บทที่ 21 ฝ่าบาท นี่พระองค์กำลังอวดธิดาของตนเองอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ? (รีไรท์)
บทที่ 21 ฝ่าบาท นี่พระองค์กำลังอวดธิดาของตนเองอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ? (รีไรท์)
เสี่ยวเป่าขอให้ท่านพ่อสอนนางเขียน นางจะได้เขียนชื่อของท่านพ่อได้
องค์หญิงน้อยใช้พู่กันเขียนอย่างจริงจัง ทว่าตัวอักษรที่เขียนออกมานั้นคดเคี้ยว อ่านไม่ออกแต่อย่างใด
เมื่อมองดูคำที่ท่านพ่อเขียนให้ดูเป็นตัวอย่างอีกครั้ง เสี่ยวเป่าก็นำสิ่งที่ตนเองเขียนไปซ่อนอย่างรู้สึกผิด
“ท่านพ่อไม่ต้องดูแล้ว เสี่ยวเป่าจะเขียนต่อพรุ่งนี้เจ้าค่ะ”
‘ไว้เขียนได้ดี ข้าจะเอาให้ท่านพ่อดูนะ’
คนตัวเล็กมีแผนการอยู่ในใจ แต่นางไม่รู้เลยว่าตนเองแสดงความคิดออกมาทางสีหน้าหมดแล้ว
หนานกงสือเยวียนก็ไม่ได้เปิดเผยเช่นกัน เขาแค่อุ้มองค์หญิงน้อยขึ้นมา
“ไปล้างหน้านอนได้แล้ว”
เสี่ยวเป่าโอบคอท่านพ่ออย่างเหนียวแน่น ตามติดท่านพ่อไม่ยอมห่าง
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ วันนี้เสี่ยวเป่าอยากนอนกับท่านพ่อด้วย~”
หนานกงสือเยวียน “ไม่ได้”
เสี่ยวเป่าก้มหน้างุดอย่างน่าสงสาร
“ท่านพ่อ เสี่ยวเป่าจะเป็นเด็กดี เสี่ยวเป่าจะไม่นอนดิ้น มิได้หรือเพคะ”
หนานกงสือเยวียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เด็กดี? แล้วผู้ใดกันที่กลิ้งไปทั่วเตียงตอนหลับ?”
เวลาพูดถึงเรื่องนี้ เสี่ยวเป่ามักจะรู้สึกผิดเสมอ จริง ๆ แล้วนางเคยมีปัญหานี้เวลานอนกับท่านแม่ ถึงนางจะตัวเล็กไม่กินพื้นที่ แต่กลับชอบกลิ้งไปมาเวลาหลับ เด็กหญิงสามารถกลิ้งจากเตียงหนึ่งไปอีกเตียงได้ด้วยซ้ำ
เสี่ยวเป่า “ท่านพ่อ~”
หนานกงสือเยวียนพาลูกสาวไปล้างเท้า
“เจ้าต้องทำตัวให้เรียบร้อยกว่านี้”
เสี่ยวเป่ากอดแขน พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“งั้นเสี่ยวเป่าจะทำตัวให้เรียบร้อย เสี่ยวเป่าก็จะนอนข้างท่านพ่อได้แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”
คนตัวเล็กยังคงไม่ยอมแพ้
หนานกงสือเยวียนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับเขาได้แสดงความเมตตาออกมาในที่สุด
“ต้องดูความประพฤติของเจ้าก่อน”
ดวงตาของเด็กเล็กเป็นประกาย จากนั้นนางก็ล้างเท้าต่อไปด้วยความกระตือรือร้น
“ท่านพ่อ ล้างด้วยกันนะ”
ฝูไห่กงกงกำลังจะห้าม เพราะเขาคิดว่าฝ่าบาทคงไม่ต้องการปฏิเสธด้วยตนเอง
ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏ เขาก็รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอีกครั้ง หนานกงสือเยวียนชะงัก ก่อนจะเดินไปหาเด็กหญิงที่กำลังทำหน้าคาดหวัง
“เสี่ยวเป่าจะล้างเอง”
เสี่ยวเป่าเอื้อมมือไปล้างเท้าของตนเอง
“ท่านพ่อเห็นหรือไม่ เท้าของเสี่ยวเป่าเล็กมาก ใช้พื้นที่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
ขณะที่พูด นางก็ยกเท้าที่ขาวราวหิมะและบอบบางขึ้นมา เพื่อแสดงว่านางไม่ได้โกหก นั่นทำให้อ่างล้างเท้าดูใหญ่โตขึ้นมาทันที
“ท่านพ่อล้างเท้าเร็วเข้า”
ในที่สุด หนานกงสือเยวียนก็ถอดรองเท้าและถุงเท้าออก จากนั้นจึงจุ่มเท้าลงไปในน้ำ
เท้าสองคู่ หนึ่งคู่ใหญ่และอีกคู่หนึ่งเล็กจ้อย สามารถสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนในอ่างล้างเท้า
เมื่อครั้งหนานกงสือเยวียนยังเยาว์ เขาต้องออกไปสู้ในสนามรบและเผชิญกับลมฝนแสงแดด ก่อนหน้านี้เขาจึงมีผิวคล้ำดำเข้ม ทว่านับตั้งแต่ขึ้นครองบัลลังก์ เขาแทบไม่ได้ออกไปไหนเลย สีผิวย่อมซีดลงมาก
แต่เมื่อเทียบกับผิวสีขาวน้ำนมของเสี่ยวเป่าในตอนนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าผิวของเขามีสีเข้มกว่ามาก
เสี่ยวเป่ายังคงมองเท้าของท่านพ่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น เด็กหญิงแตะเท้าท่านพ่อด้วยนิ้วกลมป้อมก่อนจะหัวเราะอย่างขบขัน
“เท้าของท่านพ่อตัวใหญ่ ส่วนเท้าของเสี่ยวเป่าตัวเล็ก”
หนานกงสือเยวียน “…”
เขายังสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสมองของตนเองหรือไม่ เหตุใดตนถึงได้มานั่งแกว่งเท้าเล่นในอ่างน้ำเป็นเพื่อนลูกสาวอยู่ที่นี่
ในที่สุด หนานกงสือเยวียนก็วางเด็กน้อยที่ง่วงนอนลงบนเตียงแล้วคลุมด้วยผ้าห่ม
ตอนนี้ยังเร็วเกินไปสำหรับหนานกงสือเยวียนที่จะเข้านอน เขาจึงวานให้พวกข้าหลวงนำเอกสารราชการมาจำนวนหนึ่ง ก่อนจะเอนหลังนอนอ่านมันบนเตียง
ระหว่างที่อ่านก็รู้สึกได้ว่ามีการเคลื่อนไหวจากทางด้านข้าง
หนานกงสือเยวียนหันไป เห็นเด็กหญิงตัวน้อยหลับตาอยู่ ทว่านางยื่นขาออกจากผ้านวมอย่างเคยชิน
ไม่กี่อึดใจต่อมา เสี่ยวเป่าก็เริ่มกลิ้งไปบนเตียง หนึ่งถ้วยชาผ่านไป นางถึงกลิ้งจากหัวเตียงไปยังปลายเตียง
จากนั้นองค์หญิงน้อยก็กลิ้งต่อไป ถ้าไม่ติดว่ากลิ้งมาค้างอยู่ตรงขาของหนานกงสือเยวียน นางคงกลิ้งตกเตียงไปแล้ว
หนานกงสือเยวียน “…”
ในที่สุด เขาก็รู้ว่าทำไมลูกสาวของตนเองถึงตกลงไปอยู่ใต้เตียงเมื่อเช้านี้
เปลือกตาขององค์เหนือหัวกระตุก ขณะที่เขากำลังจะอุ้มเด็กขึ้นมายัดไว้ใต้ผ้านวมอีกครั้ง เขาก็เห็นนางม้วนตัวกลับมาด้วยตนเอง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหนาวหรือไม่ เสี่ยวเป่าจึงเอามือเล็ก ๆ ของนางคลำไปรอบ ๆ ก่อนจะจับมุมของผ้านวมแล้วม้วนรอบตัว
ยังไม่ทันจบ นางเริ่มม้วนผ้านวมใหม่อีกครั้ง
หนานกงสือเยวียนยกนิ้วเรียวขึ้นคลึงหว่างคิ้ว ประเสริฐ! ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเหตุใดผ้าห่มจึงหลุดออกจากตัวเขาไปแทบทุกคืน!
“เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย…”
นี่ช่าง…ทำให้คนพูดไม่ออกเสียจริง เขาไม่เคยเห็นใครที่สามารถม้วนตัวได้ดีขนาดนี้มาก่อนขณะหลับ
หนานกงสือเยวียนดึงเด็กน้อยออกจากผ้านวม วางเอกสารราชการแล้วยัดเด็กน้อยเข้าไปใต้ผ้าห่มให้เรียบร้อย คราวนี้เด็กหญิงนอนอย่างคนปกติแล้ว
ตัวของธิดาส่งกลิ่นหอมจาง ๆ ไม่ใช่กลิ่นฉุนของผงสีแดงชาดบนตัวนางสนมพวกนั้น หรือกลิ่นที่แรงเกินไป แต่เป็นกลิ่นที่ผ่อนคลายอย่างสุดจะพรรณนา
เช่นเดียวกับกลิ่นจากธรรมชาติ
หนานกงสือเยวียนเผลอหลับไปอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เขามั่นใจได้แล้วว่าการนอนหลับเกี่ยวข้องกับเสี่ยวเป่าจริง ๆ
วันรุ่งขึ้น หนานกงสือเยวียนตื่นแต่เช้าเพราะเขานอนหลับสบายมาหลายวันติดต่อกัน ความหงุดหงิดลดลง เริ่มกลับมีพละกำลังมากขึ้น
“ไปตามหมอจางมาเดี๋ยวนี้”
หนานกงสือเยวียนอุ้มเสี่ยวเป่าที่กลิ้งอยู่ใต้เตียง รวบทั้งผ้านวมขึ้นมาอย่างชำนาญ ก่อนจะวางเด็กน้อยไว้บนเตียงโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
ฝูไห่กงกง “…”
นี่เป็นทักษะที่ทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกใจเสียจริง
“กระหม่อมมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หมอจางเป็นหัวหน้าหมอหลวงที่มีทักษะทางการแพทย์ดีที่สุด เขาเคยรักษาอาการป่วยของหนานกงสือเยวียนมาก่อน
หนานกงสือเยวียนเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเรียกนางกำนัลขององค์หญิงน้อยเข้ามาเฝ้า ส่วนตนเองลุกขึ้นเดินออกไปที่ลานด้านนอก
ตอนที่หมอหลวงมาถึง หนานกงสือเยวียนกำลังนั่งดื่มน้ำชาอย่างไม่เร่งรีบ
หมอจางพลันรู้สึกประหลาดใจมาก
“ของวิเศษอย่างนั้นหรือ? บางทีอาจเป็นเพราะสายโลหิตของฝ่าบาทกับองค์หญิงน้อยก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงสือเยวียนขมวดคิ้ว “หากเป็นอย่างที่เจ้าพูด องค์ชายคนอื่นก็น่าจะทำได้เช่นกัน”
เขามักรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไม่ใช่ว่าบรรดาองค์ชายคนอื่นจะไม่เคยอยู่กับตนมาก่อน แต่พวกเขาไม่มีความรู้สึกที่ทำให้ผ่อนคลายได้เลย
“ต้องไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้แน่ ๆ”
หนานกงสือเยวียนกล่าวด้วยความมั่นใจ
หมอจางครุ่นคิดอยู่ไม่กี่อึดใจหลังจากได้ยินคำพูดนั้น “ถ้าเช่นนั้น ขอฝ่าบาทตรัสกับกระหม่อมมาตามตรง ฝ่าบาทคิดว่าองค์หญิงน้อยมีความแตกต่างจากบรรดาองค์ชายอย่างไร”
หนานกงสือเยวียน “นิสัยหรือ? นางชอบติดตามข้า ชอบให้ข้ากอดนางเสมอ เสียงของนางนุ่มละมุนแตกต่างจากเด็กชายเหล่านั้น… ”
หมอหลวงจาง “…”
ฝ่าบาท นี่พระองค์กำลังอวดธิดาของตนเองอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ?
“กลิ่นก็เหมือนกัน”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หมอหลวงจางพลันมีกำลังใจขึ้นมา
“กลิ่น? อาจเป็นเพราะสิ่งนี้ก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงสือเยวียนมองมาด้วยสายตาเย็นชา “ถ้าข้ารู้ ข้ายังจะมาถามเจ้าอีกหรือ”
หมอหลวงจาง “…เอ่อ ฝ่าบาทสามารถอธิบายกลิ่นขององค์หญิงได้หรือไม่”
หนานกงสือเยวียนใช้นิ้วเคาะที่เท้าแขนของเก้าอี้เป็นจังหวะ
“มันเป็นกลิ่นที่สดชื่นมาก ข้าไม่สามารถอธิบายได้ เพราะไม่เคยได้กลิ่นนี้มาก่อน แต่มันเป็นกลิ่นที่สามารถสูดดมได้ไม่เบื่อ”
คราวนี้หมอหลวงจางตกใจ คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ในฐานะหมอประจำตัวที่อยู่เคียงข้างฝ่าบาทมาตลอด หมอหลวงผู้นี้จึงล่วงรู้ความลับบางอย่าง