเหยาขึ้นมาทันที เดิมทีเขาชื่นชมซุนเหวินเหยาเพราะคำกล่าวของหลิ่วผิงเกา ทว่า หลอกใช้ความรู้สึกของคุณหนูสี่ของพวกเขา! เขาทนไม่ได้จริงๆ !
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เช่นนั้นรบกวนลุงผิงพาซุนเหวินเหยาไปพบพวกที่เหลือที”
เมื่อหลูผิงพาซุนเหวินเหยาเดินจากไป เว่ยจงจึงเก็บใยผ้าลง จากนั้นเอ่ยถามไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาทจะทรงจัดการกับคุณหนูสองตระกูลฉินผู้นั้นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
“ปล่อยไว้ก่อนเถิด ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นคนตระกูลฉิน หากซุนเหวินเหยาจัดการกับพวกที่เหลือได้เรียบร้อย หากนางยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ไม่ก่อปัญหาใดอีกก็ปล่อยนางไป ทว่า หากนางคิดก่อเรื่องอีก ข้าถือว่าข้าไว้หน้าฉินหล่างมากแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางคลี่ม้วนไม้ไผ่ออกอ่าน ไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก
เว่ยจงทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน จากนั้นเดินออกไปจากตำหนัก เขากำลังจะสั่งให้คนนำใยผ้าไปกำจัดทิ้งก็เห็นขันทีเล็กที่มีหน้าที่ดูแลเฉวียนอวี๋วิ่งมาทางตำหนักใหญ่อย่างเหนื่อยหอบ
เว่ยจงรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อใยผ้าเก็บไว้ในแขนเสื้อ จากนั้นเดินเข้าไปหาขันทีเล็กผู้นั้นสองสามเก้า เว่ยจงรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนให้ความสำคัญกับขันทีนามว่าเฉวียนอวี๋มาก
“เว่ยกงกง!” ขันทีเล็กวิ่งเข้าไปหา จากนั้นทำความเคารพเว่ยจง
“ไม่ต้องมากพิธี เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเฉวียนอวี๋อย่างนั้นหรือ” เว่ยจงถาม
ใบหน้าของขันทีเล็กผู้นั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาเงยหน้ามองเว่ยจงพลางใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่ใบหน้าของตัวเอง “เฉวียนอวี๋กงกงมิได้เป็นอันใดขอรับ ช่วงนี้เขาทานอาหารได้มากราวกับคิดได้แล้ว เขาให้บ่าวมาเรียนเว่ยกงกงว่าเขาอยากเข้าเฝ้าฝ่าบาทสักครั้งเพื่อขอบพระทัยในความเมตตาของฝ่าบาทขอรับ”
เว่ยจงนึกไม่ถึง ตั้งแต่ที่เฉวียนอวี๋สูญเสียขาไป เขาใช้ชีวิตอย่างหมดอาลัยตายอยากมาโดยตลอด
แม้ไป๋ชิงเหยียนกำลังวุ่นวายกับพิธีราชาภิเษก หญิงสาวยังเคยหาเวลาว่างไปเยี่ยมเฉวียนอวี๋ถึงสองครั้ง ทว่า หญิงสาวทำเพียงยืนดูผ่านทางหน้าต่างเท่านั้น ไม่ได้ไปพบหน้าเขา
ตอนแรกเว่ยจงคิดว่าเฉวียนอวี๋โกรธที่ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้คนตัดขาของเขาทิ้ง ต่อมาเฉวียนอวี๋ทิ้งจดหมายลาตายไว้ให้ไป๋ชิงเหยียนหลังจากพยายามฆ่าตัวตายถึงสองครั้ง ในจดหมายล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งที่เขามีต่อไป๋ชิงเหยียน ทว่า เขาไม่อยากใช้ชีวิตเป็นคนพิการเช่นนี้ต่อไป
บัดนี้เฉวียนอวี๋มาขอพบไป๋ชิงเหยียนแสดงว่าเขาคิดได้แล้วจริงๆ
“ได้ ข้าจะไปทูลฝ่าบาทให้” เว่ยจงรับคำ
เมื่อไป๋ชิงเหยียนได้ยินว่าเฉวียนอวี๋ขอเข้าพบนาง หญิงสาวจึงรู้สึกโล่งใจมาก “เจ้าช่วยไปพาเฉวียนอวี๋มาพบข้าด้วยตัวเองที”
“พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงรับคำ
เฉวียนอวี๋ปรากฏตัวตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน ร่างของเขาผอมซูบจนแทบเหลือเพียงกระดูก ใบหน้าที่เคยมีเนื้อหนัง บัดนี้ซูบตอบลงอย่างน่าใจหาย
หลายวันมานี้เฉวียนอวี๋อยากมาพบหน้าไป๋ชิงเหยียน เขาจึงพยายามทานอาหารให้มาก พยายามฝึกเดินด้วยไม้เท้าเพื่อให้ไป๋ชิงเหยียนเห็นด้านที่ดีที่สุดของตัวเองในตอนนี้ จะได้ไม่เสียแรงที่หญิงสาวช่วยชีวิตเขาเอาไว้
เปลวไฟในตำหนักสะบัดไปมาโนเวลพีดีเอฟ
เฉวียนอวี๋ฝืนคุกเข่าอยู่กลางตำหนัก วางเครื่องแต่งกายสำหรับขันทีใหญ่ที่เว่ยจงนำไปมอบให้เขาไว้ด้านหน้า จากนั้นก้มศีรษะคำนับแนบพื้นสามครั้งเพื่อแสดงความขอบคุณที่ไป๋ชิงเหยียนช่วยชีวิตเขา
“พอแล้ว…” ขอบตาของไป๋ชิงเหยียนแดงก่ำ นางหันไปสื่อให้เว่ยจงประคองเฉวียนอวี๋ให้ลุกขึ้น
เฉวียนอวี๋รีบโบกมือให้เว่ยจง “กระหม่อมยังมีเรื่องอยากทูลให้ฝ่าบาททราบพ่ะย่ะค่ะ”
“ลุกขึ้นก่อนค่อยว่ากัน” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
“ให้กระหม่อมคุกเข่าเช่นนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ…” เฉวียนอวี๋ยิ้มออกมาน้อยๆ “คุณหนูใหญ่…ความจริงเฉวียนอวี๋อยากอยู่ปรนนิบัติรับใช้คุณหนูใหญ่มาก ทว่า บัดนี้เฉวียนอวี๋สูญเสียขาไปข้างหนึ่ง เฉวียนอวี๋ไม่สามารถปรนนิบัติรับใช้คุณหนูใหญ่ได้ ดังนั้นเฉวียนอวี๋ไม่กล้ารับตำแหน่งขันทีใหญ่ไว้ขอรับ!”
เขาเรียกไป๋ชิงเหยียนว่าคุณหนูใหญ่เพราะเขาคุ้นเคยกับสรรพนามนี้มากกว่า
เฉวียนอวี๋กล่าวน้ำตาคลอเสียงสะอื้น “บัดนี้คุณหนูใหญ่เป็นถึงจักรพรรดินีผู้สูงส่ง คุณหนูใหญ่ควรมีขันทีใหญ่อย่างเว่ยกงกงคอยรับใช้ข้างกาย มันจะส่งผลดีต่อคุณหนูใหญ่มากกว่าขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนมองเฉวียนอวี๋นิ่ง ไม่ได้เอ่ยขัดสิ่งใด น้ำตาของเฉวียนอวี๋ไหลพราก เขาก้มศีรษะคำนับแนบพื้นอีกครั้ง “เฉวียนอวี๋อยากขอความเมตตาจากคุณหนูใหญ่ให้เฉวียนอวี๋ได้กลับไปอยู่บ้านเกิดของตัวเอง ซื้อเรือนเล็กๆ สักหลังไว้ปลูกต้นไม้ดอกไม้เพื่อขอพรให้คุณหนูใหญ่และต้าโจวด้วยชีวิตที่เหลืออยู่ของเฉวียนอวี๋ขอรับ คุณหนูใหญ่ได้โปรดอนุญาตด้วยขอรับ”
ครู่ใหญ่ไป๋ชิงเหยียนจึงพยักหน้า “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจเช่นนี้ข้าก็จะให้คนจัดการให้”
“ขอบพระคุณคุณหนูใหญ่มากขอรับ!” เฉวียนอวี๋ก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง “คุณหนูใหญ่รักษาตัวด้วยนะขอรับ ชาตินี้เฉวียนอวี๋จะไม่มีวันลืมบุญคุณของคุณหนูใหญ่ขอรับ!”
เฉวียนอวี๋ไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่เขาไม่สามารถอยู่รับใช้ข้างกายไป๋ชิงเหยียนได้
ตามหลักแล้ว เมื่อไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีของแคว้นใหม่ อดีตองค์รัชทายาทของราชวงศ์เก่าไม่มีทางรอดชีวิตดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
อดีตองค์รัชทายาทมีบุญคุณต่อเขา ไป๋ชิงเหยียนมีบุญคุณต่อเขาเช่นเดียวกัน ดังนั้นเฉวียนอวี๋จึงไม่กล้าถามออกไป
ไป๋ชิงเหยียนไม่บอกเรื่องอดีตองค์รัชทายาทกับเฉวียนอวี๋เพราะกลัวว่าร่างกายของเฉวียนอวี๋ในตอนนี้จะได้รับการดูแลที่ไม่ทั่วถึงหากเขาจะตามไปรับใช้อดีตองค์รัชทายาท เฉวียนอวี๋เคยมีเมตตาต่อตระกูลไป๋ ไป๋ชิงเหยียนซาบซึ้งในน้ำใจของเฉวียนอวี๋มาก
“เฉวียนอวี๋ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” เฉวียนอวี๋ทำความเคารพ จากนั้นใช้มือจับไม้เท้าลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก
เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่บัดนี้คือจักรพรรดินีของต้าโจวนิ่งอีกครั้ง จับไม้เท้าพยุงกาย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม