ตอนที่ 40 ของขวัญผิดธรรมเนียม
ฝ่ายหลบหนีมีเจ็ดคน แต่ละคนสวมชุดรัตติกาล คนรูปร่างสูงใหญ่ที่สุดในนั้นถือดาบขนห่านเล่มหนึ่ง ประมือกับฝ่ายศัตรูซึ่งความเร็วว่องไวด้านหลังบ่อยครั้ง คอยคุ้มกันพวกพ้องยามวิ่งหนี
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ชายร่างสูงใหญ่กระโดดหมุนตัว ขวางดาวกระจายสามอันไว้ ตัวดาบกับดาวเหล็กกระทบกันจนเกิดประกายไฟกลางรัตติกาล อาศัยดาวกระจายมาเป็นตัวเสริมแรงส่ง คนอื่นกระโดดยื่นขาเหยียบข้างต้นไม้ เร่งความเร็วหนีไปข้างหน้าอีกครั้ง
ผู้ตามล่ามีสิบกว่าคน ทั้งหมดมีวิชาตัวเบาไม่ธรรมดา กัดคนชุดดำเบื้องหน้าไม่ปล่อย ทั้งใช้ดาวกระจายรวมถึงเศษหินที่เก็บได้ในป่าซัดไปข้างหน้าเป็นพักๆ แต่ส่วนใหญ่ถูกชายชุดดำรั้งท้ายคนนั้นสกัดไว้
“เซี่ยงเฟิง ส่งเทียบเจตกระบี่มา ข้าจะเหลือศพพวกเจ้าไว้ทั้งตัว!!”
ยามชายชุดขาวคนหนึ่งตะโกนประโยคนี้ออกมา ใต้ฝ่าเท้าออกแรงเหยียบต้นไม้ก่อนพุ่งตัวไปข้างหน้า แส้เหล็กเก้าท่อนตวัดออกไปเหมือนอสรพิษแล้ว
“แม่งพูดจาเหลวไหล อนาคตข้าจะเล่นสนุกกับลูกเมียเจ้าสักรอบค่อยฆ่าทิ้ง!!”
เคร้ง…
ครานี้ชายชุดดำต้านโดยอาศัยต้นไม้ด้านข้าง แต่ด้านหลังชายชุดขาวใช้มือซ้ายหวดแส้เก้าท่อนของตน ถึงกับทำให้แส้เหล็กที่ถูกสกัดออกม้วนตัวราวอสรพิษ ไล่ตามชายชุดดำต่อไป
“รนหาที่ตาย!”
ปึง!
แส้เหล็กระเบิดต้นไม้นั้นออกเป็นเสี่ยง เศษไม้ฟุ้งกระจายบังสายตา ด้านหลังทางขวามือมีกำลังเสริมสองคนดีดตัวออกมาเหมือนธนูพร้อมกัน
ฟุ่บ ฟุ่บ…
ฉึบ!
พรูด…
ดาวกระจายหนึ่งพุ่งมาแต่ถูกสกัดอีกหนึ่งก่อเกิดบุปผาโลหิต ในที่สุดชายฉกรรจ์ชุดดำคนนั้นก็บาดเจ็บ ไหล่ซ้ายโดนซัดอาวุธใส่
ส่วนแส้เหล็กนั่นกลับยังคงวาดไปวาดมาอยู่ตรงหน้าตัวเขาเหมือนกระบองยาวบ้างเหมือนงูวิญญาณ ทำให้ชายชุดดำเหงื่อแตกพลั่ก
“ฮ้า!”
ชายชุดดำโคจรปราณดั้งเดิมเหวี่ยงดาบอย่างบ้าคลั่ง
เปรี๊ยะๆๆๆๆๆๆๆๆ…
กิ่งไม้มากมายถูกชายชุดดำนามเซี่ยงเฟิงผู้นี้โค่น เหยียดขาทยอยเตะกิ่งไม้ไปด้านหลัง ไม่กล้ารั้งท้ายคนเดียวอีก ใช้พลังหนีไปข้างหน้าเต็มกำลัง
เดิมคนชุดดำคิดว่าการขโมยเทียบเจตกระบี่เป็นเรื่องเล็กจ้อย คิดไม่ถึงว่าตาแก่หงำเหงือกตระกูลฝานนั่นอายุมากแล้วแต่ยังแข็งแกร่ง ต้องสละสิบสามโจรแดนเยี่ยนสองคนเพื่อจัดการตาแก่นั่น
หลังจากสิบเอ็ดโจรที่เหลือได้รับเทียบเจตกระบี่ก็หนีออกมา ตระกูลฝานเห็นผู้อาวุโสจบชีวิตด้วยมือโจรแล้วเหมือนคลุ้มคลั่ง ประกาศทั่วยุทธภพจังหวัดติ้งหยวนว่า ‘หากใครสังหารสิบสามโจร ไม่เพียงแต่ส่งเทียบเจตกระบี่ให้เขา ยังจะบอกกล่าวใจความที่ตระกูลฝานบากบั่นหยั่งรู้มาหลายปีทั้งหมดด้วย’
ยุทธภพจังหวัดติ้งหยวนเกิดคลื่นลมโกลาหลทันที ยอดฝีมือแต่ละสายรวมตัวกัน เพียงเพื่อตามล่าสิบสามโจรแดนเยี่ยน
‘เทียบเจตกระบี่’ เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนจั่วขวงถู ยอดฝีมือแห่งยุคซึ่งมีฉายาว่าเซียนกระบี่เหลือไว้ก่อนตาย ตัวอักษรในนั้นซ่อนกระบวนท่ากระบี่เจตกระบี่ส่วนหนึ่งของจั่วขวงถูไว้ ทั้งยังบอกสถานที่ฝังร่างกลบกระบี่ซึ่งตนจะไปก่อนตาย ยุทธภพเล่าลือว่าหยั่งรู้เทียบเจตกระบี่ ค้นเจอสุสานจั่วขวงถู ได้รับตำราลับวิชายุทธ์แห่งยุคกับเงาพิสุทธิ์กระบี่ยาวศาสตราจิตของเขา
ทุกคนต่างคาดไม่ถึงว่าเทียบเจตกระบี่ที่เคยเปิดฉากพายุโลหิตบนยุทธภพ ถึงกับซ่อนอยู่ในตระกูลฝานแห่งติ้งหยวนมาตลอด ทั้งคิดไม่ถึงว่าตระกูลฝานจะเปิดเผยข้อมูลต่อหน้าทุกคนเพื่อแก้แค้น
คราวนี้มือหนึ่งแห่งยุทธภพทุกคนแย่งกันตามล่า แต่คนกลุ่มนี้เจอสิบเอ็ดโจรที่เหลือทั้งประมือหลายครั้ง ลดกำลังคนเหลือเจ็ดโจร ส่งสัญญาณกันนานแล้วว่าต้องยึดเทียบเจตกระบี่ให้ได้ก่อนที่คนอื่นรวมถึงยอดฝีมือต่างถิ่นจะมาตะลุมบอน
เพื่อข้อสัญญาของตระกูลฝาน สิบสามโจรแดนเยี่ยนต้องตาย!
…
คนชุดดำยิ่งหนียิ่งร้อนรน เดิมคิดพึ่งป่าเขาสลัดการตามล่า แต่ด้านหลังสิบกว่าคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา ตามล่าจนไม่ปล่อยโอกาสให้พวกเขาแม้แต่น้อย
ความจริงคนชุดดำเบื้องหน้าก็บาดเจ็บไม่น้อย ตอนนี้เซี่ยงเฟิงที่เป็นผู้นำยังโดนดาวกระจายเหวี่ยงใส่ สถานการณ์ยิ่งวิกฤติแล้ว
“พี่ใหญ่ เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแน่ พวกเราสู้พวกเขาไม่ได้!”
“แม่ง เจ้าฝานถงบัดซบ ตายแล้วยังหาเรื่องพวกเราอีก! ถ้าไม่ไหวจริงค่อยสู้ตายข้างหน้า!”
คนชุดดำที่เป็นผู้นำสบถพลางคว้าแผนภาพออกมาจากอก กระโดดสองสามก้าวไปถึงหินผาที่ค่อนข้างกว้างแห่งหนึ่งด้านหน้า ชูแผนภาพในมือขึ้นสูง
ชายชุดดำคนอื่นพากันหอบหายใจอยู่ด้านหลังเขา
“ฝูงหมาบ้าอย่างพวกเจ้า อยากได้เทียบเจตกระบี่ไม่ใช่หรือ ถ้าบีบพวกข้าจนจวนตัว ข้าจะฉีกแผนภาพนี้!”
ขณะกล่าวเซี่ยงเฟิงดึงเทียบอักษรที่เดิมม้วนอยู่ออกมาแล้ว
ด้านหลังยอดฝีมือที่ตามล่าพากันหยุดเท้าใกล้ๆ อยู่ห่างจากพวกคนชุดดำสองจั้ง
ชายชุดขาวนั่นยิ้มหยันกล่าว
“ความตายมาเยือนยังคิดดิ้นรนอีก ทำลายแผนภาพล้ำค่าซึ่งเซียนกระบี่จั่วเหลือทิ้งไว้แล้วอย่างไรเล่า ขอเพียงมีใจความที่ตระกูลฝานหยั่งรู้หลายปีก็เหมือนกัน!”
“หึๆๆ เจียงฉงหลี เจ้าคิดเช่นนี้ได้ คนข้างกายเจ้าจะคิดเช่นนี้หรือไม่ ถ้าการหยั่งรู้ตระกูลฝานมีประโยชน์ พวกเขาไม่ไปหาวิชากระบี่แห่งยุคกับศาสตราจิตเองนานแล้วหรือ”
คนชุดดำยิ้มเย็นเย้ยหยัน ระหว่างสองฝ่ายเกิดความเงียบชั่วขณะ
คราวนี้เซี่ยงเฟิงไม่คิดนำเทียบเจตกระบี่ไปด้วยจริงๆ แค่อยากหนีจากไปเท่านั้น ยามคิดจะพูดอะไรต่อ ลมภูเขาพลันโหมกระหน่ำ
วู้ม… วู้ม…
ลมคลั่งม้วนซัดใบไม้ฝุ่นผง ทำให้รัตติกาลยิ่งมืดสลัว มือเซี่ยงเฟิงพลันผ่อนคลาย เทียบอักษรถึงกับถูกสายลมม้วนไปกลางอากาศ
“แย่แล้ว!”
“เทียบเจตกระบี่!”
“ชิงมันมา!”
ฝ่ายผู้ตามล่าหลายคนทะยานสู่ฟากฟ้าทันที สำแดงวิชาตัวเบากระโดดขึ้นมาด้วยคิดชิงเทียบเจตกระบี่
หลังจากเซี่ยงเฟิงรู้สึกคั่งแค้นก็พลันรับรู้ว่าเป็นโอกาส พาโจรชุดดำมากมายกระโดดถอยหลังไปเงียบๆ ฉวยโอกาสชุลมุนจากสายลมคลั่งกับผู้ตามล่าช่วงชิงเทียบเจตกระบี่เพื่อหนีไป
ห้วงอากาศกลางป่าเขา ยอดฝีมือหลายคนกระโดดช่วงชิง ถึงขั้นมีคนลงมือกับคนอื่นกลางอากาศ อยากชิงเทียบเจตกระบี่ไปก่อน
น่าเสียดายว่าสายลมนี้แปลกมาก ยามเทียบเจตกระบี่ใกล้ถูกชายชุดขาวยื่นมือสัมผัสกลับลอยขึ้นสูง ถูกม้วนไปทางขอบฟ้าทั้งอย่างนั้น
วิ้ว… วิ้ว…
กิ่งใบไม้ร่วงหล่นกับเศษฝุ่นอีกมากม้วนตลบ เหล่าจอมยุทธ์ถึงขีดจำกัดการกระโดดด้วยวิชาตัวเบาจนทยอยร่วงลงมา พอมองกลางอากาศอีกครั้ง เทียบอักษรหายไปกลางรัตติกาลแล้ว บนพื้นไม่มีเงาร่างของโจรที่เหลือเช่นกัน
“น่าชังนัก! น่าชังที่สุด!”
“เฮ้อ พังไม่เป็นท่า!”
“สายลมนี้มาแปลกเกินไปแล้ว!”
“ยังตามต่อหรือไม่”
“หึ หาเทียบเจตกระบี่เจอก่อนค่อยว่ากัน!”
เหล่าจอมยุทธ์แบ่งเป็นสองกลุ่มเพื่อความปลอดภัย ตามหาโดยแยกไปสองทิศทางซึ่งมีโอกาส
…
บนยอดเขาไร้นามแห่งหนึ่งของเขาโคเทพ เจ้าภูเขาลู่กำลังนอนหมอบอย่างเกียจคร้านตรงปากถ้ำ ภายในอุ้งเท้ามีเทียบอักษรที่เปรียบเทียบกันแล้วดูเล็กจ้อยเล่มหนึ่ง เป็นเทียบเจตกระบี่ซึ่งติดมือมาจากที่ใดสักแห่งยามผ่านป่ามาก่อนหน้านี้
เล็บคมกริบสะกิดเปิดเทียบอักษรเบาๆ บนม้วนกระดาษซีดจางเล็กน้อยตัวอักษรนับร้อยหนักแน่นงดงามแข็งแกร่งทรงพลัง
“อักษรดี! น่าเสียดายว่าแปลกประหลาดนัก”
แม้ว่าตัวอักษรมีเจตจำนงดุดัน แต่กลับไม่มีปราณวิญญาณแม้แต่น้อย เป็นสิ่งที่จอมยุทธ์ธรรมดาซึ่งถูกเรียกว่าเซียนกระบี่เหลือไว้ดังคาด ทว่าเสือร้ายที่เพิ่งอ้าปากเตรียมกลืนพลันหยุดการเคลื่อนไหว
‘อักษรดีจริงๆ!’
เสือร้ายตัวมหึมานึกถึงตรงนี้แล้วลุกขึ้นช้าๆ หอบลมแผ่วเบาพุ่งตัวเข้าป่าเขา
หลังผ่านไปชั่วยามกว่า ภูเขาบางลูกใกล้อำเภอหนิงอัน
จิ้งจอกแดงตัวหนึ่งถูกกรงเล็บใหญ่เกือบเท่าตัวมันเหยียบหาง
“หงิงๆ… หงิง…”
จิ้งจอกแดงตัวแข็งทื่อสั่นงันงก ไม่กล้าดิ้นรนเกินไป หันหลังกลับมาอย่างระมัดระวังเหมือนคนมาก ประกบขาหน้าสองข้างคล้ายทำท่าขอร้องเสือร้าย
เจ้าภูเขาลู่อ้าปากเล็กน้อย เผยเขี้ยวชวนประหวั่น
“หึๆ รู้อยู่แล้วว่าจิ้งจอกอย่างเจ้าตื่นรู้มีปัญญา ทั้งรู้ด้วยว่าเจ้าลงเขาไปอำเภอหนิงอันเพื่อแอบกินเป็ดไก่ของชาวบ้านบ่อยครั้ง เจอผู้สูงส่งตาบอดที่เคยอยู่อารามเทพภูเขานอกยอดเขาหรือไม่”
“หงิงๆๆ…”
จิ้งจอกพยักหน้า ไม่กล้าขัดขืนใดๆ
“รู้จักก็ดี ทำธุระแทนข้าหน่อย”
พูดจบม้วนอักษรหนึ่งลอยออกมาจากปากเสือร้าย บนนั้นพันรอบด้วยเชือกบางสลับกับขนเสือเส้นหนึ่ง ผูกอยู่บนหลังจิ้งจอกแดงแล้วซ่อนไว้ภายใต้ขนสีชาด
“เจ้าไปเมืองสุ่ยเซียนกับอำเภอหนิงอันตามหาท่านจี้แทนข้า ถ้าเจอท่านก็มอบเทียบอักษรนี้ให้แทนข้า บนตัวเจ้ามีขนของข้าพันอยู่ท่านน่าจะไม่ลงมือกับเจ้า แต่จงจำไว้ว่าอย่าบุ่มบ่ามรบกวนความสงบของท่าน จำได้ใช่หรือไม่”
ตามหาที่พักของท่านจี้ มอบเทียบอักษรนี้ให้ท่านจี้แทนข้า ท่านตาบอดแต่กลับเป็นยอดฝีมือต่างแดน ถ้าเจอแล้วไม่มีทางจำไม่ได้
“หงิงๆๆ!”
จิ้งจอกแดงแค่กล้าตอบรับเบาๆ
เจ้าภูเขาลู่เก็บแววตาดุดัน เผยสีหน้าพอใจ ผ่อนคลายกรงเล็บแล้ว
“ดีมาก นี่ก็เป็นศุภโชคคราหนึ่งของเจ้า ไม่ว่าเจอท่านหรือไม่ก็อย่าทำตัวอวดฉลาด ไปเถอะ!”
จิ้งจอกแดงก้าวเดินสองสามก้าวอย่างสั่นเทา หันกลับมามองเสือร้ายในป่าตัวนี้ จากนั้นค่อยเร่งฝีเท้า พุ่งตัวเข้าป่าห่างออกไป
เจ้าภูเขาลู่มองส่งจิ้งจอกแดงจากไป ในใจใคร่ครวญว่าการส่งแผนภาพคงไม่ผิดธรรมเนียมกระมัง