บทที่ 56 สวรรค์ส่งถังหูลู่มาโปรด
บทที่ 56 สวรรค์ส่งถังหูลู่มาโปรด
คนตัวเล็กที่ทั้งชีวิตไม่เคยรู้จักคำว่ากลัว ส่งยิ้มสดใสให้ราชองครักษ์ผู้นั้น
“ท่านอาขยับไปอีกหน่อยได้หรือไม่ เสี่ยวเป่าอยากมองข้างนอกสักหน่อย”
เจ้าก้อนแป้งที่กำลังทำมือเท้าคาง เอ่ยเสียงหวานพร้อมส่งสายตาปริบ ๆ ให้อีกฝ่าย
ราชองครักษ์เอ่ยทักท้วงทันทีว่า “องค์หญิงทรงเรียกกระหม่อมว่าอาไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
เขากำลังจะดึงบังเหียนเพื่อหลีกทาง ทว่าจู่ ๆ ม้าที่เขาขี่กลับจงใจหาเรื่องใส่ตัว
ม้าสีน้ำตาลตัวใหญ่อยากผูกมิตรกับเสี่ยวเป่าจึงไม่ยอมขยับ ซ้ำยังทำท่าเหมือนอยากอ้อนนาง
ราชองครักษ์บนหลังม้าเริ่มควบคุมมันไว้ไม่ได้ กระวนกระวายใจจนเหงื่อเย็น ๆ ไหลออกมา
“เป็นเด็กดีนะ ขยับไปอีกหน่อยดีหรือไม่ พอถึงนาหลวงของท่านพ่อแล้วเสี่ยวเป่าจะหาหญ้าอร่อย ๆ ให้กิน!”
“ฮี้!!!”
ม้าตัวใหญ่ก้มหัวให้นางลูบแล้วจากไปอย่างเชื่อฟัง
ราชองครักษ์ที่เลี้ยงม้ามาหลายปี “…”
เจ้าม้านี่เหมือนจะไม่ปกตินะ!
ในที่สุด เสี่ยวเป่าก็สามารถมองเห็นทิวทัศน์ข้างนอกรถม้าได้เต็มสองตา
นางแทบละสายตาจากถนนที่ผู้คนพลุกพล่านตลอดทางไม่ได้ โดยเฉพาะเวลาเห็นของกินที่วางขายตามข้างทาง ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนชวนน้ำลายไหล
รถม้าไม่สามารถหยุดซื้อของได้ เสี่ยวเป่าจึงทำได้เพียงหยิบขนมเกาลัดจากกระเป๋าออกมากัดกินทีละนิดให้หายอยาก
ระหว่างที่นางค่อย ๆ แทะขนมในมืออยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีถังหูลู่*[1] ไม้ใหญ่สีแดงสดใสยื่นมาตรงหน้า!
เสี่ยวเป่า “!!!”
สวรรค์…สวรรค์ส่งถังหูลู่มาโปรด!
“เอาไปกินเถอะ”
เสียงที่ฟังดูเกียจคร้านของพี่รองดังขึ้น เสี่ยวเป่าเงยหน้ามองก็เห็นว่าพี่รองของนางกำลังถือถังหูลู่อยู่ในมือ
คนตัวเล็กยิ้มกว้างจนเห็นฟันน้ำนมซี่น้อยขาวสะอาด และลักยิ้มน่ารัก
“พี่รองแสนดีที่สุดเลย!”
นางเอ่ยเสียงหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า
หนานกงสือเยวียนที่อยู่ในรถม้า “…”
เฮ้อ… ไม่รู้ว่าลับหลังเขา เจ้าตัวเล็กนี่พูดเช่นนี้กับคนอื่นไปแล้วกี่คน
หนานกงฉีโม่ลอบอมยิ้มน้อย ๆ “ก็แค่ถังหูลู่ไม้เดียวเอง”
เขาก็แค่บังเอิญซื้อมาก็เลยเอามาโยนไว้ในรถม้าอันหนึ่ง
เสี่ยวเป่าเอ่ยขอบคุณพี่รองเสียงหวาน นางกินคำหนึ่งก่อนจะยื่นถังหูลู่ไม้ใหญ่ไปทางพี่รองบ้าง
หนานกงฉีโม่คลี่ยิ้มเอ็นดูพร้อมเอ่ยตอบเสียงเบาราวกับกระซิบ
“ไม่ต้องหรอก ในรถม้าของข้ายังมีอีก”
เสี่ยวเป่าแววตาเป็นประกายแฝงไปด้วยความปรารถนา!
หนานกงฉีโม่ผู้มีดวงตาคมเฉี่ยวคลี่ยิ้มกว้างสว่างไสว ดูดีเสียจนบรรดาแม่นางน้อยใหญ่ที่เดินผ่านไปมาเห็นเข้าพลันก้าวขาเดินต่อไม่ได้
“อยากได้อีกหรือ?”
เสี่ยวเป่าผงกหัวเหมือนลูกไก่จิกข้าวสาร ไม่มีเด็กคนไหนไม่ชอบถังหูลู่เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ทั้งยังสวยงามเช่นนี้หรอก!
“ถ้าอยากได้ก็มาเอาเองสิ”
เมื่อหลอกล่อเจ้าก้อนแป้งสำเร็จแล้ว เจ้าสุนัขจิ้งจอกรูปงามก็ควบม้าจากไป
เสี่ยวเป่ากำไม้ถังหูลู่ในมือแน่น“…”
นางได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจ พลางหันกลับเข้ามามองท่านพ่อตาปริบ ๆ ก่อนจะยื่นไม้ถังหูลู่ในมือให้เขา
“ท่านพ่อกินถังหูลู่กัน”
หนานกงสือเยวียน “เจ้าจะแบ่งให้หรือ?”
เสี่ยวเป่ายิ้มพร้อมขยับเข้าไปใกล้เขา “พี่รองยังมีอีกตั้งเยอะ อันนี้เสี่ยวเป่าให้ท่านพ่อ”
รอยยิ้มนั้นช่างทะเล้นนัก มันแทบจะมีอักษรแปะอยู่บนหน้าแล้วว่า ‘ให้ข้าไปหาพี่รองเถอะนะเพคะ’
หนานกงสือเยวียน “พี่รองดีที่สุดอย่างนั้นหรือ?”
ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงคำพูดธรรมดา ทว่ากลับสัมผัสได้ถึงเหตุนองเลือด
เสี่ยวเป่าผู้เลิ่กลั่กรีบโน้มตัวเข้าไปออดอ้อนออเซาะ
“ท่านพ่อแสนดีที่สุดของที่สุด!!!”
นางพยายามพูดคำว่าที่สุดให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้
ใช่แล้ว… เจ้าเด็กนี่รู้จักเอาตัวรอดตั้งแต่เด็ก
หนานกงสือเยวียนหาได้สนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้น เด็กน้อยคนนี้ล้วนคิดมากไปเอง
“อยากไป?”
บุรุษผู้หล่อเหลาเย็นชาวางถ้วยชาในมือลง ริมฝีปากบางเฉียบยกยิ้มน้อย ๆ
เสี่ยวเป่ารีบพยักหน้า
หนานกงสือเยวียน “ไม่อนุญาต”
เมื่อได้ยินท่านพ่อเอ่ยเช่นนั้น เจ้าก้อนแป้งที่กำลังมีความหวังพลันก้มหน้างุด ราวกับลูกหมาที่ถูกทอดทิ้งไว้อย่างน่าสงสาร
หนานกงสือเยวียนยื่นถังหูลู่ไปตรงหน้าเด็กน้อย
รออยู่พักหนึ่ง เด็กน้อยผู้น่าสงสารก็อ้าปากงับ ผ่านไปสักพักก็กลับมาอารมณ์ดีอย่างน่าประหลาดใจ
อารมณ์เปลี่ยนได้รวดเร็วเสียจริง ซ้ำยังหายงอนง่ายไม่มีผู้ใดเทียม
เจ้าเด็กโง่งม
เสี่ยวเป่าเคี้ยวถังหูลู่ยังไม่หมด แก้มกลมจึงขยับไปมาตามจังหวะเคี้ยว
“ท่านพ่อไม่กินหรือ?”
แม้ท่านพ่อจะไม่อนุญาตให้เสี่ยวเป่าไปหาพี่รอง คนตัวเล็กจึงทำตัวเป็นคนใจกว้างไม่งอแงกับท่านพ่อให้มากความ
กินเสร็จแล้วค่อยพูด!
“ไม่กิน” ท่านพ่อตอบได้เย็นชาเช่นเคย
หนานกงสือเยวียนมองแก้มป่อง ๆ ของเจ้าก้อนแป้งที่กำลังขยับไปมาล่อตาล่อให้เขาใช้นิ้วจิ้มเล่นแก้เบื่อ
ทันทีที่จิ้มนิ้วลงไป แก้มนุ่มนิ่มก็ยุบลงตามแรงกด พอยกนิ้วออกเจ้าแก้มก้อนก็กลับมาป่องเหมือนเดิม
แก้มกลมถูกจิ้มเล่นอยู่อย่างนั้นจนถึงครั้งที่ห้า เสี่ยวเป่าก็หันมองเขาพร้อมทำแก้มป่องมากกว่าเดิม
“ท่านพ่อ ทำไมพวกท่านถึงชอบจิ้มแก้มเสี่ยวเป่าเพคะ”
นางลองจับหน้าตนเองดู
โอ้โห มันนุ่มนิ่มน่าสัมผัสจริงด้วย!
แต่… คงให้จิ้มต่อไม่ได้แล้ว หากมันรั่วขึ้นมาจะทำอย่างไร!
หนานกงสือเยวียนเอนหลังบนที่นั่งในรถม้า วันนี้เกศายาวสลวยสีดำขลับไม่ได้ถูกมัดไว้อย่างเรียบร้อยเหมือนวันอื่น ๆ เขาจึงดูเย็นชาน้อยลง แต่ดูเฉื่อยชามากขึ้น
ถึงกระนั้น เขาที่เป็นเช่นนี้ก็ยังเหมือนกับราชันอสูรร้ายที่กำลังอิ่ม ตอนนี้จึงเป็นเวลาพักผ่อน
“มีผู้ใดจิ้มแก้มเจ้าอีกหรือ?”
เสี่ยวเป่ามองถังหูลู่ที่ท่านพ่อถืออยู่ตาปริบ ๆ
“ก็พวกท่านพี่อย่างไรเล่า”
ฮือ… กินจนเหลือแค่อันเดียวแล้ว
“ท่านพ่อไม่กินแน่นะเพคะ? มันอร่อยสุดยอดเลยนะท่านพ่อ”
หนานกงสือเยวียน “ไม่กิน”
เช่นนั้นเสี่ยวเป่าจะกินให้หมดเลย!
ขาสั้น ๆ ที่ลอยอยู่เหนือพื้นแกว่งไปมา กินถังหูลู่จนหมดแล้วก็ยังไม่ถึงที่หมาย
เจ้าก้อนแป้งอยู่ไม่สุข เอาแต่หันมองออกไปข้างนอกรถม้า
ภาพข้างนอกรถม้าเริ่มเปลี่ยนไปเพราะมาถึงพื้นที่ห่างไกลไร้คนพลุกพล่านอย่างนาหลวงอันเป็นที่ดินส่วนพระองค์
พอลงมาจากรถม้า เสี่ยวเป่ารีบกวาดตามองรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น
นับตั้งแต่ถูกสายฟ้าของทัณฑ์สวรรค์ผ่าจนต้องมาอยู่ที่นี่ สิ่งที่นางชอบใจมากที่สุดคือสภาพแวดล้อมของที่นี่
สภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกทำลายจากฝีมือของมนุษย์ คือธรรมชาติเขียวขจีที่นางโปรดปรานที่สุด
เสี่ยวเป่าเหยียบย่ำบนผืนหญ้าและวิ่งเล่นอย่างมีความสุข “ท่านพ่อ ที่นี่ใช่นาหลวงของท่านพ่อหรือไม่?”
พื้นที่กว้างขวาง ทุ่งนามากมาย!
บนภูเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปยังมีต้นผลไม้นานาชนิด
หนานกงสือเยวียนพยักหน้า เห็นเจ้าก้อนแป้งแววตาเป็นประกายฉายแววชื่นชม เขาเองก็พลอยอารมณ์ดีไปด้วย
“น้องหญิง!”
เสียงร้องเรียกดังแว่วมาแต่ไกล เสี่ยวเป่าไม่หันมองก็รู้ว่านั่นคือเสียงของท่านพี่เสี่ยวปา
“พี่แปด พี่เจ็ด พี่หก พี่ห้า พี่สี่ พี่สาม พี่รอง พี่ใหญ่!”
พี่ชายเยอะก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเจ้าก้อนแป้ง นางเรียกหาพี่ชายให้ครบทุกคนพร้อมสาวเท้าน้อย ๆ วิ่งกระโดดโลดเต้นไปหาพวกเขา
นางถูกพี่ห้าอุ้มขึ้นกอดจนตัวลอยบนอากาศ หมุนตัวเป็นวงกลม แถมยังเอาหน้าถู ๆ อย่างออดอ้อน
มือเล็กนุ่มนิ่มของเสี่ยวเป่าวางแหมะบนหน้าเขาพลางถูไถด้วยความดีใจ
“พี่ห้า!!!”
หนานกงฉีหลิงยกยิ้มสดใสดั่งแสงตะวัน “พี่ห้าได้ยินว่าที่นี่มีปลาให้จับด้วยนะ เราไปจับปลากันเถอะ!”
เสี่ยวเป่า “ไปกัน! แต่เสี่ยวเป่าต้องไปขอท่านพ่อก่อนนะ”
[1] ถังหูลู่ คือ ผลไม้เคลือบน้ำตาลเสียบไม้