“ข้าอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เมื่อพันปีก่อนแล้ว” สายตาของฉู่เจียงนิ่งงัน สายลมพัดผ่านเส้นผมของเขาจนแม้แต่ผ้าคาดผมสีแดงก็ยังปลิวขึ้นมาเช่นกัน
“สิบยมราชคงอยู่ในทุกโลกมิติ ที่ใดมีจิตวิญญาณที่นั่นก็มียมราช”
ใช่แล้ว ยมราชทั้งสิบต่างก็มิได้คงอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันหรือกระทั่งมิติเดียวกัน
ตัวอย่างเช่นเสินฟางผู้นั้น เป็นผู้ที่อยู่ในโลกปัจจุบัน ฉู่เจียงผู้นี้ บางทีแต่เดิมเขาอาจจะเป็นของโลกใบนี้ก็เป็นได้
“ออกไปไม่ได้หรือ?” ตู๋กูซิงหลันพิงร่างอยู่กับต้นขาของฮ่องเต้ ปลายคางแทบจะจมลงไปในเนื้อของจีเฉวียน
เมื่อนางเอื้อนเอ่ยออกมา ปลางคางก็ขยับอยู่บนขาของจีเฉวียนจนคันยุบยิบ
พระหัตถ์ใหญ่โตของเขาเกร็งขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะจับเอวของนางให้แน่นขึ้นอีกหลายส่วน
สตรีผู้นี้เกรงว่าคงจะไม่ได้รู้ตัว ท่าทางและกริยาที่นางทำเช่นนี้เป็นการปลุกเร้าคนถึงเพียงไหน
ฉู่เจียงชะงักไปเล็กน้อย แต่ละประโยคของตู๋กูซิงหลันล้วนแทงเข้าไปในใจของเขา
เขาได้แต่หัวเราะออกมา แววตามีแต่ความเหงาอย่างไม่อาจจะทำเช่นไรได้ “ก็เป็นอย่างที่เจ้าเห็น เมืองกู่เย่วนี้ก็คือกรงขังขนาดใหญ่ ชั่วชีวิตนี้ข้าไม่อาจก้าวออกไปได้แม้แต่ครึ่งก้าว”
นอกเสียจากว่า ……
คนผู้นั้นจะกลับมา
แต่นี่จะเป็นไปได้อย่างไร …..จิตวิญญาณของเขาแตกดับไปแล้ว แม้แต่เศษเสี้ยวของดวงจิตสักเล็กน้อยก็ยังไม่หลงเหลือ สลายไปจนหมดตั้งนานแล้ว
“บนแผ่นดินนี้ยังจะมีผู้ใดที่มีพละกำลังมากมาย สามารถทำให้เจ้ากลายเป็นเช่นนั้นได้อีก?”
ตู๋กูซิงหลันออกจะประหลาดใจอยู่บ้าง ตอนที่ฉู่เจียงประมือกับจีเฉวียนก็มิได้ใช้พลังออกมาจนหมด
ยมราชเช่นนี้กลับถูกกักขังเอาไว้ในพื้นที่เพียงมณฑลหนึ่ง เช่นนั้นพลังของผู้ที่อยู่เบื้องหลังย่อมต้องยิ่งใหญ่และพิศดารเพียงไรย่อมเป็นที่คาดคิดได้
จีเฉวียนเองก็หรี่ตาลง พระองค์เองก็ทรงรู้สึกได้ว่า ฉู่เจียงเป็นผู้เข้มแข็งผู้หนึ่ง
ในดินแดนแห่งนี้ผู้ที่สามารถมีพลังเหนือกว่าฉู่เจียงเกรงว่าคงมีอยู่เพียงไม่กี่คน คนที่สามารถกักขังเขาเอาไว้ในที่นี่ ไม่อาจออกไปได้แม้เพียงครึ่งก้าว สำหรับพระองค์แล้ว ถือเป็นปัญหายุ่งยากประการหนึ่ง
“แม่นางน้อย ถึงแม้ว่าเจ้าจะพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันอย่างกว้างขวางมากเกินไป” มุมปากของฉู่เจียงขยับยิ้มเย็นชา “ในโลกใบนี้ยังมีเรื่องที่ทั้งยุ่งเหยิงและโหดเ**้ยมที่เจ้าคาดไม่ถึง กลับไปฝึกฝนวิชาเซียนของเจ้าให้ดี อย่าได้สอดมือให้มาก”
ฉู่เจียงทั้งตักเตือนและโน้มน้าว
“เรื่องที่นางอยากรู้ย่อมต้องทำให้กระจ่างแจ้ง” จีเฉวียนที่กลายโรคบ้าปรนเปรอคนรักถึงกับไม่สนใจเวลาสถานการณ์ไม่มีขอบเขตใดๆ ไปแล้ว
“เมื่อมีเราอยู่ นั่นจึงเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้กับซิงซิง”
ฉู่เจียง “……” ในใจของเขาอยากจะถามพวกบรรพชนของพระองค์บ้างจริงๆ
นับตั้งแต่ได้กลับมาพบกับจีเฉวียน ตู๋กูซิงหลันก็เหมือนกับโดนหยอกเย้าอย่างบ้าคลั่งอยู่ตลอดเวลา
ถ้อยคำหวานหูของจีเฉวียนที่ส่งออกมาเป็นชุดๆ หากว่าเป็นสาวน้อยที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเกรงว่าก็คงจะทุ่มตัวลงไปตั้งแต่แรกแล้ว
“ฮ่องเต้ต้าโจว ข้าเกรงแต่ว่าพวกเจ้าจะมีชีวิตได้ฟังเรื่องราวเก่าแก่เหล่านั้น แต่ไม่อาจมีชีวิตรอดต่อไป” ฉู่เจียงเชิดจมูกขึ้น
มาทำเป็นพลอดรักกันต่อหน้าเขาหรือ?
ความรักของพวกเขาหากเปรียบเทียบกับที่ตนได้เคยเห็นมา นับว่าเป็นอะไรได้กัน?
ก็แค่ฮ่องเต้ที่กำลังเรืองอำนาจผู้หนึ่งจี๋จ๋ากับแม่นางน้อยผู้หนึ่งเท่านั้น เขายังไม่อยากจะใส่ใจหรอก
“เจ้าก็มาลองดูสิว่าเรากับซิงซิงจะทำได้หรือไม่” กระบี่ในพระหัตถ์ของจีเฉวียนขยับเพียงเบาๆ จิตกระบี่สายหนึ่งก็ทะยานออกไป
ฉู่เจียงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จิตกระบี่นั้นก็แฉลบผ่านหัวไหล่ของเขาออกไป ทำให้ผิวหนังถูกบาดไปแผลหนึ่ง
สีหน้าของฉู่เจียงเคร่งขรึม มิได้กล่าววาจาให้มากความอีก
ในชั่วขณะนั้นเอง ด้านล่างก็กำลังต่อยตีกันอย่างร้อนระอุ
เหลียงจวิ้นอ๋องกับหลงเซียวปะทะกันอีรุงตุงนังผมเผ้ายุ่งเหยิง บนร่างกายของทั้งสองต่างก็มีบาดแผล เหลียงจวิ้นอ๋องจะอย่างไรก็มีอายุมากแล้ว พละกำลังพื้นฐานไม่อาจสู้คนหนุ่มอายุน้อยได้ ตอนนี้จึงหอบหายใจอย่างหนัก
เขาไม่คิดจะพัวพันกับหลงเซียวอีกต่อไป จึงหันเหสายตาไปยังทิศทางที่จีเฉวียนอยู่
จับโจรพึงจับหัวหน้า [1] หากยังต่อสู้กับหลงเซียวต่อไป คนที่ต้องพ่ายแพ้ก็คือเขา
พอคิดได้เช่นนี้ เหลียงจวิ้นอ๋องก็กระชับหอกในฝ่ามือ สะกิดปลายเท้ากระโดดขึ้นไปบนหลังของเมียเมีย
ร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างว่องไว หอกในมือมิได้พุ่งเป้าไปที่จีเฉวียน หากแต่ว่าเล็งไปที่ตู๋กูซิงหลันตั้งแต่แรกแล้ว
เขาทุ่มเทพละกำลังแทบทั้งหมดออกไป ปลายหอกพุ่งเข้าใส่กระหม่อมของตู๋กูซิงหลัน
ฉู่เจียงที่ชั่วร้าย ไม่เพียงแต่ถอยออกมาเปิดตำแหน่งให้กับเหลียงจวิ้นอ๋อง ฝ่ามือก็ยังรวมกำลังขุมหนึ่งผนึกเข้าสู่ร่างของเหลียงจวิ้นอ๋อง ส่งเขาขึ้นไปอีกแรง
พลังของฝ่ามือนี้เมื่อใช้ออกไป ก็ราวกับฉีกกระชากท้องฟ้ายามราตรี
พลังทำลายล้างยังไม่ทันไปถึงตู๋กูซิงหลัน เส้นผมทั้งหมดของนางก็ปลิวกระจายขึ้นมา
โฉมหน้าที่สคราญหมดจดล้ำเลิศในโลกหล้าถูกเปิดเผยขึ้นมาเบื้องหน้าเหลียงจวิ้นอ๋อง
ในพริบตานั้นเอง เหลียงจวิ้นอ๋องก็ชะงักงันไปทั้งร่าง จนเมื่อเขาได้สติกลับมา หอกในมือก็จ่อเข้าไปที่กระหม่อมของตู๋กูซิงหลันแล้ว
เหลียงจวิ้นอ๋องกระชากหอกอย่างรวดเร็ว คนกระชากตัวเหาะกลับหลังออกไป
แต่ว่าสายไปเสียแล้ว พลังแฝงที่รุนแรงเช่นนั้น แม้ปล่อยมือแล้วก็ยังเพียงพอจะทำลายคนให้แหลกเป็นผุยผง
ตู๋กูซิงหลัน “…..”
สถานการณ์ที่นางกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ ตนเองยังเอนนอนอยู่ในอ้อมแขน หอกกลับพุ่งลงมาจากฟากฟ้า
ซวยแล้ว!
นางก็คิดจะหลบ แต่ว่าหอกเล่มนั้นกลับมีพลังหยินที่สุดแข็งแกร่งแฝงมาอยู่ด้วย
ต่อให้หลบอย่างไรก็หลบไม่พ้น
พอลืมตามองขึ้นไป ก็เห็นมือขนาดใหญ่ข้างกายคว้ามันเอาไว้ หยุดหอกเล่มนั้นเอาไว้อย่างมั่งคงด้วยระยะห่างเพียงหนึ่งในพันเท่านั้น
นางยังสามารถได้ยินเสียงของหอกที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วที่บาดลึกลงไปในกล้ามเนื้อบนฝ่ามือนั้นได้อย่างชัดเจน
จากนั้นเลือดก็ไหลนองหยดติ๋งๆ ลงบนหัวคิ้วของนาง
เป็นจีเฉวียน
พระองค์คว้าหอกเล่มนั้นเอาไว้ด้วยท่วงท่าองอาจ เส้นเลือดที่หลังมือปูดโปน สายพระเนตรมีแต่ความเย็นชาถึงขีดสุด
ในขณะที่ตู๋กูซิงหลันยังไม่ทันได้มีปฏิกริยาใดๆ ออกไปนั้น หอกเล่มนั้นก็ถูกเขากระชับเอาไว้ ทันทีที่เขาใช้กำลังออกไป ก็พลิกหอกเล่มนั้นพุ่งย้อนกลับไป
ปลายหอกทะยานออกไป ทะลวงเข้าสู่ช่องท้องของเหลียงจวิ้นอ๋อง
ในขณะที่เขาถูกหอกเล่มนั้นแทงทะลวง คนก็ลอยถอยหลังไปทั้งร่าง หลังจากนั้นพลังแฝงที่รุนแรงและแข็งแกร่งอย่างยิ่งยังปักเขาจมลงไปในกำแพงหนาของจวนจวิ้นอ๋อง
“ตู้ม!” เสียงกระแทกดังสนั่น แม้แต่ตัวกำแพงยังทะลายลงมา
ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงไป
โดยเฉพาะพวกที่กำลังต่อสู้อยู่นั้น ต่างก็กวาดตามองไปเป็นทางเดียวกัน
จึงเห็นว่าเหลียงจวิ้นอ๋องแม้จะจมอยู่ใต้กำแพงทั้งร่าง แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ตู๋กูซิงหลัน
กระดูกทั่วทั้งร่างหักสะบั้นหมดแล้ว เขากระแอมไอออกมาติดๆ กัน อ้าปากกระอักเลือดออกมาคำโต
ในเลือดสดยังมีลิ่มเลือด เกรงว่าแม้แต่อวัยวะภายในก็คงแหลกเหลวหมดแล้ว!
แต่ถึงกระนั้น ดวงตาทั้งสองของเขาก็ยังไม่ได้คลาดไปจากร่างของตู๋กูซิงหลันเลยสักนิด
เขายื่นมือออกไปอย่างยากลำบาก ประคองลมหายใจเอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยแรงว่า “องค์หญิง…”
หากมิใช่เพราะว่าเมื่อครู่เขามัวแต่ตื่นตะลึงกับรูปโฉมของนาง….ก็คงไม่ถึงกับถูกจีเฉวียนแทงทะลุในหอกเดียว
กระดูกทั่วทั้งร่างหักหมดแล้ว แต่ว่าหัวใจดวงหนึ่งยังเต้นอยู่
สาวน้อยนางนั้น นางคือ?
เสียงที่เรียกหาองค์หญิง คนทั้งหมดในที่นี้ล้วนได้ยินแล้ว
ตู๋กูซิงหลันเองก็เช่นเดียวกัน นางมองไปยังเหลียงจวิ้นอ๋อง นางเห็นบนหอกในร่างของเขามีหมอกสีดำทมึนกลุ่มหนึ่ง
เมื่อครู่จีเฉวียนพิโรธแล้ว ดังนั้นจึงลงมือสังหาร
ขณะที่คนผู้นี้ทำการก่อกบฏอยู่นั้น เขายังไม่ได้คิดจะสังหารคน แต่เมื่อตัวนางตกอยู่ในอันตราย เขาก็ลงมือสังหารโดยไม่มีความลังเล
เพียงหอกเดียวก็เรียกชีวิตของเหลียงจวิ้นอ๋องได้
“องค์หญิง…. ท่านกลับมาแล้วใช่ไหม?” เหลียงจวิ้นอ๋องในตอนนี้แม้จะกระอักเลือดออกมามากมายก็ยังไม่ยอมละสายตาไปจากร่างของตู๋กูซิงหลันเลยสักนิดเดียว
——
[1] 擒贼先擒王 (qínzéiqínwáng)
射人先射马,擒贼先擒王 มาจากคำภีร์《前出塞》มาจากประโยคเต็มที่ว่า “ยิงคนยิงม้าก่อน จับโจรพึงจับหัวหน้า” เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สายโจมตีในสามสิบหกกลยุทธ์ มุ่งเน้นจับกุมหรือสังหารผู้นำของฝ่ายตรงข้าม เพื่อทำลายขวัญกำลังใจของกองทัพศัตรู
ไรท์: กำลังมันเลยง่ะ เรื่องหน้าไรท์ควรไปสายบู๊ไหม หรือตลกต่อไป?
ตอนต่อไป “วัวแก่กินหญ้าอ่อน?”