บทที่ 303 ถูกตบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว
บทที่ 303 ถูกตบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว
เจ้าเมืองจัดสำรับอาหารกลางวันให้อย่างระมัดระวัง ขณะที่บุตรสาวของเขาก็สงบเสงี่ยมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าเมืองหลี่ไปทำหน้าที่ของท่านเถิด ไม่ต้องห่วงพวกเรา อ้อ อย่าลืมแจ้งนายอำเภอให้พวกเขาพาช่างฝีมือมาด้วยเล่า”
“พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวก่อน”
เจ้าเมืองหลี่ลอบปาดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผากแล้วรีบหนีอย่างรวดเร็ว ความสุขที่ได้รู้ข่าวว่าเซียวเหยาอ๋องและองค์ชายสามเสด็จมาหายไปจนหมดสิ้น
เดิมทีเขาคิดว่าคนที่ตนเชิญมาจะกลายเป็นลูกเขยผู้มั่งคั่งในอนาคต แต่ไม่คาดว่าจะเป็นมัจจุราชที่อาจปลิดชีวิตเขาเมื่อใดก็ได้เช่นนี้!
หลังจากคนอื่นออกไปแล้ว ท่าทีของหนานกงฉีอวิ๋นก็ผ่อนคลายลง เขาลงมือคีบอาหารป้อนเสี่ยวเป่า
“เสด็จอาเจ็ด เราต้องอยู่ที่นี่ต่อไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงหลีเอนกายพิงเก้าอี้พลางไขว้ขาขึ้น ใช้พัดเคาะหน้าผากเขาเบา ๆ
“เจ้าคิดจะอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่ออะไร ไม่เห็นสายตาของบุตรสาวเจ้าเมืองหรือ”
หนานกงฉีอวิ๋นดูสับสน
“จิ๊! ช่างโง่เขลาเสียจริง ด้วยสถานะของพวกเรา เจ้าเมืองหลี่มีบุตรสาวที่กำลังอยู่ในวัยออกเรือนถึงสองคน ตราบใดที่ได้เกี่ยวดองกับคนจากราชวงศ์ต่อให้บุตรสาวต้องเป็นเพียงอนุเขาก็ยอม หากทำสำเร็จ เมืองจินโจวทั้งเมืองก็จะเกรงกลัวเขา เพราะเขาสามารถยกฐานะตระกูลให้ยิ่งใหญ่ขึ้นได้”
ความเย็นชาฉายชัดอยู่ในดวงตา
หนานกงฉีอวิ๋น “…เราดูถูกหลอกได้ง่ายเพียงนั้นเชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เจี่ยเจินเปิดปากบ่นว่า “ใช่ว่าท่านอ๋องจะไม่มีชื่อเสียงด้านนี้นี่”
ทันใดนั้นดวงตาหลายคู่ก็พากันจ้องไปทางเซียวเหยาอ๋องเป็นตาเดียว
หนานกงหลี “…เจ้าคิดว่าข้าเป็นผู้ใด สาวงามในวังต่างรักใคร่ในตัวข้ามาก แน่นอนว่าข้าไม่อาจทำให้พวกนางผิดหวังได้”
“ฮ่า ๆ แม้แต่แม่หมูในเล้าก็ดูเหมือนจะตกหลุมรักท่านอ๋องมาก เหตุใดไม่ลองพาแม่หมูไปด้วยเล่า”
หนานกงหลี “นี่เจ้าหาเรื่องข้าหรือ เช่นนั้นเจ้าก็แต่งงานกับแม่หมูให้ข้าดูเสียสิ”
เสี่ยวเป่ามีอาหารอยู่เต็มแก้มจนพองกลม “ท่านอาจารย์ ท่านอาเจ็ด ไม่กินข้าวกันหรือ”
หนานกงฉีอวิ๋นคีบน่องไก่ให้นาง “น้องหญิง เจ้ากินเถิด เด็ก ๆ อย่าฟังเรื่องเช่นนี้เลย”
เสี่ยวเป่ารับคำอย่างเชื่อฟัง
ขณะที่มื้ออาหารกำลังจะจบลง เจ้าเมืองหลี่ก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้เขาพยายามคงความสุขุม แต่ก็ยังมิวายตกใจเมื่อเห็นเสือสองตัวอยู่ดี
เขาพยายามระงับความหวาดกลัว และทูลเซียวเหยาอ๋องด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“ท่านอ๋อง องค์ชายสาม การให้พระองค์เสวยอยู่ที่นี่นับเป็นการต้อนรับที่ไม่สมฐานะเอาเสียเลย เหตุใดพระองค์ไม่เสด็จไปอีกที่หนึ่งเล่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเตรียมสถานที่สำหรับถวายการรับรองแก่ทุกพระองค์แล้ว”
หนานกงหลีเอนกายอย่างเกียจคร้าน “ไม่จำเป็นเลี้ยงรับรองให้มากพิธี เรายังมีเรื่องต้องทำอีกมาก ขอบคุณท่านเจ้าเมืองที่ให้การต้อนรับ แต่เราคงต้องไปกันแล้ว”
“พระองค์…จะไม่ทรงพำนักที่นี่อย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“คงไม่ แม้ว่าเสือสองตัวนี้จะค่อนข้างเรียบร้อย แต่อย่างไรพวกมันก็เป็นสัตว์ป่า ข้ามิอาจรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดเหตุอันใดขึ้น”
เจ้าเมืองมองเสือทั้งสองตัวพลันร่างสั่นสะท้าน ถูกความกลัวกัดกินในทันที
“เช่นนั้น กระหม่อมขอทูลลาท่านอ๋องและองค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ”
เขายังรักตัวกลัวตาย เพราะอย่างนั้นควรทูลลาให้เร็วที่สุด…
หากยังคิดถึงอนาคตก็ไม่ควรเอาชีวิตมาทิ้งเช่นนี้
เสือสองตัวกลับเข้าไปในรถม้าอีกครั้ง กลุ่มเจ้าเมืองต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเหยียดหลังตรงขึ้นเล็กน้อย
ทว่าก่อนที่จะส่งทุกคนออกไปด้วยรอยยิ้ม เขาก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญน่าสังเวชจากใครบางคนเสียก่อน
“ลูกเขย ลูกเขย เจ้าต้องช่วยเรา!”
หนานกงหลีมองคนที่กำลังร้องไห้วิ่งเข้ามาแล้วเลิกคิ้ว เขาดึงเสี่ยวเป่ากลับมาด้านข้าง เตรียมดูเรื่องสนุก
เสี่ยวเป่าตาเบิกกว้าง… เมื่อเห็นว่าเป็นใครบางคนที่ตอนนี้ใบหน้าบวมปูด มีรอยช้ำที่จมูกดูคุ้น ๆ ชอบกล
“ลูกเขย ดูสิว่าตัวอวี้ของพวกเราต้องเจออะไร เขาถูกทุบตีตอนกลางวันแสก ๆ นี่เป็นการกระทำอุกอาจ หมิ่นเกียรติเจ้าอย่างไม่ไว้หน้า”
อวี๋ตัวอวี้ร้องโอดครวญ “พี่เขยดูข้าสิ ชายคนนั้นไร้ซึ่งความเกรงกลัว ทุบตีข้าจนเป็นเช่นนี้ ซ้ำยังดูถูกข้าและ…”
ประโยคหลังเกี่ยวกับการยัดถุงเท้าเหม็นเข้าปากเขานั้นพูดไม่ออกจริง ๆ เพียงคิดถึงก็ทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมดแล้ว
ทันใดนั้น…
อวี๋ตัวอวี้ก็อาเจียนออกมา พ่อแม่ของเขากรีดร้องด้วยความปวดใจ
“ลูกเขย เจ้าห้ามปล่อยผ่านเรื่องนี้เด็ดขาด ต้องช่วยบรรเทาความโกรธแค้นครั้งนี้ด้วยการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเรา!”
สีหน้าของเจ้าเมืองเปลี่ยนไปทันที “มันเป็นใครถึงกล้ามาทำตัวยโสโอหังในจินโจวเช่นนี้ พ่อตาแม่ยายไม่ต้องห่วง ข้าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้ท่านอย่างแน่นอน”
ในตอนนั้นเอง อวี๋ตัวอวี้ที่อาเจียนเสร็จแล้วก็เงยหน้าขึ้นสบตาหนานกงหลีและคนอื่น ๆ ที่ยืนดูความสนุกสนานอยู่พอดีบราวนี่ออนไลน์
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง มือชี้ไปทางอีกฝ่าย “นั่น เขา เป็นเขา…”
“ทำตัวหยาบคายเช่นนั้นกับแขกคนสำคัญของข้าได้อย่างไร…เจ้า”
“เป็นพวกเขา!”
เสียงของอวี๋ตัวอวี้ดังขึ้น
“พี่เขย เป็นพวกเขาที่ทุบตีข้า เป็นเขา ข้าจำได้ดี พี่เขยรีบจับตัวพวกเขาเร็ว!”
เจ้าเมืองหลี่ “…”
สีหน้าของเจ้าเมืองเปลี่ยนไปมาอยู่หลายครั้ง ก่อนจะตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อ
จู่ ๆ ก็รู้สึกราวกับถูกตบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว
เขาเพิ่งพูดอะไรออกไป จะเรียกร้องความยุติธรรมให้อย่างแน่นอนหรือ
ในตอนนี้เจ้าเมืองหลี่อยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ ที่พูดอะไรไร้สาระเช่นนั้นออกไป
“พี่เขย เหตุใดท่านถึงยืนนิ่งอยู่เล่า จับตัวคนพวกนั้นเร็ว!”
ระหว่างที่เจ้าเมืองหลี่กำลังคร่ำครวญอยู่ในใจ น้องภรรยาของเขาก็โวยวายไม่หยุด
จากนั้น…
เสียงตบฉาดใหญ่ก็ดังอย่างชัดเจน
เจ้าเมืองหลี่ตบหน้าของอวี๋ตัวอวี้ที่บวมช้ำอยู่แล้วเต็มแรง
คนตระกูลอวี๋ต่างตกตะลึง
“พี่เขย ท่านตบข้าทำไม!!”
เขาเจ็บมากจนต้องกรีดร้องออกมา
เจ้าเมืองหลี่เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังเคร่งขรึมว่า “ไร้สาระ เซียวเหยาอ๋องและองค์ชายสามจะไปทุบตีเจ้าได้อย่างไร!”
เขาจงใจเน้นให้ทุกคนรู้ว่าฐานะที่แท้จริงของชายสองคนนั้นคือท่านอ๋องและองค์ชาย
ทันใดนั้นคนตระกูลอวี๋ก็เข้าใจทุกอย่าง ตาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา
เจ้าเมืองหลี่ปาดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผาก เพราะความไม่รู้เรื่องรู้ราวของน้องภรรยาเกือบทำให้เขาหัวขาดเสียแล้ว
“ท่านอ๋อง องค์ชายสาม กระหม่อมต้องขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ น้องภรรยาของกระหม่อมมักชอบเที่ยวเล่นและยามเมามายก็พูดจาเลอะเลือน หวังว่าครั้งนี้จะไม่ทรงถือสา โปรดประทานอภัยด้วย”
หนานกงหลีพูดติดตลกออกมาแทบจะทันที “เจ้าเมืองหลี่เข้าใจผิดแล้ว คนที่ทุบตีเขาคือข้าจริง ๆ”
เจ้าเมืองหลี่ตัวสั่นงันงก เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผาก
“ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลและทำร้ายคนอื่นตามใจชอบ อาฝู มาคุยกับเจ้าเมืองหลี่ที วันนี้ข้าพูดเยอะแล้ว ไม่อยากเสียเวลาอีก”
“พ่ะย่ะค่ะ”
กงกงน้อยที่แต่งกายด้วยชุดข้ารับใช้ก้าวขึ้นมา บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด โดยเฉพาะคำพูดของอวี๋ตัวอวี้ทั้งหมด
—————————