บทที่ 192 องค์หญิงไท่จ่างสิ้นพระชนม์ด้วยอาการประชวร
บทที่ 192 องค์หญิงไท่จ่างสิ้นพระชนม์ด้วยอาการประชวร
นับตั้งแต่หลี่หนานจูถูกนำตัวไปคุมขัง อี๋กุ้ยเฟยถูกกักบริเวณ และจวนเซวียนผิงโหวถูกเก็บกวาด ฮ่องเต้ก็ไม่ได้พบเห็นพวกเขาอีก
ยามนี้แม้แต่องค์หญิงไท่จ่างเองก็เข้าหน้าไม่ติด
“ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง?” เซวียนผิงโหวถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ช่างเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเสียเหลือเกิน นอกจากองค์หญิงไท่จ่างจะไม่มีปากเสียงอันใดแล้ว นางถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อเพราะเรื่องในครั้งนี้
นางแก่ชราเป็นทุนเดิม พอมีเรื่องให้ต้องวิตกกังวล สุขภาพร่างกายจึงยิ่งย่ำแย่
“องค์หญิงไท่จ่างทรงวิตกกังวลมากเกินไป ยามนี้ได้แต่พึ่งยาเพื่อประคองอาการเท่านั้น ต่อไปจะต้องรักษาพระวรกายให้ดี”
เมื่อหมอหลวงออกไปแล้ว เซวียนผิงโหวจึงเข้าไปเยี่ยมนาง
ผมสีดอกเลาปกคลุมศีรษะของหญิงชรา นางจับมือเขาและพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่นว่า “เจ้าเด็กสารเลวนั่น หากรู้อย่างนี้ตอนนั้นข้าน่าจะให้ท่านพี่ฆ่ามันทิ้ง ตัดไฟเสียแต่ต้นลมให้รู้แล้วรู้รอด!”
นี่เป็นเรื่องที่องค์หญิงไท่จ่างนึกเสียใจเป็นที่สุด ยามนั้นทุกคนต่างคิดว่าเด็กหนุ่มในวันนั้นหาได้เป็นภัยคุกคามไม่ และเพื่อให้ผู้อื่นได้เห็นถึงความมีเมตตาธรรมของพวกตน จึงได้เก็บเด็กคนนี้ไว้โดยเชื่อว่าเขาจะไม่สร้างปัญหาอันใดให้
ทว่าสุดท้าย พวกเขาก็หยิ่งผยองเกินกว่าจะมองเห็นจิตใจที่โหดเหี้ยมและทะเยอทะยานของเด็กหนุ่ม ปล่อยให้เขาสังหารบิดาและญาติพี่น้องเพื่อช่วงชิงตำแหน่ง ทำให้จวนเซวียนผิงโหวต้องเผชิญกับชะตากรรมเช่นในวันนี้
“คนจิตใจอำมหิตสังหารพ่อและญาติพี่น้องของตนได้ลงคอ ไม่ช้าก็เร็ว ต้องถูกสวรรค์ลงโทษ!”
องค์หญิงไท่จ่างทั้งก่นด่าและสาปแช่งอย่างหืดหอบ เซวียนผิงโหวจำต้องรีบตัดบทนาง
สายตาหวาดหวั่นของเซวียนผิงโหวจ้องมองไปที่มารดาเฒ่า ฝ่ามือชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ “ท่านแม่โปรดระวังด้วย หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง”
องค์หญิงไท่จ่างหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “แล้วอย่างไรเล่า ครั้งนี้หนานกงสือเยวียนคิดจะกำจัดลูกสาวข้า กำจัดจวนเซวียนผิงโหวอยู่แล้วนี่!”
ดวงตาขุ่นมัวของนางมีแต่ความอาฆาตแค้น “คนอกตัญญูเช่นนี้ต้องตกนรก! ตกนรกหมกไหม้!”
บัดนี้ จิตใจของเซวียนผิงโหวสั่นสะท้านแลสิ้นหวัง ท่านแม่ผู้ปราดเปรื่องและมีไหวพริบอยู่เสมอถึงกับพูดเช่นนี้
ดูท่าในสายตาของนาง จวนเซวียนผิงโหวคงถึงคราวจบสิ้นแล้วจริง ๆ
แต่ว่าเขายังรักตัวกลัวตาย ด้วยความที่ยังหนุ่มยังแน่น มีทรัพย์สมบัติและเกียรติยศอีกมากมายที่รอให้เขาได้เพลิดเพลิน
เซวียนผิงโหวกำชับบ่าวรับใช้ให้ดูแลองค์หญิงไท่จ่างอย่างขอไปที จากนั้นก็โซเซย่ำเท้าออกไป หรือว่าเขาจะทำได้เพียงนอนรอความตายเท่านั้น?
เมื่อกลับมาถึงเรือนของตน เซวียนผิงโหวที่กายใจอ่อนล้าเต็มที ครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียดแต่ก็ไร้หนทาง ทำได้เพียงสาปแช่งด่าทอหลี่หนานจูและอี๋กุ้ยเฟย น้องสาวของตนอย่างโกรธเกรี้ยว
เซวียนผิงโหวรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากปากของมารดา หลายวันมานี้เขาไปสอบถามจนล่วงรู้ความลับที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แล้ว เซวียนผิงโหวพบว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล มีคนยืมมือบุตรสาวของเขาเพื่อทำร้ายองค์หญิงเจาเสวี่ย!
แต่เมื่อตามสืบจากเบาะแสที่มีอยู่ กลับทำให้เซวียนผิงโหวโกรธแค้นและสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม เพราะว่ามือที่มองไม่เห็นซึ่งคอยบงการอยู่หลังฉากก็คืออี๋กุ้ยเฟย น้องสาวตัวดีของเขาเอง!
นางเสียสติไปแล้วหรือ!
นางงูพิษนั่นคิดจะทำลายทุกคนในจวนเซวียนผิงโหวหรืออย่างไร!!!
เซวียนผิงโหวตาแดงก่ำ หากหลี่เซียงอี๋อยู่ที่นี่ เขาคงบีบคอนางให้ตายคามือไปแล้ว
เดิมทีคิดว่าการที่นางได้เข้าวังจะนำพาความเจริญรุ่งเรืองมาให้แก่พวกเขา แต่ไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งที่รออยู่จะเป็นหายนะ
ทันใดนั้น ฮูหยินเซวียนผิงโหวก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ไปขอความช่วยเหลือจากองค์ชายรองสิ ต่อให้องค์ชายรองกับอี๋กุ้ยเฟยจะมีเรื่องบาดหมางกันเพียงใด แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสายเลือดเดียวกัน ท่านเป็นลุงของเขา เขาต้องไม่ใจจืดใจดำแน่! ”
เซวียนผิงโหวราวกับเห็นความหวังสุดท้ายอันริบหรี่ “จริงด้วย องค์ชายรอง พวกเรายังมีองค์ชายรอง”
เขารีบเร่งเขียนจดหมายทันที
“จากเมืองหลวงไปยังชายแดน ต่อให้ใช้ม้าเร็วก็ต้องใช้เวลาถึงห้าวัน หากเวลานั้นฝ่าบาทตัดสินโทษพวกเรา…”
เซวียนผิงโหวหยุดมือที่กำลังเขียนจดหมาย “เช่นนั้นจะทำอย่างไร ทำอย่างไรดีเล่า!”
เขากระหืดกระหอบและตกอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง
ฮูหยินเซวียนผิงโหวมองเขาด้วยสายตารังเกียจ เจ้าคนสวะไม่ได้เรื่อง หากตอนนั้นไม่ได้เห็นแก่อำนาจบารมีขององค์หญิงไท่จ่าง นางจะไม่มีวันแต่งกับคนเช่นนี้เด็ดขาด!
อีกทั้งคราวก่อนทั้งสองเพิ่งมีเรื่องให้วิวาทกัน สายสัมพันธ์สามีภรรยาตลอดหลายปีจึงเป็นอันขาดสะบั้นไป
“อ้างเรื่องงานศพสิ บีบให้องค์ชายรองรีบกลับมา”
ความอาฆาตมาดร้ายส่องประกายออกมาจากดวงตาของนาง
เซวียนผิงโหวเงยหน้ามองนางด้วยความหวาดผวา
คนที่เหมาะจะอ้างเรื่องงานศพที่สุดในตอนนี้ เห็นทีจะมีแค่องค์หญิงไท่จ่างที่กำลังป่วยหนักเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น หากองค์หญิงไท่จ่างสิ้นพระชนม์ด้วยอาการประชวร ต่อให้ฮ่องเต้อยากจะกำจัดเซวียนผิงโหวเพียงใด ก็ต้องเห็นแก่วงศ์ตระกูลและความกตัญญู แล้วพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน รอให้องค์ชายรองกลับมาแล้ว พวกเขาค่อยคิดหาทางให้องค์ชายรองขอความเมตตาจากฮ่องเต้
แม้จะเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ แต่ว่า…
ฮูหยินเซวียนผิงโหวประชดประชัน พลางมองใบหน้าที่กำลังลังเลของสามี “องค์หญิงไท่จ่างใช้ชีวิตมาจนอายุปูนนี้ ชื่อเสียงและเกียรติยศมากมายก็เพลิดเพลินจนพอแล้ว นางเป็นหญิงแก่ไร้ศีลธรรม อีกอย่างท่านอย่าลืมว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะผู้ใด ข้าได้ให้ทางเลือกกับท่านแล้ว ท่านจะตัดสินใจเช่นไรมันก็ขึ้นอยู่กับท่าน จะเลือกแม่ที่แก่ชราลงทุกวันและลากจวนเซวียนผิงโหวให้จมไปด้วย หรือเลือกทั้งชีวิตของเซวียนผิงโหว”
พูดจบนางก็เดินออกไป ทิ้งให้เซวียนผิงโหวนั่งไร้วิญญาณอยู่ภายในห้อง เดี๋ยวกำเดี๋ยวปล่อยพู่กันในมือ จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้
ท่านแม่ ท่านมีชีวิตมานานเกินพอแล้ว แต่ลูกยังอยากใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ท่านอโหสิให้ข้าเถิดนะ
วันถัดมา ข่าวองค์หญิงไท่จ่างสิ้นพระชนม์ด้วยอาการประชวรก็แพร่สะพัดไปทั่วทุกตรอกซอกซอยของเมืองหลวง
เซวียนผิงโหวสวมชุดไว้ทุกข์ทูลขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้
เมื่อได้พบกับฝ่าบาท เขาก็คุกเข่าลงและร้องไห้อย่างโศกาดูร “ฝ่าบาท พวกกระหม่อมทำผิดต่อฝ่าบาท…”
เขาสาธยายความผิดที่จวนเซวียนผิงโหวได้กระทำลงไป ทูลว่าเป็นเพราะพวกเขาอบรมสั่งสอนลูกหลานได้ไม่ดี บุตรสาวของตนจึงก่อความผิดใหญ่หลวง ทั้งยังเรียกร้องความเห็นใจด้วยการเอ่ยว่าองค์หญิงไท่จ่างเศร้าโศกและสำนึกในความผิด ก่อนที่นางจะสิ้นใจไป
หนานกงสือเยวียนมองเขาอย่างนิ่งเฉย กระทั่งเซวียนผิงโหวหัวโขกพื้นจนเลือดออก และร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง เขาจึงเอ่ยขึ้นอย่างแช่มช้า
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เรื่องคุณหนูตระกูลหลี่ค่อยพิจารณาหลังจากจัดงานพิธีศพขององค์หญิงไท่จ่างก็แล้วกัน ปลดอี๋กุ้ยเฟยจากตำแหน่งกุ้ยเฟย ให้นางกลับไปยังจวนเซวียนผิงโหวเพื่อไว้ทุกข์”
สีหน้าของเซวียนผิงโหวแปรเปลี่ยนไปในบัดดล แต่เขาไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจาก “ขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงสือเยวียนหมุนตัวเดินจากไป ดวงตาฉายแวววูบไหวอย่างประหลาด
หลี่เซียงอี๋ถูกปลดจากตำแหน่งกุ้ยเฟยกลับไปอยู่ที่จวนเซวียนผิงโหว และต้องเผชิญหน้ากับเซวียนผิงโหวที่พร้อมจะบดขยี้นางเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องสนุกอันใดเกิดขึ้นบ้าง
ใช่แล้ว เบาะแสที่เซวียนผิงโหวสืบเจอพวกนั้นล้วนเป็นความตั้งใจของเขา
องค์หญิงไท่จ่างละทิ้งหลานสาวเพื่อบุตรสาวของตน ทั้งยังปิดบังความจริงจากบุตรชาย
แต่ทุกอย่างล้วนอยู่ในแผนของหนานกงสือเยวียน สุดท้ายเซวียนผิงโหวก็รู้ความจริงจนได้
เซวียนผิงโหวจึงโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเดิมด้วยเหตุนี้
น้องสาวของเขาหลอกใช้หลานสาวแท้ ๆ ทำร้ายองค์หญิงเจาเสวี่ย และทำให้จวนเซวียนผิงโหวต้องตกที่นั่งลำบาก ทว่ามารดาของเขากลับปิดบังเรื่องนี้เอาไว้เพื่อลูกสาวเพียงคนเดียว
นี่เองเป็นสาเหตุให้เซวียนผิงโหวตัดสินใจแน่วแน่ที่จะใช้วิธีของฮูหยิน
“จับตาดูจวนเซวียนผิงโหวต่อไป”
“พ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์เงาที่ซ่อนตัวราวกับผีสางหายวับไป เซวียนผิงโหวไม่ล่วงรู้เลยว่าทุกการกระทำของพวกเขาล้วนอยู่ในการควบคุมของฮ่องเต้