บทที่ 19 ความสุขของการเลี้ยงดูบุตรสาว (รีไรท์)
บทที่ 19 ความสุขของการเลี้ยงดูบุตรสาว (รีไรท์)
“หิวหรือไม่?”
หนานกงสือเยวียนถามนาง
เสี่ยวเป่านอนอยู่ข้าง ๆ โดยเอาคางแหลมกดไว้บนตัก ใบหน้าขาวราวหิมะที่ประดับไปด้วยคิ้วสวย และดวงตาอ่อนโยนกำลังมองบิดาอยู่ไม่ห่าง
“นิดหน่อยเพคะ~”
ขณะที่พูด นางก็แสดงท่าทางไปด้วย นิ้วเล็กป้อมทั้งสองห่างกันเล็กน้อยจริง ๆ
ดวงตาใสกระจ่างคู่นั้นมองมาที่เขาอย่างเขินอาย
“ฝูไห่กงกง”
“บ่าวอยู่นี่แล้ว”
หนานกงสือเยวียน “นำอาหารเข้ามา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
อาหารถูกเตรียมไว้แล้ว เพียงฝูไห่กงกงออกคำสั่ง ข้าหลวงในวังก็เข้ามาจัดวางอาหารทั้งหมดไว้บนโต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวเป่าแทบรอไม่ไหวที่จะลากท่านพ่อไปยังโต๊ะอาหารแล้วนั่งลง นางกระโดดขึ้นไปนั่งข้างท่านพ่ออย่างเชื่อฟัง
“ท่านอาเจ็ด มากินข้าวกัน~”
เด็กน้อยทักทายหนานกงหลีอย่างอบอุ่นเพราะอีกฝ่ายนำของเล่นมากมายมาให้ตนเอง
หนานกงหลีนั่งลงบนเก้าอี้อีกด้านหนึ่งโดยไม่เกรงใจ
เสี่ยวเป่าจริงจังกับการกินมาก เด็กหญิงนั่งตัวตรงบนเก้าอี้ ถือชามใบเล็กไว้ข้างหน้า ถือช้อนแบบบางในมือ ตักอาหารเองโดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากคนอื่น
หนานกงหลีจำได้ว่าบุตรชายของตนเองตอนอายุสามขวบ ยังคงต้องให้พี่เลี้ยงป้อนอาหารไปจนถึงอายุสี่หรือห้าขวบ
บางครั้งก็ไม่ยอมทานอาหารอีกด้วย
เมื่อดูวิธีที่เสี่ยวเป่าทานอย่างจริงจัง ข้าวธรรมดาก็กลายเป็นอาหารที่อร่อยมากที่สุดในโลก แก้มนุ่มนิ่มดูน่ารักมาก
แน่นอนว่าการมีบุตรสาวก็ไม่ต่างจากมีตุ๊กตาตัวเล็กที่น่าทะนุถนอมที่สุด ทั้งยังนุ่มนิ่มอีกด้วย
เพียงแต่ว่าตุ๊กตาตัวเล็กนี้ไม่ใช่ของเขา
“เสี่ยวเป่าอยากกินปลาหรือไม่”
“เสี่ยวเป่า เนื้อเป็ดชนิดนี้อร่อยมาก ลองชิมดูสิ”
แค่ได้ดูเด็กน้อยกิน หนานกงหลีก็มีความสุขแล้ว เขาเติมอาหารลงในชามของอีกฝ่ายเรื่อย ๆ
คนตัวเล็กกินอย่างเอร็ดอร่อย และยิ้มให้เขาเป็นระยะ ๆ
หนานกงหลีรับรู้ถึงความสุขในการเลี้ยงดูบุตรสาวทันที!
หนานกงสือเยวียน “…”
“ท่านพ่อก็กินด้วยน้า~”
เสี่ยวเป่าตักลูกชิ้นปลาใส่ชามท่านพ่อ “ลูกชิ้นอร่อยม้าก”
หนานกงหลี “แล้วของข้าอยู่ที่ไหน เสี่ยวเป่า เจ้าจะตักให้ท่านพ่อคนเดียวได้อย่างไร”
เสี่ยวเป่าเพิ่มไก่อีกชิ้นให้กับหนานกงหลี
“ท่านอากินนี่ซี่”
เสี่ยวเป่ามีปากเล็กเลยทานอย่างช้า ๆ แต่จริงจัง หลังจากหนานกงสือเยวียนและหนานกงหลีทานเสร็จ พวกเขาก็นั่งดูเด็กเล็กกินต่อไป
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก แต่ไม่รู้ว่าทำไมยิ่งดูกลับยิ่งเสพติดมากขึ้นเรื่อย ๆ
เสี่ยวเป่ารับประทานข้าวหมดชาม ยกมือลูบท้องกลมพร้อมเรอออกมา
“ท่านพ่อ เสี่ยวเปาอิ่มแล้ว”
นางสมควรอิ่มตั้งนานแล้ว
หนานกงสือเยวียนรับคำในลำคอ ยื่นมือไปกดท้องกลมของคนตัวเล็ก ก่อนคิ้วจะขมวดเล็กน้อย
“ไปขอให้หมอจางนำยาสำหรับย่อยอาหารมาให้ที” องค์หญิงน้อยรับประทานมากเกินไปโดยไม่สนใจเลยว่าจะเกิดอะไรตามมา
“เกิดอะไรขึ้น เสี่ยวเป่าไม่สบายหรือเจ้าคะ?”
เมื่อท่านพ่อจ้องมาทางนี้ เสี่ยวเป่าพลันรู้สึกผิดเล็กน้อย
“เจ้าคงต้องทนอึดอัดสักหน่อย”
หนานกงสือเยวียนออกคำสั่งว่า “ลุกขึ้น ออกไปเดินเล่น”
หนานกงหลีตระหนักว่าตนเองมีลูกชายมากมาย ย่อมรู้ว่าเด็กที่กระเพาะอ่อนแอจะย่อยอาหารยากและมีแนวโน้มที่จะสะสมกากอาหารไว้มากเกินไป
เสี่ยวเป่าเดินตามท่านพ่อออกไปเดินย่อยอาหารอย่างเชื่อฟัง
หมอจางนำยามา เป็นเม็ดยาลูกกลอน มีกลิ่นแรงและรสชาติขมมาก
แค่เม็ดยามาอยู่ในมือของคนตัวเล็ก ใบหน้านางก็เริ่มห่อเหี่ยวและขมขื่นเหมือนรสชาติของเม็ดยาไม่มีผิด
หนานกงสือเยวียน “ยาดีย่อมมีรสขม”
หนานกงหลี “ทำไมคราวหน้าไม่กินให้น้อยลงสักหน่อยล่ะ”
เสี่ยวเป่า “…ถ้าอย่างนั้น ข้าขอกินยาดีกว่า”
นางไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เวลารับทานอาหาร เพราะอาหารเหล่านั้นอร่อยทั้งหมด
ท้ายที่สุดเสี่ยวเป่าก็ต้องทานยาอยู่ดี
เด็กหญิงถึงกับน้ำตาไหลเมื่อกลืนยาลงคอ
ฝูไห่กงกงรีบเข้าไปหาพร้อมกับผลไม้ที่เก็บรักษาไว้ “องค์หญิงน้อยจะไม่รู้สึกขมหากเสวยผลไม้เหล่านี้นะพ่ะย่ะค่ะ”
เสี่ยวเป่าคว้าผลไม้หวานมาแล้วยัดเข้าปาก แก้มนุ่มยกขึ้น กลมเป็นก้อนใหญ่
“ขอบคุณฝูไห่กงกง”
ฝูไห่กงกงรีบโบกมือ “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นคำสั่งของฝ่าบาท”
เสี่ยวเป่ามองท่านพ่ออย่างสดใสทันที เด็กหญิงดึงมือใหญ่ของเขามา ก่อนจะแนบหน้าเล็ก ๆ ลงบนนั้น
“ท่านพ่อเก่งที่สุดในโลก~”
น่ารักอะไรขนาดนี้
หนานกงหลีเองก็อยากให้เสี่ยวเป่าทำกับเขาเช่นนี้บ้าง!
มุมปากของหนานกงสือเยวียนยกขึ้นเล็กน้อย
เขายุ่งอยู่กับงานจนทานอาหารไม่อิ่ม หลังจากย่อยอาหารแล้ว เขาต้องกลับไปจัดการกับงานราชการอันมากมายต่อ
เสี่ยวเป่าอยากอยู่กับท่านพ่อจึงรีบตามไป
หนานกงสือเยวียนไม่สามารถดูแลนางเมื่อยุ่งกับงานราชการ และเสี่ยวเป่าก็ไม่ได้รบกวน นางเล่นกับหนานกงหลีเงียบ ๆ สักพักด้วยของเล่นที่เขานำมาให้
ช่างฝีมือในสมัยโบราณมีมากมาย ไม่ต้องพูดถึง ของเล่นที่ทำขึ้นสำหรับเด็กในวัง แต่ละอย่างย่อมมีความประณีตสวยงาม
ของเล่นที่หนานกงหลีรวบรวมจากลูกชายล้วนเป็นของโปรดของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาสัตว์ไขลานหรือของเล่นที่ถูกสร้างอย่างประณีตและสวยงาม
เมื่อของเล่นเหล่านี้หายไป เสียงร่ำไห้ของเหล่าบุตรชายก็คงดังไปทั่วตำหนักอ๋องแล้ว
เสี่ยวเป่าเล่นอย่างสนุกสนาน แต่นางคิดถึงท่านพ่อเสมอ เมื่อเห็นท่านพ่อมีท่าทางเหนื่อยมาก นางจึงห้ามตัวเองไม่ให้เล่นสนุก
“เสี่ยวเป่าไม่สนุกหรือ? ครั้งนี้อามาที่นี่ค่อนข้างรีบร้อน เตรียมของเล่นมาไม่มากนัก คราวหน้า อาจะเอาของเล่นมาให้เจ้ามากกว่านี้!”
เสี่ยวเป่าส่ายหัว พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “สนุกมากเพคะ พรุ่งนี้เสี่ยวเป่าจะเล่นอีกครั้ง แล้วก็จะมากับท่านพ่อด้วย”
หลังจากที่นางพูดจบ เด็กหญิงก็เก็บของเล่นทั้งหมดอย่างระมัดระวัง
“พรุ่งนี้เสี่ยวเป่าจะได้เล่นกับท่านอาอีกหรือไม่”
เสียงเล็ก ๆ ของเด็กหญิงดูจะโน้มน้าวหนานกงหลีได้อย่างอยู่หมัด
หนานกงหลีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะหลานสาวตัวน้อย นางน่ารักปานนี้ แล้วเขาจะไม่เชื่อฟังได้อย่างไร!
เดี๋ยวต้องตามมาที่นี่กับหนานกงสือเยวียนอยู่แล้ว เด็กหญิงคนนี้ช่างชาญฉลาดเหลือเกิน!
เสี่ยวเป่าขยับเข้าไปใกล้ท่านพ่อ แต่แทนที่จะรบกวนผู้ใหญ่ที่กำลังจัดการเรื่องราชการ เสี่ยวเป่าพบหนังสือเล่มหนึ่ง จึงนั่งลงอย่างเชื่อฟังไม่ไกลกัน
หนานกงหลีเอนตัวไปด้วยความประหลาดใจ “เสี่ยวเป่า เจ้ารู้หนังสือหรือ”
เสี่ยวเป่าอายุเพียงสามขวบ นางคงเป็นอัจฉริยะตัวน้อยหากสามารถอ่านหนังสือได้!
แม้แต่หนานกงสือเยวียนที่กำลังอ่านเอกสารงานราชการก็เงยหน้ามามองด้วยความสนใจ
แต่เสี่ยวเป่าส่ายหัว พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา “ไม่รู้เลยเพคะ”
ทั้งสองคน “…”
เจ้าไม่รู้หนังสือ แต่ทำเป็นนั่งพลิกหน้ากระดาษอย่างจริงจังเนี่ยน่ะหรือ?
เสี่ยวเป่าเป็นคนจริงจังและจริงใจจริงเชียว
“เสี่ยวเป่าไม่รู้จักหนังสือ แต่ถ้าเสี่ยวเป่าได้รู้จักพวกเขา เสี่ยวเป่าก็สามารถเป็นเพื่อนกับหนังสือได้”
หนานกงหลีเห็นเด็กน้อยมีสีหน้าจริงจังมากจนเกือบจะหลงเชื่อ
“เสี่ยวเป่า เจ้าอยากเรียนรู้วิธีการอ่านหนังสือหรือไม่”
ดวงตาของเสี่ยวเป่าเป็นประกาย “ท่านอาเจ็ดสอนเสี่ยวเป่าได้หรือ”
หนานกงหลีตบหน้าอกด้วยใบหน้าที่มั่นใจ
“แน่นอน แม้ว่าอาจะเคยเป็นพวกเรียนไม่เก่ง แต่อาก็ยังรู้จักตัวอักษรอยู่บ้าง อาจะสอนเจ้าเอง…”
หลังจากนั้นไม่นาน…
“เอ่อ… เสด็จพี่ ตัวอักษรตัวนี้มันอ่านว่าอะไรนะขอรับ?”
หนานกงสือเยวียน “…”
ฝูไห่กงกง “…”
ท่านอ๋อง ท่านแน่ใจหรือว่าทำได้จริง ๆ?!