เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช – บทที่ 306 จับพวกมันให้หมด

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 306 จับพวกมันให้หมด

บทที่ 306 จับพวกมันให้หมด

อวี๋จูจูกลับไปที่จวนตระกูลอวี๋ด้วยความลำบาก พอเมื่อได้เห็นบิดามารดาของตน นางก็ร้องไห้อย่างน่าสังเวช

ครั้นเห็นนาง ฮูหยินอวี๋ก็ตกใจ

“จูจู ทำไมเจ้าถึงกลายเป็นแบบนี้!”

นางกอดลูกสาวอย่างเศร้าใจอยู่พักหนึ่ง

“ท่านแม่เจ้าคะ มีคนรังแกข้า พวก… พวกกบฏนั่น พวกมันขว้างผักเน่ากับไข่เน่าใส่ข้า แถมยังราดน้ำเสียใส่ข้าด้วย!”

กลิ่นเหม็นชัดเสียจนห่างไปสามจั้งก็ยังได้กลิ่น

เดิมทีอวี๋จูจูต้องการทิ้งตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของมารดาเพื่อหาความสบายใจ แต่ก่อนที่นางจะได้ทำ ท่านแม่ของนางก็ปิดจมูกแล้วก้าวถอยหลัง

“ยืนนิ่งอะไรกันอยู่ ไม่เห็นสภาพคุณหนูรองหรือ! เหตุใดไม่พานางไปอาบน้ำ!”

อวี๋จูจูตะโกนด้วยความโกรธ “ท่านแม่ ท่านเองก็รังเกียจข้า!”

ฮูหยินอวี๋รู้สึกทุกข์ใจ ก่อนฝืนกล่าว “ไปอาบน้ำเถอะ”

หลังจากที่อวี๋จูจูจากไป ใบหน้าของนางก็มืดลงทันที “ไปสืบมาว่าเกิดอะไรขึ้น!”

กล้ามารังแกตระกูลอวี๋ของนางได้อย่างไร ช่างเหิมเกริมนัก!

แต่ไม่จำเป็นต้องรอให้ตระกูลอวี๋ตรวจสอบ หนานกงหลีก็มาที่ประตูพร้อมกับคน

เสี่ยวเป่าเองก็ติดตามมาด้วย นางนั่งอย่างสง่าผ่าเผยบนหลังเสือตัวใหญ่

กลุ่มของพวกเขาบุกเข้าไปในจวนตระกูลอวี๋ ซึ่งคนรับใช้ที่เฝ้าประตูต่างไม่กล้าหยุดพวกเขา

จวนตระกูลอวี๋ถูกปิดล้อม หลังจากได้ยินข่าว ประมุขตระกูลอวี๋และฮูหยินอวี๋ก็รีบออกมา โดยเมื่อเห็นเสือดุร้ายสองตัว หัวใจของพวกเขาพลันสั่นสะท้านด้วยความกลัว

ประมุขตระกูลอวี๋ “เซียวเหยาอ๋อง นี่ท่านหมายความเช่นไร”

หนานกงหลีโบกมือ ข้างหลังเขาพลันมีคนเดินมาพร้อมกับเก้าอี้

ไม่ว่าไปที่ไหน เขาก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องลำบาก

อันที่จริง หากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะนั่งบนหลังเสือให้สง่างามเหมือนเสี่ยวเป่าเช่นกัน แต่ความแข็งแกร่งของเขากลับไม่เอื้ออำนวยเสียเท่าไหร่

หนานกงหลีผู้ซึ่งทำได้เพียง ‘ยอมถอยเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดรองมา’ นั่งลง กอดอกวางท่าใหญ่โต กางพัดโบก ใบหน้างามคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

“ฮูหยินอวี๋ เจ้าคิดว่าอ๋องผู้นี้หน้าตาดีหรือไม่”

ฮูหยินอวี๋ “…”

นายท่านอวี๋ “…”

ชายผู้คนนี้คงเสียสติไปแล้ว อีกฝ่ายคงมาที่บ้านเพื่อล่อลวงภรรยาของเขาแน่!

ฮูหยินอวี๋มองใบหน้าของท่านอ๋อง ถ้าให้พูด… ตาแก่พุงโตที่อยู่ข้าง ๆ นางเทียบอีกฝ่ายไม่ติดจริง ๆ

คนสองคนที่อยู่อีกด้านมีสีหน้าต่างกันและไม่พูดอะไร แต่เสี่ยวเป่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

“ท่านอาเจ็ดเป็นชายที่หล่อที่สุดเป็นอันดับสองในเมืองหลวง แน่นอนว่าต้องหน้าตาดียิ่ง”

หนานกงหลีไม่พอใจ เหตุใดเขาถึงเป็นอันดับสอง ควรเป็นอันดับหนึ่งมิใช่รึ

“ผู้ใดคืออันดับหนึ่ง”

เขาต้องการดูว่าใครกันที่กล้าขี่หัวเขา

การแสดงออกของเสี่ยวเป่าดูไร้เดียงสา “ท่านพ่อของข้า!”

หนานกงหลี : …ขี่ไปเถอะ ใช่ว่าเขาจะทนไม่ไหว

“ปากเล็ก ๆ นี่ช่างหวานนัก!”

ดวงตาของเสี่ยวเป่าโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวพาให้รอยยิ้มของนางดูหวานยิ่งขึ้น

นางไม่ได้บอกท่านอาเจ็ดว่าการจัดอันดับนี้นับที่รุ่นของบิดาของนางเท่านั้น แต่ไม่ได้รวมเหล่าพี่ชายของนาง

เพราะพี่ชายต่างเป็นที่หนึ่งร่วมกัน!

หนานกงหลีสัมผัสใบหน้าของตนและพูดอย่างหลงตัวเองยิ่ง “ข้าก็คิดว่าข้าหน้าตาดีเช่นกัน”

ประมุขตระกูลอวี๋ทนไม่ไหวอีกต่อไป “เซียวเหยาอ๋อง ท่านมาทำอะไรที่นี่กันแน่ ท่านล้อมตระกูลอวี๋เช่นนี้ ไม่ทราบว่าตระกูลอวี๋ของเราทำอันใดให้ท่านต้องขุ่นเคืองใจ”

หนานกงหลีอุทาน “โอ้ มีเยอะแยะไป เอาเป็นเรื่องลูกสาวของเจ้าดีหรือไม่”

เมื่อฮูหยินอวี๋ได้ยินเขาพูดถึงลูกสาวของตน หัวใจของนางก็สั่นสะท้านทันที

ครั้นมองดูใบหน้าของเซียวเหยาอ๋อง นางรู้สึกถึงลางสังหรณ์รุนแรง จึงรู้สึกไม่สบายใจยิ่ง

และอย่างที่คิด นางได้ยินเขาพูดต่อว่า “ลูกสาวตระกูลอวี๋ของเจ้าช่างขวัญกล้านัก คิดชิงตัวอ๋องผู้นี้กลับไปเป็นชายบำเรอ!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ประมุขตระกูลอวี๋ก็พ่นเลือดออกมาเต็มปาก

“นายท่าน นายท่านเจ้าคะ ท่านอย่าเป็นอะไรไปนะเจ้าคะ!”

ประมุขตระกูลอวี๋ชี้นางด้วยนิ้วสั่นเทา “อวี๋จูจู อยู่ที่ไหน!”

ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ คนเดียวที่สามารถทำสิ่งนี้ได้มีแค่อวี๋จูจู ลูกสาวคนรองที่กล้าหาญของเขา!

เพราะนางเคยทำเรื่องเช่นนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ในอดีต นางจะเลือกเฉพาะชายหนุ่มหรือบัณฑิตยากจนที่ไร้ภูมิหลัง ดังนั้นเขาจึงทำเพียงหลับตาและใช้เงินเพื่อจัดการ หรือถึงใช้เงินไม่ได้ แต่ภายใต้อิทธิพลของลูกเขย อย่างไรอีกฝ่ายก็ยังต้องก้มหัวให้ตนอยู่ดี

แต่ครั้งนี้พวกเขาชนกำแพงเข้าแล้วจริง ๆ นั่นคือท่านอ๋องนะ แต่ลูกสาวของเขากลับคิดลักพาตัวอีกฝ่ายกลับมาเป็นชายบำเรอ!

นายท่านอวี๋กุมหัวใจ หายใจไม่ออก เมื่อคิดว่าคนผู้นี้ทำให้ลูกชายของเขาต้องติดคุก จึงอดคิดเหมือนหนานกงหลีไม่ได้

ตระกูลอวี๋กับเซียวเหยาอ๋องผู้นี้ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าได้!

นายท่านอวี๋หลั่งเหงื่อเย็นเต็มหน้าผาก และต้องการถามเซียวเหยาอ๋องว่าเขาต้องการอันใด

เพราะหากจุดประสงค์ของการมาครั้งนี้เพียงเพื่อจับลูกสาวของเขาก็ไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้

คำตอบของหนานกงหลีทิ้งจังหวะจนน่าหงุดหงิดใจ

“พูดถึงเรื่องนี้…”

เขาตอบด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าย่อมไม่ได้มาเพื่อจับนางเท่านั้น แต่ยังรวมถึง… เจ้าด้วย”

ชั่วขณะนี้ หนานกงหลีดูราวกับปีศาจร้าย

“จับพวกมันให้หมด”

เขาโบกมือเพียงเล็กน้อย องครักษ์ทุกคนพลันเคลื่อนไหว

ขณะที่บ่าวรับใช้ของตระกูลอวี๋กำลังจะวิ่งหนี เสือสองตัวก็ก้าวออกไปพร้อมกับเผยคมเขี้ยวอันแหลมคม

ด้วยร่างกายที่ขนาดเทียบได้กับหมี และสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่าครั่นคร้าม เหล่าบ่าวรับใช้จึงยืนขาแข็งอยู่กับที่

พวกเขายังรักชีวิตของตัวเองอยู่นะ!

“ท่าน… ท่านกำลังทำอันใด!”

นายท่านอวี๋และฮูหยินถูกจับกุม พวกเขาต่างมองดูเซียวเหยาอ๋องด้วยสายตาดุร้าย

“เซียวเหยาอ๋อง แม้ท่านจะเป็นอ๋อง แต่ท่านก็ไม่สามารถจับกุมผู้คนตามใจชอบได้!”

หนานกงหลีแคะหูแล้วพูดว่า “ใครบอกเจ้าว่าอ๋องผู้นี้จับกุมผู้คนตามใจชอบ”

เขาลุกขึ้นยืนขึ้น ก่อนเดินไปหาทั้งสองคนแล้วหลุบตามองต่ำไม่ต่างจากมองมดแมลง

“เจ้าไม่รู้หรือว่ามีกี่ชีวิตที่ต้องตายด้วยน้ำมือของเจ้า”

ประมุขตระกูลอวี๋แค่นเสียง “เรื่องนี้เซียวเหยาอ๋องไม่ใช่ผู้ตัดสินใจ เหตุใดข้าถึงไม่รู้ว่ามีคนตายด้วยน้ำมือของข้า”

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ปฏิเสธที่จะยอมรับมัน

หนานกงหลีขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับคนเช่นนี้ เขาแค่รอให้อวี๋จูจูมาถึงและพาคนเหล่านี้ออกไปด้วยกัน

“เจ้าทำอันใดกัน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ที่นี่คือตระกูลอวี๋นะ พวกเจ้าไม่อยากมีชีวิตกันแล้วใช่หรือไม่!”

อวี๋จูจูที่เพิ่งอาบน้ำสวมเสื้อผ้าเสร็จถูกจับกุมและพาตัวมาที่นี่ในทันที

นายท่านอวี๋จ้องมองลูกสาวของตนอย่างดุร้าย จากนั้นจึงหันไปมองหนานกงหลีอย่างเย็นชา

“เซียวเหยาอ๋อง ที่นี่คือเมืองจินโจว ไม่ใช่เมืองหลวง ท่านกล้าทำเช่นนี้ ไม่กลัวเจ้าเมืองหลี่ ลูกเขยของข้าหรือ!”

จริงอยู่ที่ตัวตนของอ๋องเองทำให้พวกเขานึกหวาดกลัว แต่เจ้าเมืองคือผู้เป็นใหญ่ ในเมืองจินโจว เจ้าเมืองหลี่ได้ควบคุมอำนาจทางทหาร ทั้งเขายังเป็นจักรพรรดิของเมืองนี้

แม้ว่าจะเป็นอ๋องหรือองค์ชาย หากเกิดอุบัติเหตุสิ้นพระชนม์ในที่ห่างไกล ผู้ใดจะรู้เล่า

อย่างไรเสียเวลานี้ก็มีโจรชุกชุมอยู่แล้ว

หนานกงหลียิ้มน้อย ๆ “เจ้ากำลังขู่ข้าหรือ”

ชั่วขณะนี้ หนานกงหลีหาใช่อ๋องที่เกียจคร้านและไร้ประโยชน์อีกต่อไป เขาดูอันตรายยิ่งกว่าพยัคฆ์ร้ายเสียอีก!

เสี่ยวเป่าถึงกับเห็นเงาท่านพ่ออยู่ในตัวเขาด้วยซ้ำ

เสี่ยวเป่า: สมแล้วที่เป็นท่านอาเจ็ด เท่มาก!

ภารกิจของนางในวันนี้ง่ายมาก นางแค่ต้องนำเสือสองตัวมาปราบปรามพวกบ่าวรับใช้ที่คิดจะหนีเท่านั้น

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Status: Ongoing
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว!หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน!เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท