ตอนที่ 122 แค่ปราณมารเท่านั้น
แม้ว่าวิญญาณของเด็กชายคนนี้พิเศษยิ่ง วิ่งอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายกงมู่ฮว่าก็เป็นเทพภูเขาซึ่งเชื่อมต่อปราณพิภพรู้จักสภาพภูเขาแห่งนี้ระดับหนึ่ง บนอาณาเขตของตนถ้าอยากจับวิญญาณเด็กน้อยคนหนึ่งย่อมไม่ยากเกินไป สิ่งนี้เรียกว่าแต่ละคนถนัดไม่เหมือนกัน
ภายในอารามเทพภูเขา จี้หยวนกับเหล่าจอมยุทธ์รอมาประมาณหนึ่งถ้วยชา ก็เห็นว่ามีหมอกหมุนวนขึ้นมาจากพื้นอารามเทพภูเขา เป็นเทพภูเขาใบตองก่อนหน้านี้
แม้ว่าจอมยุทธ์คนอื่นถูกจำกัดด้วยตาเนื้อจนมองไม่เห็น แต่จี้หยวนกลับเห็นว่าในมือเทพภูเขาใบตองจับเด็กหน้าตาตื่นเพราะดิ้นรนมาได้จริง
ตอนเพิ่งปรากฏตัวสีหน้าเทพภูเขาเห็นชัดว่าไม่น่าดูนัก แต่เมื่อเผชิญหน้าจี้หยวนกลับเปลี่ยนสีหน้าทันที
“อะแฮ่ม เรียนท่านเซียน ข้าน้อยทำภารกิจลุล่วง นำวิญญาณของเด็กคนนี้กลับมาแล้ว!”
ตอนนี้เด็กชายพลันเห็นสถานการณ์ภายในอาราม ไม่เพียงเห็นปีศาจรายงานต่อชายชุดคลุมขาวมวยผมปักปิ่นหยกดำคนหนึ่ง ยังเห็นพวกโม่ถงด้วย ความหวั่นหวาดในใจลดลงไม่น้อยทันที ไม่ดิ้นรนอีกแล้ว
“อืม รบกวนเทพภูเขากงแล้ว!”
จี้หยวนประสานมือไปทางเทพภูเขา จากนั้นค่อยกล่าวกับวิญญาณของเด็กชาย
“ไปเถอะ วิญญาณควรกลับสู่กายเนื้อ อยู่ข้างนอกนานไม่ดีนัก”
เทพภูเขาได้ยินแล้วรีบปล่อยมือ แน่นอนว่ายังเตรียมการบางอย่าง คล้ายกลัวว่าเด็กคนนี้หนีไปอีกครั้ง
เด็กคนนี้มองจี้หยวน ยามเดินหากายเนื้อเขาพลันนึกขึ้นได้ว่าจี้หยวนเป็นใคร เอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา
“ท่านคือคุณชายซึ่งถูกโม่ถงไล่ตรงเพิงน้ำชากระมัง”
จี้หยวนยิ้มรับ
“เขาไม่ได้ไล่ข้า เป็นข้าจากมาเอง ไปเถอะ!”
จี้หยวนพูดจบแล้วสะบัดแขนเสื้อ วิญญาณเด็กเหมือนถูกส่งตามแรงลม ลอยไปทางกายเนื้อซึ่งวางอยู่บนเบาะรองนั่งทันที จากนั้นค่อยผลุบเข้าร่าง
เด็กซึ่งเดิมหมดสติหนังตากระตุกไม่หยุด ขมวดคิ้วเป็นพักๆ ตอนนี้สีหน้าสงบลง คล้ายกำลังหลับสนิท
โม่ถงกับหญิงสาวสองคนรวมถึงคนอื่นถือว่ามองไม่เห็นวิญญาณนายน้อยตระกูลตน แต่ได้ยินคำพูดเทพภูเขาและจี้หยวน กอปรกับการตอบสนองของนายน้อยตระกูลตน แน่นอนว่าย่อมเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาพากันตื่นเต้นยินดีขอบคุณจี้หยวนและเทพภูเขากงมู่ฮว่าไม่หยุด
“ขอบคุณท่านเซียนที่ยื่นมือช่วยเหลือ ขอบคุณใต้เท้าเทพภูเขาที่ช่วยนายน้อยตระกูลโม่ของพวกเรา!”
“ขอบคุณท่านเซียนกับใต้เท้าเทพภูเขา!”
…
ยามพวกเขาซาบซึ้งบุญคุณ จี้หยวนแค่พยักหน้ารับ กวักมือเรียกเทพภูเขาออกไปนอกอารามพร้อมกัน ปล่อยคนในอารามให้ดูแลนายน้อยตระกูลตน
เทพภูเขาก้าวตามจังหวะฝีเท้าอยู่ด้านข้างไม่กล้าจากไปโดยง่าย เมื่อมาถึงตรงชายคาอารามด้านนอก จี้หยวนเห็นท่าทางของเขาแล้วกล่าวด้วยเสียงค่อนข้างขออภัย
“โชคดีว่าครั้งนี้เทพภูเขากงช่วยเหลือ การหาวิญญาณกลางเขาวิญญาณเทพภูผาธาราย่อมถนัดกว่า สั่งสมบุญทำความดีเช่นวันนี้มากๆ คิดว่าชาวบ้านคงศรัทธาเทพภูเขากงมากขึ้นเรื่อยๆ สามารถช่วยท่านรับตำแหน่งได้ในเร็ววัน”
“ท่านเซียนสอนสั่งย่อมต้องจดจำๆ!”
กงมู่ฮว่าซึ่งเหมือนภูตมากกว่าเทพภูเขาแค่พยักหน้ารับคำต่อเนื่อง แต่ไม่ผ่านความเห็นชอบของจี้หยวนจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามจากไป เขาเจอผู้ฝึกเซียนน้อยนัก คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้กลับถูกรางวัลใหญ่
กงมู่ฮว่าความรู้น้อย ไม่รู้ว่าการคุมเทพคืออะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้สึกถึงความอัศจรรย์และแข็งแกร่งของวิชาอัศจรรย์เช่นนี้
ก่อนหน้านี้เขานั่งฝึกปราณอยู่ใต้ดิน รู้สึกเหมือนควบคุมร่างกายไม่ได้กะทันหัน อภินิหารเชื่อมต่อปราณพิภพปราณภูเขาตนสั่นคลอน ถูกบังคับชักนำมายังอารามเทพภูเขา ขณะเดียวกันในใจยังตระหนักชัดเจน บอกเขาว่ามีคนเรียกเทพภูเขาไป
นี่คือวิชาอะไร นี่คืออภินิหารอะไร ทั้งหมดอยู่เหนือความเข้าใจของกงมู่ฮว่าโดยสิ้นเชิง!
ตอนนั้นภายในใจเขามีแต่กลัวกับกลัวเท่านั้น เกรงว่าเพราะตนมีพฤติกรรมรับการเซ่นไหว้ตั้งศาลเจ้า ทำให้ผู้สูงส่งเซียนสวรรค์คนไหนไม่ชอบ นำชีวิตของตนมารองรับกระบี่
หลังจากมาถึงอารามเทพภูเขา ผู้สูงส่งเซียนสวรรค์คนนี้พกกระบี่ดังคาด ทั้งยังเป็นกระบี่เซียนด้วย…
โชคดีว่าสุดท้ายเมื่อถึงตอนนี้จึงพิสูจน์ว่าเป็นสิ่งที่กลัวไปก่อน
จี้หยวนเห็นชัดว่าเทพภูเขาคนนี้ถูกตนทำให้ตกใจ เขายิ่งรู้สึกผิดไม่น้อย แต่มาถึงระดับอย่างกงมู่ฮว่า มอบประกาศิตทั่วไปให้เขาคงไม่มีประโยชน์นัก
ทั้งมรรควิถีของเทพภูเขานี้ยังตื้นเขินอยู่บ้าง หากใช้การบัญชาจริง ผลาญปราณโลกาสวรรค์มากไม่ว่ายังไม่ใช่เรื่องดีต่อการฝึกปราณของเขาด้วย ถึงอย่างไรภูตเช่นนี้ก็เป็นบุคคลระดับวิญญาณเทพภูผาธารา ควรใช้การฝึกปราณของตนเป็นรากฐาน การจุดธูปเซ่นไหว้คล้ายว่าไม่เหมาะสม
“เทพภูเขากง ครั้งนี้รับน้ำใจแล้วไม่มีอะไรตอบแทน เอาอย่างนี้แล้วกัน ขอเพียงท่านไม่เกียจคร้านในการฝึกปราณของตน ทั้งรับตำแหน่งเทพภูเขาพร้อมทำดีสั่งสมบุญมากๆ วันหน้าข้าคนแซ่จี้จะมอบศุภโชคคราหนึ่งแก่ท่าน!”
ถ้าเซียนมากอภินิหารเช่นนี้อยากจัดการตนคงไม่ต้องพูดมาก ทั้งฝึกปราณแจ้งมรรครักษาสัญญาเสมอ กงมู่ฮว่าจึงเข้าใจว่าน่าจะพูดจริง คารวะกล่าวขอบคุณต่อเนื่อง
“ข้าน้อยย่อมไม่ลืมคำสอน ข้าน้อยย่อมพยายามทำเต็มที่!”
แต่ศุภโชคล้วนเป็นเรื่องรอง ตอนนี้กงมู่ฮว่าอึดอัดเหมือนหนามทิ่มแทงอยู่ข้างหลัง อยากจากไปโดยเร็ว
ตัวหมากที่จี้หยวนเฝ้ารอไม่ปรากฏ แม้ว่าภูตเทพภูเขาตนนี้ตอบรับกระตือรือร้น แต่คาดว่าความคิดจริงในใจคงอยากส่งตัวซวยอย่างตนไปโดยเร็ว เรื่องนี้ทำให้เขาทอดถอนใจ
สุดท้ายเทพภูเขานี้ยังมรรควิถีตื้นเขินและไม่รู้ประสาเกินไป ไม่เคยเจอความลำบากยามถึงจุดคอขวด ไม่รู้จักถนอมวาสนา ถ้าเปลี่ยนเป็นเต่าเฒ่าตรงแม่น้ำวสันต์นั่น การตอบสนองตอนนี้ต้องต่างออกไปแน่
จี้หยวนหมดความสนใจอยู่บ้าง น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นราบเรียบแล้ว
“อืม หากไม่มีเรื่องอะไร เทพภูเขากงกลับไปฝึกปราณได้ ข้าคนแซ่จี้ไม่มีธุระแล้ว”
“ขอรับๆ ข้าน้อยขอลา!”
เมื่อกล่าวประโยคนี้จบเทพภูเขากลายเป็นหมอกบางลอยกลางสายฝน ผลุบเข้าหินผาหายลับจากไป
จี้หยวนหันกลับมามองในอาราม ส่งเทพภูเขาจากไปแล้ว ภายในอารามยังมีเชลยคนหนึ่งถูกจับตัวอยู่ เขาหันหลังเดินกลับเข้าอาราม เด็กคนนั้นตื่นขึ้นมาแล้ว พูดจ้อกับคนด้านข้างว่าตนวิ่งหนีกลางป่าอย่างไร
เมื่อเห็นจี้หยวนเดินเข้ามา ภายในอารามสงบลงทันที
จี้หยวนเห็นโม่ถงกับจอมยุทธ์ชายคนอื่นกำลังถือดาบจ่อมารร้ายตนนั้นตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อคอยระวัง แน่นอนว่านัยน์ตาจ้องมองสายน้ำพันรอบมากมายอย่างอยากรู้อยากเห็น
…
หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ พวกเขาต่างนั่งล้อมข้างอ่างเหล็กจุดเพลิง แน่นอนว่าจี้หยวนเป็นคนก่อไฟ
ตั้งแต่ไฟในเตาโอสถเปลี่ยนเป็นเพลิงสมาธิ แม้ว่าจี้หยวนรู้แค่วิชาควบคุมเพลิง แต่กลับจุดไฟสว่างกลางอากาศได้ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เพลิงสมาธิ อย่างมากก็เป็นแค่ ‘ไฟป่า’ แต่นำมาจุดฟืนก่อไฟย่อมเพียงพอ
ต่อให้คืนนี้เกิดเรื่องมากมาย โชคดีว่าจี้หยวนแค่สะบัดมือ ไอน้ำบนเสื้อเหล่าชายหญิงทั้งหมดก็หายไป ทำให้ทุกคนกลับมาตัวแห้งดังเดิม
ตอนนี้จี้หยวนนั่งข้างอ่างเพลิงฟังพวกเขาบรรยายมาครู่ใหญ่แล้ว
“หากกล่าวเช่นนี้พวกเจ้าคุ้มครองคุณชายน้อยโม่ที่จังหวัดจวินเทียนมานานแล้ว แต่เพราะสังเกตเห็นว่ามีคนทำตัวลับๆ ล่อๆ ไปมาไร้ร่องรอยอยู่นอกคฤหาสน์ แจ้งทางการแล้วไม่เจออะไร ถึงขั้นว่าคุณชายน้อยโม่เริ่มฝันร้ายไม่หยุด ภายใต้สถานการณ์เร่งด่วนจึงเลือกออกจากจังหวัดจวินเทียนกลับสู่บ้านเกิด?”
“ขอรับ!”
โม่ถงรีบกล่าวตอบ
จี้หยวนใคร่ครวญเล็กน้อยก่อนถามต่อ
“ในเมื่อเคยมีผู้ฝึกเซียนต้องการรับคุณชายน้อยโม่เป็นศิษย์ สำแดงวิชาช่วยคุณชายน้อยโม่ปกปิดกลิ่นอายท่วงทำนองวิญญาณ ทั้งให้คุณชายน้อยโม่อยู่จังหวัดจวินเทียนรอเขากลับมา เช่นนั้นต้องรู้เรื่องคุณชายน้อยโม่ล่วงหน้าแน่”
ขณะกล่าวจี้หยวนมองเด็กชายจ้องตนพลางฟังอย่างตั้งใจ จี้หยวนยิ้มมองไปทางเขา
“ไม่แน่ว่าอาจารย์เจ้าอาจมองปัญหาของเจ้าออกนานแล้ว บอกให้เจ้าซ่อนตัวอยู่จังหวัดจวินเทียนใช้กลิ่นอายคนทั้งเมืองปกปิด ส่วนตนมีธุระต้องจากไปชั่วคราว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเกือบติดกับมารร้าย”
เด็กชายตัวน้อยนามว่าโม่อวี่กล่าวอย่างสงสัย
“ท่านจี้ ทำไมพวกมันต้องจับข้าด้วย อาจารย์ข้าหาเรื่องพวกมันหรือ”
ได้ยินคำถามของโม่อวี่ จี้หยวนมองร่างไร้วิญญาณที่อยู่อีกด้าน เมื่อครู่หลังเค้นถามเป็นตายไม่ได้อะไร เขาลองตั้งนิ้วกระบี่เล็กน้อย หมากมายาตระกูลจั่วดูดซับปราณมารจนกลายเป็นหมากมายาดำดังคาด
เนื่องจากจอมยุทธ์ซึ่งถูกสิงร่างสี่คนนี้จิตใจอ่อนแอเกินไป จิตวิญญาณถูกมารสิงกลายเป็นมารนานแล้ว ปราณมารสลายวิญญาณหายไป กายเนื้อสูญเสียพลังชีวิตทันที
“ถ้าพูดให้ถูกคือ ‘มัน’ ไม่ใช่พวกมัน แม้ว่ามารสี่ตนต่างเคลื่อนไหวต่างความคิด แต่แก่นแท้คือถูกปราณมารแฝงจิตมารกัดกิน พูดถึงตัวส่งผลคงเป็นจิตวิญญาณจอมยุทธ์คนนั้น ฝืนนับว่าเป็นร่างแยกของมารได้”
“ผู้มีท่วงทำนองวิญญาณพิเศษอย่างคุณชายน้อยโม่ข้าคนแซ่จี้เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก ถึงขั้นว่าไม่เคยฝึกแต่ถอดจิตหนีได้ พบเห็นได้น้อยยิ่งกว่าสัตว์ตื่นรู้ มารนอกรีตสังเกตเห็นกายใจของเจ้าไม่ใช่เรื่องแปลก บ้างดูดวิญญาณบ้างยึดร่างโดยพลการ ยังมีเป้าหมายอะไร… คนอื่นย่อมไม่รู้”
เรื่องเช่นนี้จี้หยวนไม่รู้แน่ชัด คนอื่นยิ่งไม่รู้ ดังนั้นข้างอ่างเพลิงจึงตกสู่ความเงียบชั่วขณะ
“ท่านจี้ ความสามารถของท่านมากกว่าหรือความสามารถของว่าที่อาจารย์ข้ามากกว่า?”
จี้หยวนเห็นเด็กคนนี้ทำหน้าคาดหวัง เขายิ้มกล่าวโดยไม่มีความรู้สึกกังวลใดๆ
“คิดว่าความสามารถของอาจารย์เจ้ามากกว่าหน่อย…”