ตอนที่ 37 ไร้มรรคฝึกยุทธ์ก่อน
เอ้ก… อี้เอ้กเอ้ก…
ฟ้ายังไม่สว่าง เสียงไก่ขันดังต่อเนื่องเป็นระลอกแล้ว
กลางลานเรือนสันติ จี้หยวนที่กำลังอ่านหนังสือเพิ่งรู้สึกตัวว่าผ่านไปคืนหนึ่งแล้ว
ช่วงเวลาระหว่างยามสามกับยามสี่นั้น จี้หยวนเรียนรู้การวิวัฒน์ฟ้าดินจากวิชากำหนดปราณอยู่ตลอด ทำให้ร่างกายได้รับความสดชื่นจากปราณวิญญาณรอบด้าน
ระหว่างนี้จี้หยวนยังลองควบรวมปราณครั้งหนึ่งด้วย แต่ครั้งนี้เขาเลือกสลายปราณวิญญาณทั้งหมด จากนั้นค่อยใช้วิชากำหนดปราณดูดซับ
วิธีนี้ทำให้ความเข้มข้นของปราณวิญญาณที่รวมอยู่ในเรือนเล็กค่อนข้างสูง ยามประสิทธิภาพของวิชากำหนดปราณเพิ่มขึ้นมาก จี้หยวนเองก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดหรือแบกรับใดๆ
แต่สุดท้ายวิธีเช่นนี้ก็มีขีดจำกัด หรือกล่าวได้ว่าจี้หยวนคิดว่าสุดท้ายร่างกายของตนตอนนี้ก็มีขีดจำกัด
เมื่อมาถึงยามสี่จี้หยวนรู้สึกได้ว่าปราณวิญญาณซึ่งร่างกายสามารถโอบรับได้บรรลุถึงขีดจำกัดแล้ว ปราณวิญญาณสะสมอยู่ทุกหนแห่งภายในกาย หลอมชำระร่างกายเนิบช้าด้วยประสิทธิภาพต่ำ
จุดนี้จี้หยวนจนปัญญามากเช่นกัน เขามีแค่วิชากำหนดปราณเล่มหนึ่ง ไม่มีวิชาฝึกปราณใดโดยสิ้นเชิง สิ่งที่ทำได้ก็มีแค่เท่านี้ นี่ดีกว่าตนควบรวมปราณเองมากแล้ว
ดังนั้นหลังจากนี้จึงหยิบม้วนไม้ไผ่ขึ้นมาอ่านต่อ ดูตำราที่เกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญเพียรเล่มหนึ่ง
นี่คือม้วนไม้ไผ่ที่เกี่ยวข้องกับวิชาบางส่วน เนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวถึงประเภทวิชาซึ่งพบเห็นได้ทั่วไป อย่างหมวดห้าธาตุหมวดหยินหยาง วิชาอสนี คาถาประหลาดและภาพมายา รวมถึงวิชาพิเศษส่วนหนึ่ง เช่นการเข้าฝันและดึงวิญญาณ การกักเทพอัศจรรย์เป็นต้น ทั้งพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับมรรคเทพอย่างวิญญาณเทพควันกับวิญญาณเทพภูผาธาราด้วย
แต่เพราะตำราเล่มนี้มีจำนวนเป็นม้วนไม้ไผ่สองเล่ม ต่อให้ตัวอักษรเล็กแค่ไหน เนื้อหาก็มีจำกัดจริงๆ ทุกแบบที่กล่าวถึงเท่ากับเกร็ดความรู้ผิวเผินไม่ลึกซึ้ง
ช่วงท้ายยังบันทึกวิชาย่อยบางส่วน รวมแล้วมีวิชาบังตาเรียบง่ายสองวิชา วิชาควบคุมเพลิงของธาตุไฟ วิชาเลี่ยงวารีของธาตุน้ำ
วิชาพื้นฐานพวกนี้แม้ว่าจี้หยวนไม่เคยเรียนรู้วิชาฝึกปราณ อาศัยปราณวิญญาณซึ่งยังไม่หล่อหลอมตอนนี้ก็เพียงพอจะสำแดงแล้ว แต่มีเพียงพื้นฐานสำแดงวิชาเท่านั้น จี้หยวนยังต้องควบคุมผ่านการเรียนรู้ ไม่อาจลองทำได้ทันที
ม้วนไม้ไผ่พวกนี้ล้วนเป็นพื้นฐาน แต่กลับทำให้จี้หยวนเปิดประตูสู่โลกใหม่อย่างแท้จริง สิ่งที่ตามมาคือความตื่นเต้นและเฝ้ารออย่างไม่เคยมีมาก่อน
ตอนนี้จี้หยวนเหมือนเด็กติดอาเขยกับคุณปู่ยามเยาว์วัย คาดหวังกับโลกซึ่งเปี่ยมความอัศจรรย์ใบนี้
ง่วงนอน? รู้สึกผิด ตอนนี้ของพรรค์นั้นหายไปโดยสิ้นเชิง!
เอ้ก… อี้เอ้กเอ้ก…
ครั้งนี้เสียงไก่ขันอยู่ใกล้เรือนสันติมาก น่าจะเป็นไก่ตัวผู้ในเล้าบ้านใกล้เคียงเริ่มขันแล้ว
“หาว… อ่านทั้งคืนโดยไม่รู้ตัวเลย!”
สายลมพัดโชย ทำให้จี้หยวนสัมผัสความหนาวเย็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ เขารู้ว่าตัวเองยังห่างไกลอยู่มาก อย่างน้อยก็ยังไม่บรรลุถึงระดับหนาวร้อนไม่กล้ำกราย
กิ่งก้านต้นพุทรากลางลานดังสวบสาบ โบกไหวร่ายรำตามสายลมแผ่วเบา
จี้หยวนเงยหน้ามองต้นพุทราซึ่งอายุไม่น้อยต้นนี้ คาดว่ายามถึงฤดูเก็บเกี่ยวคงมีผลมากมายกระมัง!
บนโลกใบนี้นอกเสียจากว่าบรรลุถึงระดับสัมผัสจวนเซียนอย่างแท้จริงแล้ว มิฉะนั้นก็อย่าหวังกินผักผลไม้นอกฤดูกาลเลย จี้หยวนจึงเฝ้ารอผลพุทราสดหวานของบ้านตนนัก
“มีเจ้าอ่านตำราข้ามคืนเป็นเพื่อนเรา ไม่เลวๆ ไม่นับว่าเราโดดเดี่ยวนัก!”
จี้หยวนปลอบใจตัวเองประโยคหนึ่ง ยิ้มพลางวางม้วนไม้ไผ่ในมือลงเบาๆ เหยียดกายลงกลางลาน
อ่านตำราสองเล่มซึ่งสำคัญที่สุดทั้งคืน พิจารณาหาความพอดี จี้หยวนค้นหาตำราน่าสนใจอื่นจากหีบหนังสือที่เหลือขึ้นมา
วางคัมภีร์หมากตำราหมากลงด้านข้างก่อน หาตำราลับวิชายุทธ์ออกมาสองสามเล่ม ผลคือม้วนไม้ไผ่สิบเล่มที่เหลือ นอกจากคัมภีร์หมากหนึ่งเล่มกับตำราหมากสองเล่มแล้ว อีกเจ็ดเล่มมีแค่ตำราลับสองเล่ม
เล่มหนึ่งครอบคลุมวิชากำลังภายในจิตกับกระบวนท่ารบ ‘เทียบรบทัณฑ์เหล็ก’ เป็นม้วนไม้ไผ่หกเล่ม เล่มหนึ่งคือ ‘กรงเล็บอินทรี’ มีแค่วิชาหายใจกับทักษะกระบวนท่า
จากชื่อจี้หยวนก็คาดเดาได้เสี้ยวหนึ่ง ได้รับการพิสูจน์จากคำบรรยายตำราดังคาด
ตำราลับวิชายุทธ์สองเล่มนี้ล้วนเป็นวิชายุทธ์ซึ่งมือปราบหรือคนในสำนักเรียนรู้ วิจารณ์จากวิชายุทธ์ วิชายุทธ์นี้คงไม่ใช่วิชายุทธ์ลับเฉพาะอะไร แต่ก็ไม่ใช่พวกดาษดื่นตามถนน ถือเป็นวิชายุทธ์ขั้นกลางค่อนสูง
วิชายุทธ์ทั้งสองล้วนเป็นสิ่งที่ผู้สูงส่งศาลาว่าการซึ่งเรียกว่าเป็นมือปราบเหล็กหกรัฐเมื่อปีนั้นทุ่มเทกายใจทั้งชีวิตเพื่อสร้างขึ้น จุดเด่นคือใช้งานง่าย เรียนรู้เร็ว กระบวนท่าแข็งแกร่งดุดันอานุภาพมหาศาล ครึ่งแรกแพร่กระจายเป็นวงกว้างในส่วนราชการ ข้าราชการโดดเด่นไม่น้อยล้วนเคยเรียนมาก่อน
แน่นอนว่าผู้มีสิทธิ์ครองวิชายุทธ์ขั้นกลางค่อนสูงย่อมไม่ง่ายดาย ถือเป็นตำราเรียนง่ายยากเชี่ยวชาญ ยากจะหายอดฝีมือที่แท้จริง
จี้หยวนอ่านแล้วไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ตำราลับวิชายุทธ์สองเล่มนี้เขียนเรื่องจุกจิกมากมาย เนื้อหาเหนือกว่าตำราบำเพ็ญเพียรสองเล่มมาก แต่ตอนนี้จี้หยวนรู้สึกตาลายนัก
“วิชายุทธ์!”
ม้วนไม้ไผ่ในมือถูกเหวี่ยงลอยขึ้นลงบนมือจี้หยวน ในเมื่อตอนนี้ยังไม่มีเคล็ดวิชาบำเพ็ญเพียรที่ดีกว่า ฝึกวิชายุทธ์เพิ่มวิธีป้องกันตัวเองหน่อยก็ไม่เลว
…
ตะวันเด่นตะวันคล้อย เวลาผ่านไปครึ่งเดือนกว่า จี้หยวนผ่านการใช้ชีวิตผ่อนคลายอย่างหลงลืมตัวตน ดื่มด่ำกับประสบการณ์คล้ายการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ครั้งแรกเมื่อชาติก่อน
เมื่อร่างกายรับปราณวิญญาณได้ก็ใช้การควบรวมปราณวิญญาณ ใช้การกำหนดปราณวิวัฒน์ฟ้าดิน จากนั้นค่อยเรียนรู้ตำราลับวิชายุทธ์สองเล่ม เวลาว่างจะอ่านคัมภีร์หมากตำราหมาก
เอาเป็นว่านอกจากออกไปกินข้าวตามเวลาทุกวันแล้ว จี้หยวนใช้ชีวิตติดบ้านเสียยิ่งกว่าชาติก่อนอีก จึงทำให้นอกจากเหล่าเพื่อนบ้านตรงตรอกเทียนหนิวแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่ามีบุคคลอย่างจี้หยวนอยู่ด้วย คงมีแค่คนใกล้ร้านบะหมี่ที่จี้หยวนไปบ่อยจนรู้จักเขา
วันนี้จี้หยวนปรับลมหายใจยืนดุจต้นสน เขย่งสองเท้าเล็กน้อย
ฟุ่บ…
เขากระโดดตัวกะทันหัน จากนั้นค่อยเหยียบต้นพุทรากลางลานแผ่วเบาดังปึกๆๆๆ วิ่งตรงสิบกว่าก้าวมาถึงยอดต้นไม้ ตีลังกากลับหลังอย่างสง่างามแล้วกระโจนตัวสูงกว่าสามจั้ง
ทุกการเคลื่อนไหวลื่นไหลราวสายน้ำหลาก หลังจากตัวมาถึงที่สูงกลับไม่ร่วงหล่นเหมือนกับของหนัก แต่คล้อยตามลมราวนกนางแอ่นสยายปีกถลาร่อน ยืนบนกิ่งต้นพุทราอย่างรวดเร็วและนุ่มนวลจนกิ่งโค้งลง
ทั้งตัวยืนบนกิ่งก้านอย่างมั่นคง ปราณดั้งเดิมคล้ายโบกไหวตามกิ่งก้านและจุดศูนย์ถ่วงของร่างกาย อย่างน้อยภายในช่วงเวลาหนึ่งถ้าปราณดั้งเดิมไม่สลายก็ไม่ทำให้น้ำหนักกดทับกิ่งก้าน
‘อย่างหล่อ!’
จี้หยวนอุทานเสียงเบาในใจอย่างอดไม่ได้!
ฝึกวิชาตัวเบาเป็นหลักมานานขนาดนี้ ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จเช่นตอนนี้ แม้ว่าจี้หยวนไม่มีใครมาเปรียบเทียบ แต่รู้ตัวว่าฝึกยุทธ์เร็วมากแล้ว ถึงอย่างไรการลำบากฝึกปราณตลอดเวลาในตำราลับก็ต้องใช้เวลามาคำนวณทั้งสิ้น
ว่ากันตามตรงสาเหตุที่จี้หยวนฝึกยุทธ์ได้ประสิทธิภาพสูงมีเหตุจากปราณวิญญาณ
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาจะเปลี่ยนการฝึกฝนเป็นพรสวรรค์คือเส้นแบ่งเขตสูงส่ง ในตำราลับวิชายุทธ์อธิบายถึงพรสวรรค์อย่างน่าอัศจรรย์ เช่นการสัมผัสถึงความกว้างใหญ่ไพศาลของฟ้าดินหรือใช้พลังฟ้าดินชะล้างสิ่งสกปรกเป็นต้น
ตามความเข้าใจของจี้หยวน สิ่งที่เรียกว่าพรสวรรค์คือการเริ่มอาศัยปราณวิญญาณฟ้าดินชำระล้างตน พูดได้ว่าการเปลี่ยนแปลงกำลังภายในระดับพรสวรรค์คือปราณแท้พิเศษซึ่งผสมปราณวิญญาณ
ด้วยเหตุนี้สำหรับจี้หยวนยังไม่กล่าวถึงกระบวนท่าวิชายุทธ์ พวกกำลังภายในเป็นสิ่งที่เข้าถึงง่ายมาก ทั้งทำให้วิชาตัวเบาเห็นผลชัดเจน
กระบวนท่ายุ่งยากกว่าหน่อย ถึงอย่างไรก็เป็นวิชายุทธ์ที่ต้องกลั่นหลอมเคี่ยวกรำ แต่กำลังภายในกับกระบวนท่าเป็นสิ่งเสริมส่งกัน เพิ่มกำลังภายในพัฒนารวดเร็ว การพัฒนากระบวนท่าย่อมรุดหน้าว่องไว
ในตำรามีคำกล่าวประโยคหนึ่ง ‘เชื่อมพรสวรรค์แจ้งร้อยหมวดหมู่’ จี้หยวนรู้สึกว่าเรื่องนี้เกินจริงอยู่บ้าง แต่เห็นชัดว่าเป็นวิธียกระดับก้าวข้ามอย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ฝึกเซียนเช่นนี้ล้วนดูหมิ่นถิ่นแคลนวิชาบนโลก แต่จี้หยวนกลับชอบใจไม่เหนื่อยหน่าย!
เขาเก็บความคิด จี้หยวนที่ยืนบนต้นไม้กระโดดลงมา ยืนข้างโต๊ะหินอย่างมั่งคง ยื่นขาเกี่ยวปลายเท้า กิ่งพุทราหนึ่งทะยานฟ้าลอยข้ามหัวตามแรงเตะของขาขวา แต่ถูกจี้หยวนรับไว้ทัน
‘สง่างาม!’
การเคลื่อนไหวเช่นนี้ถ้าเป็นจี้หยวนเมื่อชาติก่อนคงไข่แตกแล้ว ตอนนี้กลับง่ายดายเหมือนดื่มน้ำ
จี้หยวนพิจารณาครู่หนึ่ง ใช้กิ่งไม้แทนดาบพาดหลัง เริ่มร่ายรำกระบวนท่ากลางลานดังฟึ่บฟั่บ