ตอนที่ 69 โรคตาประหลาด
“นักพรตชิงซงรักษาตัวอย่างสบายใจเถอะ ภายหน้านิสัยพูดจาส่งเดชนี้ยังต้องเปลี่ยน!”
จี้หยวนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวตอบไม่ตรงคำถาม
นักพรตชิงซงรีบพยักหน้าอย่างรู้จักกาลเทศะ เขารู้ว่าประโยคซึ่งตนถามเมื่อครู่เข้าข่าย ‘พูดจาส่งเดช’
“จำได้แล้วๆ ภายหน้าย่อมระวัง เลือกพูดแต่สิ่งดี เรื่องร้ายไม่พูด ควรพูดค่อยพูด ไม่ควรพูดไม่พูด…”
นักพรตเด็กฉีเหวินขยับปากอยู่ด้านข้าง สุดท้ายก็ไม่กล่าวคำอะไรออกมา
จี้หยวนถอนใจเบาๆ คำพูดนี้ของนักพรตชิงซงฟังแล้วคุ้นหูอยู่บ้าง
“น้ำชามาแล้ว!”
ลูกจ้างโถงยารีบวิ่งเหยาะกลับมา ครั้งนี้นักพรตเด็กฉีเหวินรับถ้วยน้ำ ป้อนให้อาจารย์ตนดื่มอย่างระวัง
เมื่อได้ยินว่าคนป่วยฟื้นแล้ว ยามนี้หมอชราที่อยู่โถงด้านนอกเดินเข้ามา
ยืนข้างเตียงดูสีหน้านักพรตชิงซงโดยละเอียด จับชีพจรจนกล้ายืนยันว่าชีวิตคนผู้นี้ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ
“อาการป่วยของเจ้าพิกลจริง เหมือนว่าธาตุไฟจู่โจมจิตใจแต่กลับแตกต่างกันมาก รักษาชีวิตไว้ได้แล้ว แต่ร่างกายคงอ่อนแออีกหนึ่งปีครึ่ง ระหว่างนี้ยาอย่าขาดปาก!”
“รักษาชีวิตไว้ได้ก็ดีๆ… ขอบคุณท่านหมอๆ!”
นักพรตชิงซงซึ่งหายใจคล่องไม่น้อยกล่าวขอบคุณท่านหมออย่างต่อเนื่อง ฝ่ายหลังยิ้มรับพลางก้าวออกจากห้องด้านในไปข้างนอกอย่างสบายอกสบายใจ
จี้หยวนกำชับสองนักพรตว่าพักผ่อนให้เต็มที่ ก่อนตามหมอชราไปยังโถงด้านนอก
เมื่อถึงด้านนอกเขากล่าวชมและขอบคุณท่านหมออีกครั้งก่อน จากนั้นค่อยใช้เศษเงินจ่ายค่ารักษา ขอให้หมอชราเขียนใบสั่งเพื่อจัดยา
ยามลูกศิษย์ของหมอชราคนหนึ่งชั่งน้ำหนักเงิน อีกคนจัดยาตามใบสั่ง จี้หยวนพูดคุยกับท่านหมอซึ่งวิชาแพทย์ไม่ธรรมดาคนนี้ นอกจากคุยเรื่องอาการป่วยของนักพรตชิงซงแล้ว ยังคุยเรื่องที่ตัวจี้หยวนสนใจ
…
“อะไรนะ เจ้าอยากรักษาดวงตาของตัวเอง? ดวงตาเจ้ามีปัญหาหรือ”
ท่านหมอนามฉินจื่อโจวซึ่งว่ากันว่าเลื่องชื่อทั้งมีอายุมากถึงเก้าสิบสามปีคนนี้ เมื่อได้ยินจี้หยวนบอกว่าสายตาตนไม่ดีก็แปลกใจอยู่บ้าง การรักษาก่อนหน้านี้ไม่อาจพลาดแม้เพียงเล็กน้อย จี้หยวนไม่ทำผิดสักนิด ตอนนี้กลับบอกว่าเขาสายตาไม่ดี?
“ถูกต้อง การมองเห็นของข้าน้อยเลือนรางยิ่ง ทำงานพักผ่อนล้วนไม่สะดวก!”
เดิมปัญหาเรื่องดวงตาจี้หยวน โดยพื้นฐานฝากความหวังกับการฝึกเซียน แต่หมอชราคนนี้แทบเป็นหมอเทวดาของปวงชน ทำให้เขารู้สึกอยากลองหาหมอดู
“เมื่อครู่ยังไม่สังเกต มาๆๆ ขอข้าดูดวงตาของเจ้าโดยละเอียดหน่อย”
จี้หยวนจึงรีบเดินเข้ามาใกล้โต๊ะ กระเถิบมาอยู่ข้างกายชายชรา ข่มความเจ็บปวดพยายามเบิกตากว้าง ทำให้ฝ่ายหลังเห็นดวงตาสีเทาโปร่งแสงคู่นั้น
ชายชรายื่นนิ้วออกมากวัดแกว่งตรงหน้าจี้หยวน จับตามองการเปลี่ยนแปลงของดวงตาจี้หยวนเขม็ง แต่กลับเหมือนเห็นแค่ผิวน้ำของบ่อน้ำโบราณ
“เฮือก… เจ้าหนุ่ม ข้ารักษามาเจ็ดสิบกว่าปี ยังไม่เคยเจอแบบเจ้า เจ้ามองเห็นเงาเลือนรางจริงหรือ”
จี้หยวนขมวดคิ้วหลับตาเล็กน้อย หวนคืนกลับสู่สภาพลืมตาครึ่งหนึ่ง ทั้งไม่ได้ตอบคำถามของหมอชรา ฝ่ายหลังปากไวพูดขวานผ่าซากแล้ว
“สายตาเจ้าไม่ดีเสียที่ไหน บอดสนิทต่างหาก!”
ต่อให้คาดเดาแล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ ยามนี้จี้หยวนเพิ่งยอมรับความจริงว่าดวงตาของตนมืดบอดจริงๆ
‘เช่นนั้นการมองเห็นเลือนรางของตนคงไม่ได้มาจากดวงตา แม้ว่าคนทั่วไปเห็นว่าดวงตาของตนบอด แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น’
ยามจี้หยวนใคร่ครวญ ชายชรากลับรู้สึกสนใจ
“มาๆๆ เจ้าหนุ่ม ในเมื่อเจ้าบอกว่าตนเห็นเงาเลือนรางอยู่บ้าง ให้ข้าผู้ชราลองฝังเข็มเจ้าหน่อยได้หรือไม่ เจ้าวางใจเถอะ ดวงตาทั้งสองคือจุดสำคัญของคน ข้าลงเข็มย่อมระวังยิ่ง!”
จี้หยวนไม่ทำท่าลังเลหรือกังวลอะไรนัก
“ได้! เชิญท่านหมอฝังเข็ม!”
ชายชราลูบเคราพยักหน้า หยิบเข็มเงินชุดหนึ่งที่เพิ่งเก็บไปไม่นานออกมาจากโต๊ะ จากนั้นค่อยชี้ไปทางเก้าอี้ที่อยู่ข้างโต๊ะ
“เจ้านั่งดีๆ พิงหัวกับพนักเก้าอี้เงยหน้าขึ้นอย่าขยับ”
รอจี้หยวนทำตามเสร็จ ชายชราถือเข็มเงินมายืนตรงหน้าเขา
เมื่อเห็นเข็มเงินแวววาวจ่ออยู่ตรงหน้า จี้หยวนซึ่งเดิมไม่รู้สึกอะไรพลันกดดันอยู่บ้าง
“ข้าลองฝังจุดหนึ่งก่อน หันไปด้านข้างเปิดล่างใบหู”
รอจี้หยวนจัดท่าเรียบร้อย ชายชราหนีบเข็มเงิน จดจ่อแทงเข้าจุดหมิงมู่[1] เข็มเพิ่งปะทะผิวหนังจี้หยวน ชายชรารู้สึกถึงแรงต้านประหลาดอย่างหนึ่ง
เข็มเงินถึงกับเริ่มสั่นสะเทือนรุนแรง ทำให้ชายชราควบคุมทักษะการจับเข็มซึ่งมั่นคงดุจเขาไท่ซานไม่อยู่
วู้ม… ฟุ่บ…
เข็มเงินตวัดผ่านรวดเร็ว ปาดผิวนิ้วมือชายชรา หางเข็มพุ่งแทงเข้าขื่อลึกหนึ่งนิ้ว
“เฮือก…”
นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ข้างขวาของหมอชราฉินสั่นเล็กน้อย เลือดแดงสดไหลออกมาแล้ว
“หมอฉิน ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
จี้หยวนซึ่งสังเกตเห็นความผิดปกติลุกขึ้นทันที
“ไม่เป็นไรๆ… คิดไม่ถึงว่าเข็มยังแทงไม่เข้า หรือว่าเป็นปราณดั้งเดิมพิทักษ์กายของจอมยุทธ์ชั้นยอด”
ชายชราพูดพลางมองนิ้วมือ ทั้งเงยหน้ามองเหนือศีรษะ
เกรงว่าคงไม่ใช่!
ความจริงเมื่อครู่จี้หยวนไม่ได้ต่อต้านแม้แต่น้อย แม้แต่ปราณวิญญาณภายในกายยังเก็บรักษาอย่างดี แต่เมื่อเข็มเงินใกล้แทงเข้าจุดปราณ ในสมองพลันเกิดภาพมายาภูผาธารา หมากดำตัวหนึ่งวาบผ่านในใจ
รอเมื่อจี้หยวนได้สติกลับมาก็เกิดเรื่องเข็มบินคนบาดเจ็บแล้ว
“หมอฉิน พวกเราอย่าลองอีกเลย”
“เฮ้อ ก็ถูก น่าเสียดาย!”
เห็นชายชราทำหน้าเสียดาย จี้หยวนชื่นชมนัก อาจมีแค่ผู้ครองท่าทีเห็นโรคซับซ้อนรักษายากเหมือนเบิกบานยามล่าสัตว์มาเจ็ดสิบกว่าปีเช่นนี้ถึงมีวิชาแพทย์ในปัจจุบัน
หลังจากพูดคุยกับชายชราต่อสองสามประโยคจี้หยวนก็ไม่คุยมากอีก ถือยาที่ลูกศิษย์โถงยาห่อเสร็จกลับเข้าห้องด้านใน
…
คืนนั้นยังไม่เคลื่อนย้ายคนป่วย ดังนั้นหมอฉินจึงบอกให้พวกนักพรตชิงซงศิษย์อาจารย์พักอยู่โถงยา ส่วนจี้หยวนไปหาโรงเตี๊ยมใช้เวลาอาบน้ำอยู่นาน
วันที่สองเมื่อมาโถงยาอีกครั้ง ชายสกปรกมอมแมมคนนั้นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งตัว กลายเป็นชายอ่อนโยนสง่างามท่าทางโดดเด่นคนหนึ่ง ทำให้ลูกจ้างโถงยาพวกนั้นตกตะลึง มีแค่หมอฉินสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน
เมื่อพูดคุยกันสักพักจี้หยวนจึงรับรู้ ปีนั้นหมอถงแห่งอำเภอหนิงอันถึงกับเคยเป็นลูกศิษย์ของหมอชรา ทั้งถูกหมอชราฉินชื่นชมยกใหญ่ว่าเขามีพรสวรรค์
หลังจากจี้หยวนบอกว่าตนเป็นคนอำเภอหนิงอันครึ่งหนึ่ง ชายชรารีบซักถามอย่างดีใจว่า ‘เสี่ยวถง’ กล่าวถึงเขาบ่อยหรือไม่
ด้วยลักษณะของรัฐจี สองสถานที่ห่างกันเป็นทางขรุขระเกือบสองร้อยลี้ ชายชราวัยเก้าสิบกว่าอยากไปเจอศิษย์น่าภาคภูมิย่อมไม่ง่าย
คำถามนี้ทำให้จี้หยวนอักอ่วนนัก ถึงอย่างไรเขาก็เจอหมอถงแค่ไม่กี่ครั้ง เท่าที่จี้หยวนรู้เหมือนหมอถงไม่ค่อยพูดถึงอาจารย์ของตนนัก
ปากจี้หยวนกลับได้แต่ฝืนตอบอยู่บ้าง
“แน่นอนๆ…”
ในใจกลับคิดว่า ‘หมอถง… บุญคุณที่ท่านช่วยจิ้งจอกน้อยตอนนั้น คราวนี้ถือว่าตอบแทนส่วนหนึ่งแล้ว!’
…
วันนี้เป็นวันที่ห้าเดือนห้า จี้หยวนไม่อาจอยู่ที่นี่รอนักพรตชิงซงหายดีจริงๆ คาดว่าเขายังลงจากเตียงไม่ได้อีกช่วงหนึ่ง เมื่อลงจากเตียงได้ทางที่ดีควรพักฟื้นอยู่ภายใต้สายตาหมอฉินเกือบครึ่งปีจึงเหมาะสม
ดังนั้นสิ่งที่จี้หยวนทำได้ก็คือพยายามช่วยสองศิษย์อาจารย์จัดแจงให้เรียบร้อย พานักพรตชิงซงไปพักโรงเตี๊ยมอย่างระวัง ทั้งแบ่งตำลึงทองของตนเป็นชิ้นเล็กก่อนบีบเป็นขนาดเท่าเม็ดถั่วสิบกว่าชิ้นให้ฉีเหวิน ทิ้งเศษเงินไว้เล็กน้อย ถือว่าไม่ปล่อยให้สองศิษย์อาจารย์กังวลเรื่องอาหารที่พักและค่ายารักษา
ก่อนจากไปจี้หยวนกำชับฉีเหวินอย่างจริงจัง บอกให้เขาจับตามองนักพรตชิงซง ทางที่ดีชาตินี้อย่าดูดวงคนอื่นอีก ถ้าทนไม่ไหวค่อยไปอธิบายใบเซียมซีให้คนอื่นตรงประตูอารามก็พอ ทางที่ดีควรอธิบายแค่เรื่องบุพเพสันนิวาส
แม้ว่าฉีเหวินรับปากจริงจังหนักแน่นหาใดเปรียบ ตัวนักพรตชิงซงก็ตกปากรับคำ แต่ได้ผลแค่ไหนจี้หยวนไม่มั่นใจนัก
จี้หยวนเคยคิดว่าอนาคตหากตนมีความสามารถจะช่วยนักพรตชิงซงคนนี้ซ่อมเสริมอายุขัยได้หรือไม่ ดังนั้นจึงถามตำแหน่งอารามเขาเมฆาชัดเจนเป็นพิเศษ ขอแค่ก่อนหน้านั้นเจ้าหมอนี่ไม่หาเรื่องใส่ตัวก็พอ
กระทั่งแยกจาก ทั้งสองฝ่ายไม่พูดถึงเรื่องฐานะอะไรราวกับรับรู้กันอยู่ในที ส่วนเรื่องทำนายโชคชะตาใช่ว่าจี้หยวนไม่คิดอยากลองเรียน แต่หนึ่งคือใจไม่อยู่ที่นี่ สองคือทักษะที่มีหรือไม่ก็ได้นี้ดูท่าว่าอันตรายอยู่บ้าง วางเฉยดีกว่า ไม่แน่ว่าภายในวิชาฝึกเซียนอาจมีบ้าง
[1] จุดหมิงมู่ คือจุดฝังเข็มซึ่งอยู่ตรงส่วนเว้าบริเวณล่างใบหู ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับดวงตา