บทที่ 137 รักษา
บทที่ 137 รักษา
นอกเหนือจากนี้มันยังแตกต่างจากตุ๊กตาแกะสลักแข็งทื่อทั่วไป ตุ๊กตาที่หนานกงฉืออวิ๋นแกะสลักออกมานั้น ข้อต่อตรงแขนขาและคอทั้งหมดล้วนสามารถขยับได้
เสี่ยวเป่าชะโงกหน้าไปมองก่อนร้องว้าวออกมา หลังจากนั้นก็ถือตุ๊กตาหน้าเหมือนตนเองขึ้นมาจิ้มดู แม้จะทำขึ้นจากไม้ แต่มองด้วยตาเปล่าก็ดูราวกับมีเนื้อนุ่มนิ่มจริงๆ
ในที่สุด นางก็เข้าใจเสียทีว่าเหตุใดพวกผู้ใหญ่ชอบหยิกแก้มกลม ๆ ของนางนัก
“ฮิฮิ เหมือนกับเสี่ยวเป่าเลย พี่สาม ท่านเก่งยิ่งนัก!”
พูดไม่พอยังยกนิ้วโป้งให้ด้วย
หนานกงฉีอวิ๋นที่ถูกน้องหญิงชมเชยปรากฏริ้วสีแดงสองแถบบนใบหน้าขาวซีด เขารู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าดวงตากลับเปล่งประกายวับวาว
ของที่ตนเองทำขึ้นมานั้นได้รับคำชมเชย ภายในใจของหนานกงฉีอวิ๋นเต็มไปด้วยความพึงพอใจและประสบความสำเร็จ
แต่เมื่อต้องเลือกตุ๊กตาตัวที่จะส่งให้กับพี่รอง เขาก็เกิดความลังเลขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจากเขาชอบตุ๊กตาทุกตัวเป็นอย่างมาก และไม่ต้องการจะเสียไปแม้แต่น้อย
ทว่าสุดท้ายแล้ว เขาก็เลือกตุ๊กตาที่ถือเฉ่าเหมยไว้ในมือออกมา
“ตัวนี้”
แววตาและท่าทางของเขาดูไม่เต็มใจที่จะต้องเสียมันไปสักเท่าไหร่
เสี่ยวเป่ากอดตุ๊กตาไม้แกะสลักขนาดยาวเท่าแขนของตนเองเอาไว้ พี่สามไม่ได้เพียงแต่แกะสลักตัวตุ๊กตาไม้ขึ้นมาเท่านั้น กระทั่งเสื้อผ้าก็ล้วนเป็นพี่สามที่ทำขึ้นมาเองตามแบบเสื้อผ้าที่นางใส่
ในยุคนี้ หนานกงฉีอวิ๋นเป็นผู้ชาย ทั้งยังเป็นถึงองค์ชาย หากผู้อื่นรู้เรื่องนี้ เขาจะต้องถูกดูหมิ่นดูแคลนอย่างแน่นอน
แต่เสี่ยวเป่านั้นไม่ได้คิดอะไรมาก นางเพียงแค่รู้สึกว่าพี่สามเก่งกาจยิ่งนัก
เด็กเล็กนั่งเล่นตุ๊กตาข้างพี่สาม ไม่มีสาวน้อยคนใดที่สามารถต้านทานของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่น่ารักสวยงามได้
“ท่านพี่ ตุ๊กตาตัวนี้สามารถเปลี่ยนชุดได้หรือไม่?”
เสี่ยวเป่าจับกระโปรงของตุ๊กตาขึ้นมาดูสักพัก ก็ถามออกไป เพราะนางจำได้ว่าในชาติที่แล้ว โลกที่นางอยู่มีบางคนชื่นชอบการเล่นตุ๊กตาเป็นอย่างมาก ตุ๊กตานั้นไม่เพียงแต่สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ ทว่ายังสามารถเปลี่ยนทรงผมได้ด้วย!
น่าเสียดายที่เส้นผมของตุ๊กตาตัวนี้เองก็ถูกแกะสลักขึ้นจากไม้ แม้ว่ามันจะสวย ทว่าก็ดูไม่พลิ้วไหว
เสี่ยวเป่าส่งเสียงเจื้อยแจ้วพูดคุยกับพี่สาม
“ถ้าสามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ ตุ๊กตาก็จะใส่เสื้อผ้าต่างออกไปทุกวันเหมือนกับเสี่ยวเป่า ยังมีเรื่องทรงผมอีกด้วย ถ้าหาสิ่งที่เป็นเส้น ๆ มาทำเป็นเส้นผมปลอม เช่นนั้นแล้วเสี่ยวเป่าก็จะมีทรงผมต่างออกไปทุกวัน…”
เด็กน้อยยังคงพูดต่อไป ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่านัยน์ตาของหนานกงฉีอวิ๋นยิ่งฟังยิ่งเปล่งประกาย
ตอนที่ทำเสื้อผ้าให้ตุ๊กตา เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย คิดเพียงว่าทำชุดไหนขึ้นมาก็เป็นชุดของตุ๊กตาตัวนั้น ไม่เคยคิดถึงเรื่องการเปลี่ยนมาก่อน อีกทั้งยังมีเรื่องของเส้นผม ทุกครั้งที่เขาแกะสลักไม้เป็นเส้นผมมักรู้สึกว่าขาดสิ่งใดไปบางจุดอยู่เสมอ พอมาตอนนี้ได้ฟังคำพูดของเสี่ยวเป่า มันก็ทำให้เขากระจ่างแจ้งทันที
เส้นผมปลอมที่สามารถเปลี่ยนทรงผมได้ แม้จะยากอยู่บ้าง แต่สามารถคิดหาวิธีทำได้ หลังจากนั้นตุ๊กตาก็จะดูมีชีวิตชีวามากขึ้น!
หนานกงฉีอวิ๋นมองน้องหญิงด้วยดวงตาวาววับ ก่อนจะกอดนางแล้วเอาหน้าถูไถไปมา มุมปากแย้มยิ้มเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง
“ขอบคุณนะ”
เสี่ยวเป่าเป็นดาวนำโชคตัวน้อย ๆ ของเขาจริง ๆ!
เสี่ยวเป่า “???”
พี่ชาย ท่านกำลังพูดถึงเรื่องใดอยู่?
แล้วพี่สามก็จากไปโดยทิ้งตุ๊กตาสองตัวเอาไว้ในอ้อมแขนของเสี่ยวเป่า
ตัวหนึ่งสำหรับส่งให้พี่รอง อีกตัวสำหรับให้นางไว้เล่นเอง
นางกลับตำหนักฉินเจิ้งอย่างมีความสุข ของขวัญจากพี่ชายคนอื่น ๆ ที่ต้องการส่งให้พี่รองก็มาส่งเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ของถูกห่อรวมไว้ด้วยกันเพื่อส่งให้พี่รอง
คราวที่แล้วมีแตงโมสุกจำนวนไม่มาก ดังนั้นจึงสามารถแบ่งส่งไปให้พี่รองได้เพียงแค่สองลูก ทว่าครั้งนี้สามารถส่งให้พี่รองได้ถึงสิบลูก
แต่แตงโมเหล่านี้เก็บเกี่ยวแล้วก็หมดไป หากอยากกินอีกก็ต้องรอจนถึงปีหน้า
หลังจากห่อข้าวของทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเป่าก็ใช้ขาสั้น ๆ เดินตามหาท่านพ่อ
ยังเหลือของท่านอาสี่ แม้จะยังไม่เคยพบหน้า แต่อย่างไรเสียก็เป็นท่านอาของตนเอง ไม่สามารถลืมเขาได้
นางไม่รู้เลยว่าท่านอาสี่จะกลับมาเมื่อใด และเขาเป็นคนเช่นไร
ระหว่างสิ่งของที่เสี่ยวเป่าส่งไปหาพี่รองกำลังเดินทาง การผ่าตัดของหนานกงฉีซิวก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ในวันนี้ แม้กระทั่งหนานกงสือเยวียนก็ยังเอ่ยลาหยุดอย่างหาได้อยาก หวงกุ้ยเฟยเองก็เดินทางออกจากพระราชวัง
“จะได้ผลจริงหรือ?”
ครั้งแรกตอนได้ยินว่า หมอปีศาจสามารถรักษาขาของบุตรชาย นางก็ได้พลันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ทว่าหลังจากได้ยินขั้นตอนการรักษา เซี่ยชิงหร่านก็เกือบจะเป็นลม เอ่ยคัดค้านออกมาอย่างสุดแรง
จวบจนทุกวันนี้ นางยังจำได้ว่าบุตรชายของตนต้องเจ็บปวดถึงเพียงใด ยามขาถูกม้าเหยียบในตอนนั้น
นางไม่ต้องการให้บุตรชายกลับไปเผชิญกับความเจ็บปวดเช่นนั้นอีกครั้ง มันเลวร้ายจนไม่อาจทานทนได้เสียยิ่งกว่าความตาย
แต่บุตรชายของนางยืนกรานที่จะเข้ารับการรักษา หลังจากผ่านการถกเถียงกันมาหลายวัน ในที่สุดนางก็ถูกบุตรชายเกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ
ตอนนี้การรักษาได้เริ่มขึ้นแล้ว ภายในใจของนางรู้สึกตึงเครียดกระวนกระวาย
“เสด็จแม่ พี่ใหญ่จะต้องไม่เป็นอันใดแน่นอน!”
หนานกงฉีเฉินจับมือเสด็จแม่ของตนเอง ดวงตาของเด็กชายเป็นประกายแน่วแน่ “จะต้องไม่เป็นอันใดแน่”
พี่ใหญ่ของเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ จะโดนปัญหาเล็กน้อยแค่นี้ทำให้สะดุดล้มได้อย่างไร!
เซี่ยชิงหร่านลูบปลายหางตา “ข้ารู้ แต่…หักกระดูกขาทั้งสองข้างแล้วต่อใหม่ ไม่ง่ายเลยที่พี่ใหญ่ของเจ้าจะสามารถผ่านช่วงเวลาอันเจ็บปวดนั้นมาได้ ตอนนี้เขาต้องกลับไปเจ็บปวดเช่นนั้นอีกครั้ง เหตุใดชีวิตของเขาจึงต้องทนทุกข์เช่นนี้กัน!”
เมื่อนึกถึงบุตรชายที่ต้องทนเจ็บปวดทรมาน ภายในใจของนางก็ยิ่งเกลียดชังผู้ที่ประทุษร้ายเขามากขึ้น แม้ว่าคนผู้นั้นจะตายไปแล้วก็ตาม
ตอนนี้นางรู้สึกว่าคนผู้นั้นตายง่ายเกินไป หาได้สาสมกับที่ควรไม่!
“พระสนม พี่ใหญ่จะต้องไม่เป็นอันใด”
เสี่ยวเป่าเองก็เดินมาอยู่ข้างกายนางพร้อมเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม
เซี่ยชิงหรานลูบหัวของนาง พยักหน้าให้ด้วยดวงตาแดงก่ำ
ทุกคนต่างเฝ้ารอ เวลาคล้ายผ่านไปอย่างเชื่องช้ากว่าที่เคย ขณะรอคอยเวลาหนึ่งวันประดุจหนึ่งปี ทว่าก็ไม่มีผู้ใดจากออกไป
หลังผ่านไปสักพัก เสี่ยวเป่าก็แนบหูกับประตู เพื่อฟังความเคลื่อนไหวด้านใน ทว่าภายในกลับไม่มีเสียงอันใด นอกเสียจากเสียงเลือดหยดในบางครั้ง ทำให้ยิ่งรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนมากกว่าเดิม
เสี่ยวเป่าเริ่มร้อนใจจนอยู่ไม่สุข เดินวนไปมาราวกับมดบนปากหม้อ
สุดท้ายหลังผ่านไปสองชั่วยามทุกอย่างก็เสร็จสิ้น
หมอปีศาจเดินออกมาจากห้อง การรักษาใช้เวลากว่าสองชั่วยาม ตลอดช่วงรักษาเขาต้องมีสมาธิจดจ่ออยู่ตลอดเวลาทำให้เหนื่อยล้าไม่น้อย
“เป็นอย่างไรบ้าง”
ทุกคนล้วนมองไปที่เขาเป็นตาเดียว
“ก่อนอื่นขอน้ำให้ข้าสักถ้วย”
เสียงของเจี่ยเจินแหบแห้งเล็กน้อย หนานกงฉีหลิงรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไปเอาน้ำมาให้ท่าน”
ยามนั้นเขาไม่ได้คิดสนใจเรื่องฐานะแต่อย่างใด
ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมาอย่างตึงเครียด เจี่ยเจินยื่นมือไปลูบหัวของเสี่ยวเป่า
“วางใจได้ หมอปีศาจอย่างข้าออกโรง กระทั่งคนใกล้ตาย ข้าก็สามารถพากลับมาได้”
ฟังคำพูดของเขาแล้ว ทุกคนก็เข้าใจได้ในทันทีว่าสำเร็จแล้ว
เซี่ยชิงหร่านปิดปากร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
ดียิ่งนัก ดียิ่งนัก!
หนานกงฉีเฉินเองก็ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
ส่วนหนานกงสือเยวียนนั้นถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นฉากแห่งความสุขอยู่เบื้องหน้า มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อยกลายเป็นรอยยิ้ม
เสี่ยวเป่ายิ้มกว้างจนเห็นฟันน้อย ๆ ดวงตาหรี่ลงจนแทบปิด
“อย่าเพิ่งรีบดีใจเร็วเกินไป แม้ว่าจะสำเร็จ แต่ตอนนี้องค์ชายใหญ่ยังอยู่ในฤทธิ์ของหมาเฟ่ยซ่าน จึงยังคงไม่รู้สึกตัว หากฤทธิ์ยาหมดลง เขาจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดมหาศาล” คำพูดของเจี่ยเจินราวกับเทน้ำเย็นราดลงใส่หัวพวกเขา
หลังจากได้ยินเช่นนี้แล้ว ทุกคนต่างก็สงบสติลง