เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช – บทที่ 268 พี่รอง ไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้!

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 268 พี่รอง ไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้!

บทที่ 268 พี่รอง ไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้!

ยามนี้เสี่ยวเป่าทำสิ่งที่เรียกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาได้สำเร็จ มิหนำซ้ำมันยังสามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้ถึงหนึ่งเดือน!

นี่ตรงกับแนวคิดอันใดกัน

ปัจจัยสำคัญสามประการของการทำศึกสงคราม ได้แก่ กองกำลังทหาร เสบียงอาหาร และยุทโธปกรณ์

ทั้งสามประการไม่อาจขาดสิ่งใดได้ สำหรับเสบียงในสนามรบ เพื่อเป็นการประหยัดเวลาจึงมักถูกจัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าให้อยู่ในสภาพขนมปิ่ง มันแข็งประหนึ่งก้อนหิน อีกทั้งนอกจากความเค็มแล้วก็ไม่มีรสชาติอื่นใด

ทำให้อิ่มท้องได้ แต่ต้องใช้คำว่าจำใจฝืนกิน

การออกรบเผาผลาญพลังกายเป็นอย่างมาก หากขาดแคลนเสบียงอาหารก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ขนมปิ่งจึงช่วยรักษาชีวิตพวกเขาเอาไว้ได้

ขนมอบที่เสี่ยวเป่าทำออกมาคล้ายคลึงกับขนมปิ่งเหล่านั้น ขณะเดียวกันก็แตกต่างโดยสิ้นเชิง

ขนมอบนั้นกรอบมีหลากรสชาติ อีกทั้งยังอร่อยและทำให้อิ่มท้องได้ แม้ว่าจะไม่รู้สึกอิ่มเท่ากับขนมปิ่งก็ตาม

ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หนานกงฉีโม่ไม่เคยได้ยินเสี่ยวเป่าเอ่ยถึงมาก่อน ดังนั้นจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย

เด็กน้อยหยิบบะหมี่สำเร็จรูปออกมา

“เจ้านี่เป็นสิ่งที่กินง่ายมาก”

ตัวบะหมี่นั้นทำง่าย จุดสำคัญมีแค่ต้องทำให้แห้งเพื่อคงสภาพเดิมเอาไว้ แต่เครื่องปรุงนั้นทำยาก

สุดท้ายหลังผ่านการลองผิดถูกมานับครั้งไม่ถ้วน ผลจากความพยายามก็ได้ออกมาเป็นน้ำต้มกระดูกและพริกที่สามารถเก็บรักษาเอาไว้ในกระปุกปิดสนิทเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน

ตัวพริกนั้นเอาไปทอดในน้ำมัน จากนั้นก็บรรจุไว้ภายในกระปุกปิดสนิท ขอเพียงแค่เก็บรักษาอย่างเหมาะสมต่อไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะอยู่ได้นานกว่าหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ

ส่วนเครื่องปรุงนั้น ในยามนี้สามารถทำออกมาได้เพียงจำนวนน้อย เสี่ยวเป่าไม่เคยทำสิ่งนี้มาก่อน ดังนั้นจึงได้แต่บอกความคิดกับแนวทาง หลังจากนั้นก็เป็นเหล่าพ่อครัวในห้องเครื่องปรึกษาและร่วมมือกันทำออกมา

กล่าวได้ว่าเรื่องเฉพาะด้านก็ปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญนั้นทำไป ส่วนนางมีหน้าที่แค่กินอย่างเดียว!

“ใส่เส้นบะหมี่ลงไป น้ำต้มกระดูกอีกหนึ่งช้อน ตามด้วยพริก ก่อนจะผสมทั้งสามอย่าง

เข้าด้วยกัน จากนั้นก็ใส่น้ำเดือดลงไป แล้วรออีกเพียงครู่เดียว”

เพราะในยุคสมัยนี้ไม่มีถุงซีลปิดผนึก ดังนั้นพริกและน้ำต้มกระดูกจึงถูกบรรจุใส่ในขวดไม้ที่ผ่านการดัดแปลงเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถปิดเก็บได้ดียิ่งขึ้น เมื่อต้องการกินก็เพียงแค่ตักออกมาทีละช้อน หลังจากกินเสร็จก็ปิดเก็บกลับไปไว้ในที่ร่ม

ขณะที่กำลังรอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เสี่ยวเป่าก็หยิบสิ่งที่ตนแอบซุ่มทำอยู่หลายวันออกมา

“ท่านพี่ดู นี่เป็นของขวัญจากเสี่ยวเป่าเอง เสี่ยวเป่ามอบให้ท่าน!”

กล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ขนาดเท่าฝ่ามือถูกเปิดออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน

ดวงตาจิ้งจอกของหนานกงฉีโม่เบิกกว้างทันทีที่เห็น

“นี่คือสิ่งใดหรือ”

เขาหยิบสิ่งที่อยู่ภายในกล่องออกมา

มันเป็นตุ๊กตาดินเผาที่ขนาดไม่ใหญ่เกินฝ่ามือ มีสีขาวราวหิมะให้ความรู้สึกประณีตและละเอียดอ่อน ใบหน้าของตุ๊กตาดินเผาถอดแบบมาจากเสี่ยวเป่าอย่างสมบูรณ์ เพียงแต่อยู่ในรูปลักษณ์ตุ๊กตาหัวโต ในมือถือเฉ่าเหมยเอาไว้พร้อมทำปากมุ่ย ดวงตาสีดำขลับดูเปล่งประกายเป็นอย่างมาก

แม้ว่าตุ๊กตาดินเผาจะมีสีขาวราวหิมะ ทว่าดวงตา เส้นผม หรือกระทั่งเสื้อผ้าและเครื่องประดับล้วนลงสีเพิ่มเติม

เครื่องลายครามที่มีหลากสีสันในชิ้นเดียวเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงเขาเลย กระทั่งเสด็จพ่อก็ยังไม่เคยเห็น!

เจ้าก้อนแป้งที่อยู่ด้านหน้าแสดงท่าทางภาคภูมิใจ คางน้อย ๆ เชิดขึ้นพร้อมเอ่ยออกมาด้วยเสียงนุ่มนิ่มบราวนี่ออนไลน์

“ดูดีใช่หรือไม่”

หนานกงฉีโม่ถือตุ๊กตาดินเผาหัวโตมาไว้ด้านข้างเสี่ยวเป่า

เสี่ยวเป่าหันหน้าไปมอง ก่อนจงใจทำท่าทางเลียนแบบโดยการมุ่ยปากน้อย ๆ ของตน

ไม่อาจใช้คำว่าคล้ายได้ ต้องกล่าวว่ามันเหมือนกันทุกประการ!

หนานกงฉีโม่อดหยิกแก้มกลม ๆ ของนางไม่ได้ เจ้าตัวน้อยนี่จะน่ารักเกินไปแล้ว

ตุ๊กตาดินเผาที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนนี้มีขนาดเพียงฝ่ามือเท่านั้น ทั้งงดงามและพกพาสะดวก สามารถถือเอาไว้แล้วเล่นด้วยได้ตลอดเวลา

“ทำขึ้นมาเช่นไร”

ในแววตาของชายหนุ่มมีรอยยิ้มอยู่ เขาลูบหัวของเสี่ยวเป่าด้วยความภาคภูมิใจ

น้องหญิงของเขาแตกต่างจากคนอื่นจริง ๆ ขณะที่เด็กคนอื่นอายุสามขวบยังเที่ยวป่วนภายในบ้าน ทว่าน้องหญิงกลับสามารถทำเรื่องมากมายเช่นนี้ได้

หากคิดดูให้ดีแล้ว ทุกสิ่งที่เสี่ยวเป่าทำขึ้นส่วนใหญ่ก็เพื่อพวกเขาทั้งนั้น

เพราะกลัวว่าเขาจะหนาวจึงคิดวิธีใช้ขนสัตว์ ทั้งยังทำให้พวกเขารู้จักคุณประโยชน์ของขนสัตว์ เพราะกลัวพวกเขาไม่ได้กินของอร่อย จึงปลูกเฉ่าเหมยและผักแปลกประหลาดทว่าอร่อยเหล่านั้นขึ้นมา เพราะกลัวว่าเขาจะต้องทนความยากลำบากระหว่างเดินทางไปชายแดน จึงทำขนมปิ่งและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมา เพราะเป็นวันเกิดของเสด็จพ่อ จึงตระเตรียมสุราที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะได้ยินเขาบอกว่าผู้คนเมืองด่านหน้าไม่ได้กินดีอยู่ดี จึงปลูกมันเทศและข้าวสาลีที่งอกงาม อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องหญ้าสำหรับเลี้ยงม้าด้วย…

เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเริ่มจากสิ่งธรรมดาอย่างความห่วงใยของเสี่ยวเป่าที่มีต่อพวกเขา ทุกสิ่งที่นางทำก็เพื่อพวกเขา ทว่ากลับส่งผลต่อทั้งต้าเซี่ย

ถึงกระนั้นก็ดูเหมือนน้องหญิงจะไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งที่ตนทำขึ้นมาเลยสักนิด

“ท่านพี่ชอบหรือไม่ ยังมีหนูชางฉู่ตัวน้อยนี่ด้วย”

เสี่ยวเป่าหยิบตุ๊กตาดินเผาขนาดเล็กอีกชิ้นออกมาจากกล่อง

มันเป็นหนูชางฉู่ตัวน้อยสีครีม ดูโดยรวมแล้วค่อนข้างอ้วนกลม ในมือเองก็ถือเฉ่าเหมยขนาดเกือบเท่าร่างของมันไว้ บนเฉ่าเหมยมีรอยแหว่งอยู่เล็กน้อย ส่วนแก้มสองข้างของหนูชางฉู่ตัวน้อยพองกลม ดวงตาคู่เล็กราวกับจะเปล่งประกายออกมาได้

“เสี่ยวเป่าเกิดปีชวด ดังนั้นนี่ก็เป็นเสี่ยวเป่า”

หนูชางฉู่เองก็เป็นตุ๊กตาหัวโตเช่นเดียวกัน เมื่อวางไว้บนฝ่ามือแล้วดูนุ่มนิ่มชวนให้หัวใจละลายยิ่งนัก

หนานกงฉีโม่คาดไม่ถึงมาก่อนเลย ว่าหนูก็ยังสามารถออกมาเช่นนี้ได้!

ทุกคนต่างมีความประทับใจที่ไม่ดีกับหนู ปีนักษัตรที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุดก็คือปีชวด

แต่เสี่ยวเป่ากลับทำลายภาพลักษณ์ของหนูในมุมมองของเขาโดยสิ้นเชิง หนูก็สามารถน่ารักได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ!

เขามองหนูชางฉู่ตัวน้อยที่ขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าฝ่ามือ มันดูเปี่ยมชีวิตชีวาราวกับของจริงจนอดยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มที่ป่องออกมาไม่ได้

“นี่คือหนูหรือ”

จะน่ารักถึงเพียงนี้ได้อย่างไร! เขาไม่เชื่อ!!!

เสี่ยวเป่าเท้ามือน้อย ๆ บนสะโพกของตน “ใช่แล้ว นี่คือหนูชางฉู่ มันน่ารักเหมือนกับเสี่ยวเป่า!”

หนานกงฉีโม่บีบหนูชางฉู่ในมือ น่าเสียดายที่มันไม่ได้มีชีวิตจริง ไม่เช่นนั้นสัมผัสของเจ้าตัวน้อยที่มีรูปร่างอ้วนท้วนน่าจะดีเป็นอย่างยิ่ง

เฮ้อ น่ารักพอ ๆ กับน้องสาวเลย

เหมือนตอนเสี่ยวเป่ายัดขนมใส่ปากจนแก้มพองไม่มีผิด

เขามองหนูชางฉู่ในมือ ก่อนจะมองเสี่ยวเป่าที่กำลังกินขนม

อืม…ดูน่ารักนุ่มนิ่มเหมือนกับน้องสาวจริง ๆ ด้วย!

“ชางฉู่? ข้าไม่เคยได้ยินสายพันธุ์นี้มาก่อนเลย”

ดวงตาของเสี่ยวเป่าสั่นไหวครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าชางฉู่จะเป็นสายพันธุ์ที่ไม่มีในอาณาจักร

“คือ… คือว่า…เสี่ยวเป่าเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาจากอาจารย์!”

ขออภัยอาจารย์ เสี่ยวเป่าต้องให้ท่านแบกรับเรื่องนี้เสียแล้ว

เจี่ยเจินที่ไม่รู้เรื่องราวอันใด : …

คนเขานั่งอยู่ในบ้านดี ๆ จู่ ๆ ก็มีหม้อใบใหญ่ให้แบกโดยไม่คาดคิด

หนานกงฉีโม่ไม่ได้สงสัยอันใดมากมาย อย่างไรเสียหมอปีศาจก็มักออกเดินทางไปยังดินแดนต่าง ๆ ไม่แปลกใจที่เขาจะเคยพบเห็นหนูเช่นนี้มาก่อน

“มันค่อนข้างน่ารัก หากสามารถเลี้ยงไว้ดูเล่นได้ก็คงจะดี”

น้องสาวถูกเสด็จพ่อเลี้ยงดูแล้ว พวกเขานั้นไม่กล้าแย่ง ทว่าหากได้เลี้ยงหนูชางฉู่ที่ดูคล้ายน้องสาวก็คงจะดีไม่น้อย

เสี่ยวเป่า : ข้าเพียงแค่เกิดปีชวด ไม่ได้เป็นหนูชางฉู่ซะหน่อย!

เมื่อได้ยินว่าพี่รองต้องการจะเลี้ยงหนูชางฉู่สักตัว เสี่ยวเป่าก็รีบเอ่ยออกมาทันที “อาจารย์บอกกับเสี่ยวเป่าว่าได้ยินเรื่องนี้จากคนโพ้นทะเลมาอีกที”

ดังนั้นที่นี่ย่อมไม่มี พี่รองตัดใจเสียเถอะ

สีหน้าของหนานกงฉีโม่มีความเสียใจอยู่เล็กน้อย

“ไม่เป็นไร คราวหน้าหากพี่รองพบพ่อค้าโพ้นทะเล สามารถขอให้พวกเขาช่วยตามหาได้”

ระหว่างที่เขาเอ่ยออกมา ดวงตาจิ้งจอกก็หรี่ลงมองไปทางเจ้าก้อนแป้งพลันจับจุดน่าสงสัยได้

“เจ้าบอกว่าอาจารย์ได้ยินคำบอกเล่าจากพ่อค้าโพ้นทะเล ไม่เคยเห็นของจริง เจ้าจึงเพียงได้ยินต่อมาจากอาจารย์อีกทีเท่านั้น เหตุใดเจ้าถึงรู้ว่ามันมีรูปร่างลักษณะเป็นเช่นนี้”

เสี่ยวเป่า “…”

เด็กน้อยปิดหน้า เผยเพียงแค่ผมนุ่มฟูดูน่ารักให้เขาเห็นเท่านั้น

“เสี่ยวเป่ารู้ก็แล้วกัน ท่านพี่อย่าถามอีกเลยนะ!”

เจ้าก้อนแป้งที่กินปูนร้อนท้องเอ่ยออกมาเสียงดัง

หนานกงฉีโม่มองเด็กน้อยด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม หลังจากนั้นก็ลงมือขยี้ผมของนาง

“ได้ ๆ พี่รองไม่ถามแล้ว เด็กน้อยบ้านเรามีความลับมากมายเสียจริง”

บนตัวของเสี่ยวเป่ามีความลับอยู่ ทุกคนต่างตระหนักได้ ทว่าไม่ได้ขุดคุ้ยแต่อย่างใด

เมื่อได้ยินพี่รองเอ่ยเช่นนั้น จิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของเจ้าก้อนแป้งก็กลับมาเบิกบานอีกครั้ง

หนานกงฉีโม่ถือตุ๊กตาดินเผาหัวโตไว้ในมือขวา ส่วนมือซ้ายมีหนูชางฉู่แสนน่ารัก

“พี่ชอบมันมาก เช่นนั้นก็ยกให้พี่ทั้งสองตัวเถอะ”

ดวงตาของเสี่ยวเป่าพลันเบิกกว้าง ริมฝีปากเล็กเม้มแน่นด้วยความรู้สึกไม่เป็นธรรม

“แต่ว่า…เสี่ยวเป่าให้ท่านเลือกได้เพียงหนึ่งอัน”

นางกับพี่ชาย อีกทั้งยังมีช่างฝีมืออาวุโสด้านเครื่องเคลือบร่วมมือกัน ยังต้องเสียเวลาเป็นอย่างมากในการทำสองสิ่งนี้ และพี่รองกำลังจะเดินทาง นางจึงให้เขาได้เลือกก่อน ส่วนอีกชิ้นหนึ่งนั้นไว้สำหรับท่านพ่อ QAQ

หนานกงฉีโม่เลิกคิ้ว “อันใดกัน เพียงแค่หนึ่งหรือ”

เสี่ยวเป่าพยักหน้า ดวงตาใสแจ๋วมองเขา

“อีกอันเป็นของท่านพ่อ”

หนานกงฉีโม่ร้อง ‘โอ้’ ออกมาหนึ่งคำ จากนั้นก็เก็บของทั้งสองชิ้นลงไปในกระเป๋าของตนเองท่ามกลางแววตาใสแจ๋วของเด็กน้อย

หลังชิงตุ๊กตาดินเผาน่ารักทั้งสองไปแล้ว เขายังบีบแแก้มน้อย ๆ ของน้องสาวพลางเอ่ยข่มขู่ว่า

“ห้ามไปบอกเสด็จพ่อ เข้าใจหรือไม่”

ดวงตาของเสี่ยวเป่าเบิกกว้าง ราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าพี่รองจะพูดออกมาเช่นนี้จริง ๆ

โทนเสียงนุ่มนิ่มของนางสูงขึ้นทันที “พี่รอง ไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้!”

เด็กน้อยมองเขาอย่างคาดโทษ

หนานกงฉีโม่ยิ่งเบิกบานใจมากขึ้น พลันหัวเราะออกมาพร้อมบีบแก้มกลม ๆ อย่างมันเขี้ยว

“ห้ามบอก ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้พี่จะมาแย่งเจ้ากินทุกวัน”

เสี่ยวเป่า “!!!”

พี่รอง นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!

หนานกงฉีโม่โบกตุ๊กตาดินเผาตัวเล็กทั้งสองต่อหน้านาง จากนั้นก็แย้มยิ้มอย่างมีความสุขมากกว่าเดิมเมื่อเห็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวของน้องสาว

เสี่ยวเป่าพองแก้มเล็ก ๆ ของตน ตัดสินใจว่าจะทำตุ๊กตาดินเผารูปลักษณ์เหมือนพี่รองขึ้นมา หลังจากนั้นก็จะลงมือจั๊กจี๊!

“พี่รองนิสัยไม่ดี บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ให้พี่รองกินแล้ว!”

บะหมี่สำเร็จรูปพร้อมกิน กลิ่นหอมลอยเตะจมูกทันทีที่เปิดออก

พี่ชายน้องสาวส่งเสียงเอะอะกันอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเสี่ยวเป่าก็บ่นงุบงิบระหว่างส่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปให้พี่ชาย

อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเจ้าก้อนแป้งที่ใจอ่อนเป็นพิเศษ ถูกคนรอบข้างทำให้หวั่นไหวได้บ่อยครั้ง

หนานกงฉีโม่ไม่ได้กินเพียงผู้เดียว แต่ตักคำแรกขึ้นมาป้อนให้นางด้วยรอยยิ้ม

เสี่ยวเป่ารู้สึกเขินอายขึ้นมา “พี่รอง ท่านกินเถิด”

มุมปากของหนานกงฉีโม่ยกขึ้น “เจ้ากินก่อน ข้าค่อยกินทีหลัง”

หลังจากนั้นเสี่ยวเป่าที่ดูเหมือนจะโกรธเมื่อชั่วอึดใจก่อน กลับกลายเป็นเกาะติดพี่รองหนึบ

สองพี่น้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยความอบอุ่น ขณะเดียวกันหนานกงฉีโม่ก็ตื่นเต้นยินดีขึ้นมาอีกครั้ง นี่มันอร่อยยิ่งกว่าขนมอบมาก ที่สำคัญคือสามารถพกพาได้สะดวก!

ดวงตาของเขาเปล่งประกายตื่นเต้นดีใจ ทราบเป็นอย่างดีถึงความสำคัญของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีต่อกองทัพ หลังจากกำชับให้เสี่ยวเป่าเล่นคนเดียวไปก่อน เขาก็รีบนำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรงไปหาเสด็จพ่อ

ตุ๊กตาดินเผาแสนน่ารักทั้งสองตัวถูกพี่รองนำไปหมดแล้ว เสี่ยวเป่ามุ่ยปาก รู้สึกอยากทำเพิ่มอีกหลายตัวให้เร็วที่สุด ของท่านพ่อก็ต้องมี ท่านอาสี่กับท่านอาเจ็ดเองก็ควรจะได้

ท่านอาสี่เองก็กำลังเตรียมตัว ดูเหมือนกำลังจะเกิดสงครามขึ้น เสี่ยวเป่าเป็นกังวลระคนกลัดกลุ้มใจ จึงตัดสินใจจะทำปลาจิ๋นหลี่น้อยให้ท่านอาสี่ หวังว่ามันจะนำโชคมาสู่ท่านอาสี่ได้

ทั้งสองคนจากไปพร้อมกัน เสี่ยวเป่าอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างยิ่ง แต่พวกเขาจำต้องเดินทาง

ด้วยความอาลัยอาวรณ์ทำให้เสี่ยวเป่าเริ่มพะวักพะวนขึ้นมา ต้องการเตรียมของให้พี่รอง ทั้งยังต้องเตรียมของส่วนท่านอาสี่ด้วยเช่นกัน

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Status: Ongoing
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว!หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน!เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท