เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช – บทที่ 130 แตงโม

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 130 แตงโม

บทที่ 130 แตงโม

ฮ่องเต้ทรงรู้จุดอ่อนของขุนนางฝ่ายบู๊กับบุ๋นเป็นอย่างดี จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกหดหู่เป็นอย่างยิ่ง

แต่ทั้งสองฝ่ายต่างยังไม่วายลอบเขม่นกัน

ไม่ว่าผู้ใดก็สนใจเรื่องซุบซิบนินทากันทั้งนั้น แต่เรื่องเช่นนี้ไม่เอื้อต่อการสานความสัมพันธ์ในการทำงานเลย อีกทั้งหากไปถึงอาณาจักรข้างเคียง มันย่อมเป็นที่ขายหน้าของราชวงศ์ต้าเซี่ย

หลังจากสั่งสอนขุนนางฝ่ายบู๊และบุ๋นเสร็จเรียบร้อย หนานกงสือเยวียนก็เอ่ยถึงเรื่องงานเลี้ยงกุ้งก้ามแดงขึ้นมาอีกครั้ง

ใบหน้าของเหล่าขุนนางบู๊และบุ๋นไม่น่าดูยิ่งกว่าเดิม แต่เรื่องนี้ล้วนเป็นอำนาจเด็ดขาดของหนานกงสือเยวียน จะให้ต่อต้านงั้นหรือ? ทำได้แต่อดทนข่มกลั้นเท่านั้น!

ทรราช คนผู้นี้คือทรราชจริง ๆ!

หลังจากหารือเกี่ยวกับปัญหาใหญ่ของอาณาจักรแล้ว หนานกงสือเยวียนก็เรียกให้เซียวเหยาอ๋องและจิ้นอ๋องอยู่ต่อ

แน่นอนว่าเหตุผลที่ให้ทั้งสองอยู่ต่อย่อมต้องเป็นเพราะคำขอร้องจากลูกสาวตัวน้อยอันเป็นที่รักของเขา

ในตอนนี้ เสี่ยวเป่ากำลังอยู่ในห้องปีกข้าง บนศีรษะสวมหมวกฟางที่ถูกสานขึ้นมาอย่างประณีต นางกำลังส่งเสียงเจื้อยแจ้วสั่งให้ขันทีและนางกำนัลเลือกเก็บแตงโม

เมื่อทอดสายตามองออกไป ลานด้านหลังของห้องปีกข้างล้วนเต็มไปด้วยสีเขียวขจี แตงโมทรงกลมที่ใหญ่กว่าหัวผู้ใหญ่ตั้งอยู่อย่างเงียบงันดูโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง

ก่อนที่แตงโมจะถูกผ่า กลิ่นของมันไม่ได้หอมอบอวล ดังนั้น แม้ทุกคนจะอยากรู้อยากเห็น แต่นึกตะกละอยากจะกินขึ้นมา

“ลูกนั้นสุกแล้ว เก็บได้เลย”

ผิวขาวของเด็กน้อยราวกับเปล่งประกายได้ภายใต้แสงอาทิตย์ ร่างกายดูสดชื่นไร้เหงื่อ มองมือน้อย ๆ โบกไปมาราวกับกำลังสั่งการกองทัพนับหมื่นนับพัน

เพียงอึดใจเดียวก็มีคนมาเก็บแตงโมลูกใหญ่ที่เด็กน้อยชี้

เมื่อพวกหนานกงสือเยวียนเดินเข้ามาก็พบเข้ากับฉากอันเต็มไปด้วยชีวิตชีวานี้

ห้องปีกข้างเล็ก ๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก

แน่นอนว่าเหล่าผู้ปกครองล้วนเคยชินแล้ว!

เสี่ยวเป่ากำลังยุ่งด้วยความสนุกสนาน นางลงไปวิ่งเล่นในสวนแตงราวกับผึ้งน้อยคอยดอมดมตรงนั้นทีตรงนี้ที ผ่านไปสักพักก็ยังไม่เห็นว่าท่านพ่อ ท่านอา และพี่ชายจะมา

ตอนนั้นเอง แตงโมขนาดใหญ่หลายสิบลูกที่สุกแล้วก็ถูกเก็บมาภายใต้การชี้บอกของนาง

“เสี่ยวเป่าตัวน้อยของอายุ่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

หนานกงหลีที่กำลังโบกพัดในมือส่งเสียงหยอกล้อ

เมื่อเสี่ยวเป่ารู้ตัวว่าพวกท่านพ่อมาแล้ว ก็รีบวิ่งออกจากสวนแตงโมอย่างรวดเร็ว

“ท่านพ่อ!”

เด็กน้อยเกาะขาท่านพ่ออย่างที่ทำทุกครั้ง ราวกับมีแป้งก้อนหนึ่งที่ขาวราวหิมะห้อยติดขา

หนานกงสือเยวียนอุ้มร่างเด็กน้อยที่เกาะขาขึ้นมาอย่างชำนาญด้วยแขนข้างเดียว แขนที่แน่นตึงเปี่ยมด้วยพละกำลัง ทำให้เสี่ยวเป่าที่นั่งอยู่ด้านบนนั้นรู้สึกปลอดภัย

“ท่านพ่อดูสิ ทั้งหมดล้วนเป็นแตงที่เสี่ยวเป่าปลูกให้ท่าน!”

เด็กน้อยยืดอก ทำท่าภาคภูมิใจ เต็มไปด้วยความรู้สึกชวนให้น่าเอ็นดูอย่างแรงกล้า

ทั้งสามคนมองตามทิศทางที่นิ้วเล็ก ๆ ชี้ไป ก็เห็นเข้ากับแตงโมลูกกลมโตเรียงราย

หนานกงสือเยวียนกับหนานกงฉีซิวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าสีหน้าที่แสดงออกแทบไม่มีความเปลี่ยนแปลง ยังคงดูสงบนิ่งเช่นเคย

แตกต่างจากหนานกงหลีที่แสดงสีหน้าและร้องชื่นชมแก่เสี่ยวเป่า

“นี่มันแตงอันใดกัน ใหญ่โตถึงเพียงนี้”

เจ้าก้อนแป้งตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่มและภาคภูมิใจ “แตงโม!”

ทุกคนต่างก็ไม่เคยกินสิ่งนี้มาก่อน เสี่ยวเป่าจับมือของท่านพ่อวิ่งจูงไปหาแตงโมลูกใหญ่สุดที่นางจงใจแยกออกมาเป็นพิเศษ

“ท่านพ่อ ลูกนี้ของท่าน!”

หลังจากพูดจบ เด็กน้อยก็มองไปทางท่านพ่อด้วยความคาดหวังและร้องขอคำชม

มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย นิ้วเรียวยาวลูบหัวเสี่ยวเป่าอย่างแผ่วเบา

“เด็กดี”

หลังจากที่ฮ่องเต้เอ่ยคำนี้ออกมาด้วยเสียงทุ้มลึก นัยน์ตาสีดำขลับของเสี่ยวเป่าก็เปล่งประกายอย่างเห็นได้ชัด

คิ้วและดวงตาของเสี่ยวเป่าโค้งขึ้นเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยว เมื่อได้รับคำชมจากท่านพ่อแล้ว หากมีหางก็คงจะกระดิกไปมา

“ท่านพ่อ พวกท่านมากินแตงโมเถิด!”

หนานกงหลีที่อยู่ด้านข้างเอ่ยออกมาด้วยความข้องใจ “เสี่ยวเป่า ไม่มีของข้าหรอกหรือ?”

เขาไม่มีน้ำหนักในใจมากพอให้ได้รับส่วนแบ่งอย่างนั้นหรือ?

เสี่ยวเป่ากะพริบตาปริบ ๆ จากนั้นก็ชี้ไปทางกองแตงโม

“ท่านอาเจ็ดชอบลูกใด ก็เลือกไปได้ตามที่ท่านต้องการเลย”

ดูสิ นางใจกว้างเพียงใด

หนานกงหลี ‘…ไม่ใช่ว่าหลานสาวตัวน้อยต้องหยิบมันมาให้เขาหรือ ไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย!’

ความคิดของทั้งสองไม่ได้อยู่ในเส้นทางเดียวกันโดยสิ้นเชิง

ทว่าความข้องใจเหล่านั้นของหนานกงหลีก็หายไปทันทีหลังจากได้กินแตงโม

แตงโมลูกใหญ่ที่เสี่ยวเป่าเลือกมามอบให้แก่ท่านพ่อเป็นพิเศษ มันไม่เพียงลูกใหญ่ แต่ยังสุกดีทั้งลูกแล้วด้วย

ทันทีที่ใบมีดสัมผัสเปลือกแตงโมและกดลงไปเพียงเล็กน้อย ก็มีเสียงดังฉัวะออกมาอย่างชัดเจน

รอยแตกที่มองเห็นได้ชัดปริไปตามปลายมีด ไม่จำเป็นต้องออกแรงมากมายแต่อย่างใด มันก็เหมือนกับแตกออกมาเองแล้ว

หนานกงหลี “Σ(゚д゚lll)”

“เหตุใดจึงแตกออกมาเช่นนี้?!”

เขาคิดว่ามันเสียแล้ว แต่เมื่อได้เห็นเนื้อสีแดงที่โผล่ออกมาจากด้านใน หนานกงหลีก็ปฏิเสธความคิดนี้ทันที

กลิ่นหอมของแตงโมโชยออกมา เนื้อสีแดงสดยิ่งชวนให้น้ำลายสอ

แตงโมลูกใหญ่มีเปลือกสีเขียวเพียงชั้นบาง ๆ ส่วนเนื้อสีแดงพร่างพราว ดูฉ่ำน้ำเป็นอย่างยิ่ง

หนานกงสือเยวียนเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วปราดเปรียว ใช้มีดผ่าแตงโมเป็นส่วน ๆ ให้มีขนาดเท่ากันตามคำขอของเสี่ยวเป่า

ทักษะการใช้ดาบและกระบี่มาสิบกว่าปีไม่ใช่ของประดับ แตงโมทุกชิ้นไม่เพียงแต่จะมีขนาดและรูปร่างเหมือนกันเท่านั้น กระทั่งน้ำในแตงโมเองก็ยังไหลออกมาไม่มาก

“ท่านพ่อ ให้ท่านกิน”

เสี่ยวเป่าหยิบแตงโมชิ้นแรกออกมามอบให้ท่านพ่อของตนเองทันที

ภายในใจของหนานกงหลีเปรี้ยวฝาด มองไปทางเสด็จพี่ด้วยสายตาริษยาอย่างไร้การปิดบัง

เหตุใดเขาจึงไม่มีก้อนผ้านวมนิ่มนุ่มอบอุ่นใจเช่นนี้บ้าง!

หนานกงสือเยวียนรับแตงโมชิ้นใหญ่ที่ลูกสาวส่งมาให้อย่างสงบนิ่ง ทันใดนั้นเอง มุมปากก็ยกยิ้มอย่างไม่มีใครคาดคิด

แตงโมเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับหน้าร้อนจริง ๆ รสชาติหวานแต่ไม่เลี่ยน เนื้อทั้งกรอบและร่วน เพียงแค่คำเดียวก็ชุ่มคอสดชื่นดับกระหายได้

“ง่ำ อืม…”

หนานกงหลีกินไปคำเดียวก็ทำท่าทางคล้ายอยากเอ่ยอันใดออกมา แต่เขากินคำใหญ่เกินไป ทำให้เสียงพูดของเขาคลุมเครือเกินกว่าจะฟังเข้าใจได้

เพียงแค่ชั่วครู่เดียว แตงโมในมือของเขาก็เหลือเพียงแต่แผ่นเปลือกบาง ๆ

“อร่อยเกินไปแล้ว!” เขากล่าวออกมา

หนานกงหลีพลันอดใจหยิบอีกชิ้นขึ้นมากินอย่างอดใจไม่ไหว ใบหน้าที่มียางอายของความเป็นอ๋อง เขาไม่รู้ทำหายไปที่ใดตั้งนานแล้ว

แม้ว่าหนานกงสือเยวียนจะกินอย่างสง่างาม แต่ความเร็วนั้นก็ไม่ได้ช้าแม้แต่น้อย

เมื่อเทียบกับหนานกงฉีซิวที่ได้รับการอบรมสั่งสอนตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังไม่เคยเข้าร่วมกองทัพ ยามต้องกินอย่างรักษากิริยาท่าทางแล้วก็นับว่าขาดทุนเสียหายไปบ้าง

ท่านพ่อกับท่านอาล้วนกินไปแล้วคนละสามชิ้น ส่วนเขาได้กินเพียงชิ้นเดียว!

เสี่ยวเป่านั้นขาดทุนเสียยิ่งกว่า ด้วยใบหน้าและปากเล็ก ๆ แม้ตอนกินจนแก้มป่องแล้วก็ยังกินได้เพียงแค่ครึ่งชิ้น

สุดท้ายแล้ว แตงโมกว่าสามในสี่ก็ลงไปอยู่ในท้องของหนานกงสือเยวียนและหนานกงหลี

รวมออกมาแล้ว เสี่ยวเป่าได้กินแตงโมไปทั้งหมดสองชิ้น

“เอิ๊ก~”

หนานกงหลีเรอออกมา ความอยากอาหารที่เดิมทีลดลงเพราะอากาศร้อน กลับมาถูกเติมเต็มอีกครั้ง

“เสี่ยวเป่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแตงโมของเจ้าจะกลายเป็นของโปรดที่สุดของอาเจ็ด!”

เสี่ยวเป่ากลืนแตงโมในปากลงไป ก่อนใช้แววตาไร้เดียงสาจับจ้องไปทางท่านอาเจ็ด

“แต่ครั้งล่าสุด ท่านอาเจ็ดบอกว่าน้ำเชื่อมเฉ่าเหมยเป็นของโปรดที่สุดของท่าน ครั้งก่อนหน้านั้น ท่านก็บอกว่าเป็นน้ำมะเขือเทศเคี่ยว ครั้งก่อนหน้านั้นอีกท่านก็บอกว่าเป็นเฉ่าเหมย”

หนานกงหลี “…ความชอบเป็นเรื่องของครั้งคราว ย่อมต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์”

หนานกงฉีซิว “…”

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Status: Ongoing
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว!หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน!เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท