ตอนที่ 30 ใต้เท้าหลักเมืองเรียนเชิญ
อิ๋นชิงมาถึงตรงนี้แล้วลังเลไม่ก้าวไปข้างหน้า
“ท่านจี้ สถานที่นี้… สถานที่นี้ท่านพ่อท่านแม่ล้วนไม่ให้พวกข้าเข้าใกล้…”
เสี่ยวอิ๋นชิงไม่รู้ว่าจะอธิบายกับจี้หยวนอย่างไรอยู่บ้าง ถ้าพูดตามตรงคุณชายซึ่งดูสุภาพเรียบร้อยคนนี้จะเข้าใจผิดหรือไม่
จี้หยวนเห็นท่าทางลำบากใจของเขาแล้วไม่คิดแกล้งเด็กอีก แม้เขารู้ดีว่าผีร้ายภายในเรือนนี้ถูกสี่ขุนนางเทพหลักเมืองร่วมมือกันสังหารแล้ว แต่คนอื่นยังไม่รู้
“เอาเถิด วางถังน้ำกับคานหาบตรงประตูก็พอ ข้ายกเข้าไปเองได้”
จี้หยวนพูดพลางยิ้มก้าวเข้ามาช่วยเสี่ยวอิ๋นชิงปลดไม้คานด้วยตัวเอง ช่วยจี้หยวนหาบน้ำเดินมาตั้งไกล ใบหน้าเล็กกลับเขินอายอยู่บ้าง
“คุณชาย ทะ ท่านอย่าอยู่ที่นี่เลย! ที่นี่…”
อิ๋นชิงกลืนน้ำลายหลายอึก มองดวงอาทิตย์บนฟ้า ยังไม่กล้ายืนพูดความในใจตรงประตูเรือนอยู่บ้าง
ผู้อาวุโสทางบ้านเคยบอกว่าอย่าพูดเรื่องเรือนสันติมั่วซั่ว โดยเฉพาะกับผู้อาศัยในนั้น ถือว่าเรียกสิ่งต้องห้ามเกินไป ถ้าถูกสิ่งสกปรกผูกแค้นก็จบกัน
เห็นท่าทางอยากพูดแต่ไม่กล้าพูดของเขา จี้หยวนกลับเข้าใจอยู่บ้าง เขาลูบหัวของอิ๋นชิง
“เรียกข้าว่าท่านจี้เถอะ อายุยังน้อยมีน้ำใจเช่นนี้หายากยิ่ง สำหรับเรือนสันตินี้เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าอยู่ที่นี่ไม่เป็นไร!”
“กลับไปเถอะ อย่าทำให้ครอบครัวเป็นห่วง”
“ท่านจี้เช่นนั้นข้าไปแล้วนะ…”
อิ๋นชิงยืนตรงประตูเรือนสันติไม่ไหวแล้ว เด็กคนหนึ่งทนได้ถึงตอนนี้ถือว่าไม่เลวนัก ยามนี้บอกลาเสร็จก็วิ่งเหยาะๆ จากไป
ตอนจี้หยวนมองส่งอิ๋นชิงจากไปพลันรู้สึกถึงอะไรอย่างบอกไม่ถูก เขาหันหน้ามองทางเดินอีกด้าน
ห่างไปไม่ไกลมีคนท่าทางเหมือนเจ้าหน้าที่คนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น สวมชุดคลุมขาวศีรษะประดับเกี้ยวสูง ก้าวเท้าเหมือนภาพมายา สิ่งสำคัญคือไม่มีเสียง
ผี? ผีซึ่งออกมาตอนกลางวันได้หรือ
เจ้าหน้าที่คนนี้ลอยเคลื่อนมาใกล้จี้หยวนพลางค้อมตัวประสานมือ
“ข้าน้อยหน่วยลาดตระเวนบริวารเทพหลักเมืองอำเภอหนิงอัน คารวะท่านจี้!”
จี้หยวนไม่รู้สึกกลัวมากนัก เห็นท่าทางคล้ายเจ้าหน้าที่ทางการก็เดาออกว่าเป็นยมทูตดำของเทพหลักเมืองอำเภอหนิงอัน เมื่อคืนประสบการณ์ชั่วขณะทำให้เขามีภาพจำไม่เลวต่อเทพหลักเมืองอำเภอหนิงอัน
ทำไมถึงรู้ว่าตนแซ่จี้ บางทีเมื่อครู่อาจได้ยิน ทั้งเป็นไปได้ว่ามีวิธีค้นหา
“มาหาข้าด้วยเรื่องใด”
ในเมื่อคนเขาพูดด้วย คงไม่ดีหากจี้หยวนไม่ตอบ
ห่างไปไม่ไกล อิ๋นชิงที่ยังวิ่งไปไม่เท่าไหร่ได้ยินเสียงพูดของจี้หยวนจากด้านหลัง เขาหยุดเท้าหันกลับไปมองตามจิตใต้สำนึก
‘คุณชายไม่ได้พูดกับข้าหรือ’
หันกลับไปครานี้เห็นแค่จี้หยวนหันหน้าเข้าประตูเรือนมองไปอีกทิศทางคนเดียว คล้ายกำลังพูดกับใคร แต่บนทางเดินตรงนั้นว่างเปล่าไร้ผู้คน
อิ๋นชิงตัวสั่นสะท้านรีบวิ่งหนี
ผู้ลาดตระเวนคนนั้นตอบคำถามจี้หยวนด้วยความเคารพนับถือถึงที่สุด
“ใต้เท้าหลักเมืองเชิญท่านจี้ไปศาลหลักเมืองเพื่อพูดคุย หากท่านจี้สะดวกไปตอนนี้ก็ย่อมได้”
ตอนนี้? ไปเจอเทพหลักเมืองอำเภอหนิงอันหรือ
จี้หยวนซึ่งภายนอกนิ่งสงบในใจรู้สึกเหมือนชาวบ้านยากจนอยากไปเจอเจ้าเมืองอย่างบอกไม่ถูกทันที ส่วนเรื่องไปไม่ไปไม่จำเป็นต้องเลือกสักนิด
“ผู้ลาดตระเวนโปรดรอสักครู่ ขอข้ายกน้ำสองถังเข้าไปก่อน”
“เชิญท่านจี้ตามสบาย!”
จี้หยวนไม่พูดอะไรมากอีก หยิบไม้คานขึ้นมา เกี่ยวเชือกตะขอกับถังน้ำแล้วลุกขึ้นมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นค่อยเลียนแบบท่าทางอิ๋นชิงโดยใช้มือจับเชือกหน้าหลัง ไม่ใช่จับไม้คาน
นับว่าไม่ขายหน้าต่อหน้าผู้ลาดตระเวน เขาหาบน้ำถึงประตูห้องครัวในเรือนอย่างปลอดภัย
ผู้ลาดตระเวนรออยู่นอกเรือนอย่างนั้น มองจี้หยวนยกถังน้ำเทใส่โอ่งอย่างเปลืองแรง ถึงขั้นมีน้ำไม่น้อยกระเซ็นใส่เสื้อจี้หยวน ดูท่าทางไม่เหมือนผู้สูงส่งอัศจรรย์สักนิด
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ยิ่งเป็นเช่นนี้ผู้ลาดตระเวนกลับยิ่งยำเกรง แม้แต่ท่ายืนยังไม่กล้าผ่อนคลายเกินไป
ก่อนหน้านี้ใต้เท้าหลักเมืองบอกว่าบรรดาศิษย์จวนเซียนที่เรียกว่ามีชื่อเสียงโด่งดังโอ้อวดไปมาพวกนั้น วางอำนาจบาตรใหญ่ทำตัวอันธพาลทั่วทิศ คนถ่อยมากวิญญูชนน้อย ส่วนใหญ่ล้วนไม่ถือเป็นผู้สูงส่งอะไร ผู้สูงส่งที่แท้จริงควรทำตัวเป็นธรรมชาติตามมรรคสวรรค์ กลับคืนสู่สามัญ!
“ฮู่ว…”
จี้หยวนวางถังน้ำลงแล้วเป่าปากโล่งอก มองชายแขนเสื้อของตน เมื่อครู่ยังไม่แห้งตอนนี้ยังชื้นเพิ่มอีก
แต่หลังจากนอนหลับถึงตอนนี้เขาคิดตกแล้ว เดิมทีก็ไม่คิดทำตัวเป็นผู้สูงส่งอะไรต่อหน้าเทพหลักเมือง ไม่สร้างภาพลักษณ์นั้นสบายนัก
เขาม้วนแขนเสื้อลง ใช้แขนเสื้อปัดตัวทั้งหน้าและหลังลวกๆ จี้หยวนเดินออกจากประตูเรือน ปิดประตูใหญ่ก่อนมองผู้ลาดตระเวน
“ไปเถอะ รบกวนผู้ลาดตระเวนนำทาง ข้าน้อยมาอำเภอหนิงอันเป็นครั้งแรก ไม่รู้ที่ตั้งศาลหลักเมือง!”
ตอนนี้จี้หยวนไม่สนว่าแปรงฟันหรือไม่ เดินไปทั้งอย่างนี้ก็พอแล้ว
“ถือเป็นหน้าที่! ท่านจี้เชิญ!”
ผู้ลาดตระเวนผายมือเชิญ ทั้งไม่ลอยไปอย่างที่จี้หยวนกังวล หากแต่ก้าวเท้าไปข้างหน้าก่อน
หลังจากจี้หยวนตามไปเขากลับชะลอฝีเท้า คล้ายคอยติดตามข้างกายจี้หยวน จี้หยวนมองเขาแล้วไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เช่นนั้นก็เดินไปข้างหน้าเถอะ อย่างมากแค่ไม่รู้ค่อยถาม
เดินไปร้อยก้าวแล้วเจอทางแยกตรอกแรก ผู้ลาดตระเวนเดินเร็วมาถึงทางซ้ายก่อนผายมืออยู่ด้านข้าง
“ท่านจี้ เชิญทางนี้!”
“เอ่อ ได้!”
เมื่อจี้หยวนเดินไป ผู้ลาดตระเวนติดตามข้างกายอีกครั้ง
‘แม่ง… น่าอึดอัดอยู่บ้าง… เราไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่อะไรจริงๆ…’
ท่าทีของผู้ลาดตระเวนดีเกินไปหน่อย จี้หยวนรู้สึกอักอ่วนผิดปกติ แม้แต่วันนั้นลู่เฉิงเฟิงยังไม่ทำขนาดนี้เลย
ซอยเล็กหนึ่งบนตรอกเทียนหนิว ผู้ลาดตระเวนที่คนทั่วไปมองไม่เห็นติดตามจี้หยวนซึ่งชาวบ้านมองแล้วบอกว่าค่อนข้างมีมาดเข้าไปอย่างเนิบช้า
เพื่อผ่อนคลายความอึดอัดจี้หยวนได้แต่ลองชวนผู้ลาดตระเวนคุย
“ไม่ทราบว่าผู้ลาดตระเวนมีแซ่อันสูงส่งว่าอะไร”
แม้ว่าภูตผีไม่ต้องหายใจ แต่จี้หยวนรู้สึกว่าผู้ลาดตระเวนเหมือนเป่าปากด้วยความโล่งอก
“ไม่กล้าเรียกว่าสูงส่ง ยามมีชีวิตข้าน้อยแซ่หลิว ชื่อพยางค์เดียวว่าเจียง!”
“อ้อ ผู้ลาดตระเวนหลิว!”
“มิกล้าๆ!”
วิธีการพูดเช่นนี้จี้หยวนยังช้าอยู่บ้าง แต่ช่วยไม่ได้ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่มตาตาม
“ยามมีชีวิตผู้ลาดตระเวนหลิวเป็นคนหนิงอันกระมัง”
“ขอรับ ยามมีชีวิตข้าเป็นชาวบ้านตรงคุ้งน้ำอำเภอหนิงอัน เคยเป็นเจ้าหน้าที่ของที่ว่าการอำเภอหนิงอัน ด้วยตอนมีชีวิตจิตใจดีรับผิดชอบ เมื่อหมดอายุขัยใต้เท้าหลักเมืองอำเภอนี้จึงแต่งตั้งเป็นผู้ลาดตระเวน ตอนนี้อยู่มายี่สิบสองปีแล้ว!”
จี้หยวนมองใบหน้าภายใต้หมวกราชการของผู้ลาดตระเวนคนนี้แล้วเหมือนว่าอยู่ช่วงวัยกลางคน ภายในใจไม่อาจนิ่งสงบ
‘ให้ตาย ถ้าเช่นนั้นเกรงว่าผู้ลาดตระเวนคนนี้คงอายุมากกว่าปู่ของเรามากกระมัง…’
“ยามมีชีวิตผู้ลาดตระเวนหลิวคอยขจัดภัยรักษาความสงบ หลังจากสิ้นชีพแล้วยังคอยปกป้องบ้านเมือง ทั้งปรโลกและโลกมนุษย์ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ทำให้ผู้คนนับถือ!”
คำพูดนี้แม้มีส่วนที่จี้หยวนตั้งใจเยินยอ แต่ส่วนใหญ่คือความจริงใจ
เจ้าหน้าที่ราชการอย่างผู้ลาดตระเวน ไม่ว่าอยู่สถานที่ใดล้วนควรเคารพ นับประสาอะไรกับสภาพแวดล้อมยุคโบราณ
“ท่านจี้ชมเกินไปแล้ว กล่าวชมเกินไปแล้ว!”
ปากพูดแบบนี้ แต่จี้หยวนมองออกว่าผู้ลาดตระเวนดีใจมาก
แน่นอนว่าคำชมประโยคเดียวส่งผลประโยชน์อะไรไม่ได้ แต่กลับทำให้คนดี ไม่ใช่สิ ทำให้ผีดีเบิกบานใจ
บรรยากาศหลุดจากความอึดอัดเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นกลมเกลียวขึ้นมา ยามจี้หยวนเดินในใจพลันกระตุก หันไปมองหน้ามุมตรอกเล็ก ยิ้มพลางเดินคุยกับผู้ลาดตระเวนต่อ
ห่างออกไปเสี่ยวอิ๋นชิงใจเต้นตึกตัก สาวเท้าวิ่งหนีไปโดยไม่หยุดอีก
น่ากลัวเกินไปแล้วๆ คุณชายคนนั้นเดินลำพังแต่เหมือนคุยกับใครบางคน เกรงว่าคงคุยกับผี!
ผีภายในเรือนสันติตามคุณชายคนนี้ออกมาแล้ว!