บทที่ 136 ตุ๊กตาไม้แกะสลัก
บทที่ 136 ตุ๊กตาไม้แกะสลัก
หลายวันมานี้เหล่าอาจารย์และพวกองค์ชายก็ได้พบผู้มาเยือนที่คาดไม่ถึงระหว่างการเรียนการสอน
มีเด็กน้อยน่ารักผิวขาวราวหิมะผู้หนึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าองค์ชาย เป็นที่สะดุดตาอย่างยิ่ง
เมื่อเหล่าอาจารย์ได้สบเข้ากับดวงตาแป๋วแหววขององค์หญิงน้อย อีกทั้งมีเหล่าองค์ชายช่วยออกหน้า จึงไม่ได้เอ่ยขอให้เสี่ยวเป่าออกไป แต่ไปกราบทูลเรื่องนี้กับฮ่องเต้แทน
ทว่าฮ่องเต้ผู้ให้ท้ายพระธิดาเป็นพิเศษ กลับบอกพวกเขามาเพียงประโยคเดียว
“ตราบใดที่นางไม่สร้างปัญหา นึกอยากไปที่ใดก็ไปได้ตามต้องการ”
กล่าวคือทั้งพระราชวังล้วนเป็นบ้านของนาง ท่านพ่อของนางเป็นใหญ่ที่สุด ขอเพียงแค่ฮ่องเต้เอ่ยยินยอม นางยังจะไม่สามารถไปที่ใดได้อีก?
ยังดีที่องค์หญิงน้อยเป็นเด็กดียิ่ง ทุกครั้งที่เข้าเรียนก็ทำเพียงแค่ใช้แขนเล็ก ๆ เท้าบนโต๊ะนั่งตั้งใจฟังสิ่งที่เหล่าอาจารย์สอน ท่าทางชวนให้คนมองชื่นชอบ
แม้ว่าท่าทางจะจริงจัง แต่บทเรียนที่ฟังไม่เข้าใจก็เป็นเพลงกล่อมเด็กสำหรับนางโดยสมบูรณ์ เสี่ยวเป่าเปลี่ยนจากท่าทางร่าเริงกระฉับกระเฉงกลายเป็นหนังตาตก นั่งสัปหงกราวกับไก่จิกข้าวสารไปเสียทุกครั้ง
จนสุดท้ายแล้วหัวน้อย ๆ ก็ทนไม่ไหวฟุบลงไปบนโต๊ะอย่างไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก
นางยังเด็กเกินกว่าจะเริ่มเรียนสิ่งเหล่านี้ เหล่าอาจารย์จึงไม่ได้ปลุกนางให้ตื่น ทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งปล่อยนางไปอย่างสมบูรณ์
ทั่วทั้งห้องศึกษามีเพียงเสี่ยวเป่าผู้เดียวที่สามารถนอนหลับได้อย่างโจ่งแจ้ง ไม่รู้ว่ามีใครต่อใครบ้างที่มองมาด้วยความอิจฉา
แน่นอนว่า ต้องมีคนที่ฟังไม่เข้าใจเหมือนกันจนอยากจะนอนเช่นองค์ชายแปด หนานกงฉีจวิน
“เสี่ยวเป่า เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ?”
ทันทีที่เลิกเรียน หนานกงฉีจวินก็รีบย้ายร่างไปอยู่ด้านข้างน้องหญิงของตน
เกินความคาดหมายไปบ้างที่วันนี้นางไม่ได้หลับ ใบหน้าคว่ำลงกับโต๊ะขณะที่ในมือถือพู่กันด้ามเล็กวาดไปมา ไม่รู้ว่ากำลังเขียนสิ่งใดอยู่
“ฮ่าฮ่าฮ่า…น้องหญิง ลายมือของเจ้าขี้เหร่ยิ่งนัก อ่านยากเสียยิ่งกว่าของข้าอีก”
เสี่ยวเป่า “…”
นางเอี้ยวตัวหนีไปอีกด้านพร้อมกับจดหมายในมือด้วยสีหน้าบึ้งตึง ไม่ยอมพูดจาอันใดกับพี่ชายคนเล็กของตนเอง
ทำให้คนโกรธเสียแล้ว หนานกงฉีจวินเกาหัว ใครใช้ให้ปากตนเองไวกว่าสมองกัน!
“อย่าโกรธไปเลย น้องหญิงมองสิ ข้ากำลังทำหน้าผีอยู่”
หลังจากทำหน้าทะเล้นแล้ว หนานกงฉีจวินก็ถูกดึงออกมา
องค์ชายห้ากลอกตาใส่เขา “นี่มันกี่ครั้งแล้ว?”
องค์ชายเจ็ดซ้ำเติม “โง่”
หนานกงฉีจวิน “…”
พวกท่านล้วนเบนเข็มมาใส่ข้า ข้าเองก็อยากโกรธด้วยแล้ว!
“พี่ชาย เสี่ยวเป่ากำลังเขียนจดหมายให้พี่รอง พวกท่านอยากเขียนสิ่งใดลงไปหรือไม่”
น้ำเสียงขององค์ชายห้าอย่างหนานกงฉีหลิงมีความเปรี้ยวฝาดแฝงอยู่ “เจ้าจะส่งของไปให้พี่รองอีกแล้วหรือ?”
องค์ชายหกหนานกงฉีเฉินกอดอกส่งเสียงร้องหึออกมา “ย่อมต้องเป็นไกลหอมใกล้เหม็น*[1] ข้าไม่เคยเห็นเจ้าคิดถึงข้าทุกวันเช่นนี้บ้าง!”
เสี่ยวเป่าหน้ามุ่ยบ่นพึมพำ “ไม่ใช่สักหน่อย เสี่ยวเป่าคิดถึงท่านพี่ทุกคน”
หนานกงฉีเฉินชี้ไปที่ถุงผ้าปักด้วยลายบิดเบี้ยวจนยากจะมองออกว่าเป็นลายแมวตัวหนึ่ง
นี่เป็นลายการ์ตูนรูปแมวที่เสี่ยวเป่าออกแบบด้วยตัวเอง
แม้ตอนชุนสี่วาดลายจะออกมาน่ารักเป็นอย่างยิ่ง แต่ยามถูกเสี่ยวเป่าปักกลับไม่น่าดูเลย
“แล้วสิ่งนี่เล่า? มีแค่ของพี่รองอย่างนั้นหรือ?”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยกลิ่นเปรี้ยว ราวกับมีคนทำน้ำส้มสายชูไหใหญ่คว่ำ
เสี่ยวเป่าถือถุงผ้าปักเอาไว้ในมือ มองเหล่าพี่ชายที่ห้อมล้อมพลางจับจ้องมาตาแป๋ว
พี่สามมองถุงผ้าปักในมือนางด้วยแววตามืดมน ประกายตาของพี่สี่เขียนคำว่า ‘อยากได้’ ตัวโตเอาไว้ด้านใน พี่ห้าเองก็จับจ้องถุงผ้าปักลายในมือนางด้วยดวงตาวาววับ ประหนึ่งอยากจะคว้าเอามาแขวนไว้ที่เอวในทันที
พี่หกมองด้วยใบหน้าบูดบึ้ง สายตาฟ้องนางว่าไม่ยุติธรรม ส่วนพี่ชายที่เหลืออีกสองคนก็มองมาด้วยความคับข้องใจเช่นเดียวกัน
เสี่ยวเป่า: QAQ
นางมีมือเพียงคู่เดียว ทั้งยังอยู่ระหว่างการเรียนรู้เรื่องเย็บปักถักร้อย การทำขึ้นมาแม้ชิ้นเดียวก็นับเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับนางแล้ว
“อันนี้น่าเกลียด ไว้เสี่ยวเป่าปักอันใหม่ให้พวกท่านพี่ดีหรือไม่~?”
เสียงนุ่มนิ่มของเจ้าก้อนแป้งเอ่ยออดอ้อนได้อย่างชำนิชำนาญยิ่ง
เมื่อเผชิญกับดวงตารื้นน้ำน่าสงสารของน้องสาว จะมีใครกล้าพูดเรื่องนี้กับนางออกมาอีก
ถึงถุงผ้าปักลายจะไม่น่าดู แต่ก็เป็นสิ่งที่น้องหญิงทำขึ้นเองกับมือ พวกเขาล้วนไม่รู้สึกรังเกียจแม้แต่น้อย
ไม่ว่าใครที่ได้ถุงผ้าปักทำเองจากน้องหญิงเป็นคนแรก คนผู้นั้นย่อมต้องห้อยมันเอาไว้ข้างเอว เพื่ออวดเหล่าพี่น้องคนอื่นอย่างแน่นอน
หนานกงฉีหลิงเอ่ย “ข้าได้ยินมาจากเสด็จแม่ว่าที่นั่นหนาวไวเป็นอย่างยิ่ง น้องหญิงช่วยข้าส่งเสื้อขนสัตว์ไปให้พี่รองด้วยเถิด”
ว่าไป เขาก็ไม่ได้พบพี่รองมาครึ่งปีแล้ว ในเมื่อน้องหญิงต้องการส่งของไปให้พี่รอง เช่นนั้นเขาเองก็จะฝากส่งของไปบ้างด้วย
หนานกงฉีเฉินเชิดคางขึ้นเล็กน้อย “ช่วยข้าส่งมีดสั้นสำหรับป้องกันตัวไปให้พี่รองด้วย”
คนอื่น ๆ เองก็ต่างพูดสิ่งที่ตนเองต้องการฝาก มีเพียงองค์ชายสามอย่างหนานกงฉีอวิ๋นเท่านั้นที่ยังคงขมวดคิ้วครุ่นคิดเป็นเวลานาน หลังจากนั้นก็ต้องรู้สึกผิดหวังเมื่อพบว่าตนไม่มีสิ่งใดที่สามารถส่งมอบให้ได้
เสี่ยวเป่าโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของเขาแล้วกระซิบบอกว่า “ท่านส่งไม้แกะสลักเป็นรูปเสี่ยวเป่าก็ได้ พี่รองจะต้องคิดถึงเสี่ยวเป่าอย่างแน่นอน”
เจ้าก้อนแป้งตัวน้อยช่างหลงตัวเองเป็นที่สุดจริง ๆ
นี่เป็นความลับเล็ก ๆ ที่เสี่ยวเป่าเพิ่งค้นพบหลังจากใกล้ชิดกับพี่สาม
พี่สามชื่นชอบกลไกและการแกะสลักไม้เป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ก็เคยส่งไม้แกะสลักรูปสัตว์ตัวน้อยที่ดูเหมือนจริงเป็นอย่างมาให้กับนาง ทั้งยังลงสีสันอย่างละเอียดประณีต งานไม้แกะสลักขนาดเท่าฝ่ามือไม่เพียงแต่จะดูดีเท่านั้น แต่ยังสนุกมากอีกด้วย
เนื่องจากงานไม้แกะสลักของเขานั้นมีกลไกทำให้มันเคลื่อนไหวได้ เสี่ยวเป่าจึงนำมันออกมาเล่นทุกวันก่อนจะเอาไปเก็บรักษาไว้อย่างดี
หนานกงฉีอวิ๋นพลันเกิดความลังเลขึ้นมาเล็กน้อย “พี่รองจะชอบอย่างนั้นหรือ?”
เขาเริ่มชอบการแกะสลักไม้ตั้งแต่ยังเด็ก ยามนั้นเขามักจะเก็บตัวอยู่ในห้องเพียงลำพัง ข้างกายมีเพียงแมวหรือสุนัขหนึ่งตัวอยู่เคียงข้าง ระหว่างนั้นก็บรรจงแกะสลักไม้ให้เป็นรูปร่างดั่งใจต้องการ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกสงบและประสบความสำเร็จ
แต่นอกจากแม่นมที่เขาเติบโตขึ้นมาด้วยแล้ว เขาก็ไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใครอื่น
เพราะแม่นมบอกเขาว่าของเล่นเหล่านี้ในสายตาผู้อื่นมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ งานไม้มีราคาถูก ส่วนเขามีฐานะเป็นถึงองค์ชาย หากเสด็จพ่อทรงทราบเรื่องนี้เข้า ก็จะยิ่งไม่ชอบเขามากขึ้น และถ้าผู้อื่นรู้เรื่องนี้เข้าก็จะยิ่งดูหมิ่นดูแคลนเขา
ดังนั้น เขาจึงต้องแอบแกะสลักสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาโดยไม่กล้าให้ผู้ใดพบเห็น
แต่ก็เป็นเรื่องบังเอิญที่เสี่ยวเป่ามาพบเรื่องนี้เข้าด้วยตัวเอง
คาดไม่ถึงว่าน้องหญิงไม่เพียงแต่ไม่รังเกียจเขา แต่ยังเอ่ยชื่นชมว่าเขาเก่งเป็นอย่างยิ่งด้วย
ในตอนนั้น หนานกงฉีอวิ๋นเต็มไปด้วยความตื้นตัน เป็นเรื่องน่าดีใจจริง ๆ ที่ความชอบของตนเองได้รับการยอมรับและชื่นชม
เรื่องนี้กลายมาเป็นความลับระหว่างเขากับน้องหญิง เสี่ยวเป่าเองก็สัญญากับเขาแล้วว่า จะไม่บอกเรื่องนี้ให้ผู้อื่นรู้
“เสี่ยวเป่าจะเขียนจดหมายว่าพี่สามซื้อสิ่งนี้มาให้”
หนานกงฉีอวิ๋นไม่มีสิ่งใดที่สามารถมอบให้พี่รองได้จริง ๆ ตัวเขานั้นค่อนข้างจะแร้นแค้นอยู่บ้าง
พอได้ยินน้องหญิงเอ่ยเสนอออกมาเช่นนี้ เขาก็พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกับพยักหน้า
“ดี”
หลังจากนั้น เมื่อกลับไปที่ตำหนักของตนเองแล้ว เขาก็หยิบกล่องที่ซ่อนเอาไว้ใต้เตียงออกมา เมื่อเปิดออกก็พบเข้ากับไม้ที่ถูกแกะสลักเป็นจำนวนมาก
แต่ละชิ้นล้วนงดงามละเอียดอ่อนราวกับงานศิลปะ
ในหมู่ผลงานเหล่านั้นมีเด็กน้อยที่ใส่ชุดแตกต่างกันไปอยู่ ทอดแบบท่าทางและบรรยายกาศมาได้เป็นอย่างดี ราวกับเสี่ยวเป่าตัวน้อยที่มีชีวิตอยู่จริง ๆ
ตุ๊กตาเสี่ยวเป่าในมือน่ารักมากเสียจนไม่อาจตัดใจทิ้งได้ลง
นี่คือสิ่งที่เขามักจะแกะสลักออกมาทุกครั้งที่มีเวลา ทุกย่างก้าวท่วงท่าของน้องหญิงล้วนสลักอยู่ในหัวของเขา พร้อมถูกถ่ายทอดออกมาได้สมจริงที่สุด
[1] ไกลหอมใกล้เหม็น (远香近臭) หมายถึง ยิ่งใกล้ชิดยิ่งมีปัญหา ทว่าเมื่ออยู่ไกลกลับคิดถึง