ตอนที่ 150 คิดอะไรอยู่
จี้หยวนและมังกรเฒ่าจากไป ความอบอุ่นที่ยังเหลือภายในสวนดอกไม้เริ่มหดหายอย่างรวดเร็ว กระแสความร้อนและความเย็นปะทะเข้าหา กลายเป็นภาพมหัศจรรย์ซึ่งปกคลุมด้วยหมอกขาว
เห็นหมอกขาวอยู่รอบด้าน ฮ่องเต้ตื่นเต้นขึ้นมาบ้างในเวลานี้ แขกเหรื่อและข้ารับใช้ข้างๆ ล้วนกลั้นหายใจเช่นกัน ต่างคนต่างคิดว่ามีเทพตอบรับบัญชาของฮ่องเต้และกำลังจะปรากฏกายจริงๆ
ตอนนี้มีเพียงอิ๋นจ้าวเซียนที่สงบนิ่งกว่าใครๆ ด้วยรู้ว่า ‘เทพ’ ที่ว่านั้นไม่มีทางปรากฏกาย
เป็นไปตามที่คาดไว้ หมอกขาวนั้นจากไปเร็วมาก เพียงครู่เดียวก็กระจายไปจนหมดแล้ว ไอหมอกจำนวนหนึ่งจับตัวเป็นน้ำค้างบนใบไม้และดอกไม้ ก่อนจะแข็งเพราะอากาศหนาวเย็นอย่างรวดเร็ว
รออยู่ในสวนดอกไม้นานมาก จนกระทั่งมือเท้าเย็นเฉียบหมดแล้ว ฮ่องเต้หยวนเต๋อคล้ายกับยอมรับว่าไม่มีทางมีเทพปรากฏกายในที่สุด เขาถอนใจกล่าวว่า
“กลับไปเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว กลับวัง!”
ความผิดหวังหลังจากตื่นเต้นสุดขีดทำให้ฮ่องเต้เหนื่อยล้าเล็กน้อย
“ลูกน้อมส่งเสด็จพ่อ!”
จิ้นอ๋องรีบออกไปส่งเขา
ฮ่องเต้จะไปแล้ว คนกลุ่มหนึ่งไหนเลยจะกลับไปที่งานเลี้ยงเอง พากันตามไปติดๆ นอกจวนจิ้นอ๋องมีข้ารับใช้ในวังองครักษ์เตรียมราชรถไว้อยู่แล้ว ข้างในวางเตาอุ่นและชาร้อนๆ ไว้เรียบร้อย
นอกจวนอ๋อง ขันทีวางแท่นเหยียบลงให้ฮ่องเต้ ฮองเฮา และกุ้ยเฟยเหยียบขึ้นราชรถ
ฮ่องเต้หยวนเต๋อขึ้นรถแล้วมองคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างนอกจวนอ๋องผ่านผ้าม่านหนา
“กลับไปกันเถอะ”
“น้อมส่งฝ่าบาทกลับวัง!”
“น้อมส่งฝ่าบาท!”
ทุกคนส่งเสียงและทำความเคารพให้ราชรถที่เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียง จนกระทั่งเสียงล้อรถห่างออกไปไกลแล้วถึงกล้ายืดตัวตรง
“ฟู่…”
จิ้นอ๋องถอนใจเสียงยาว คนอื่นๆ ก็รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อยในทันทีเช่นกัน
“ไปเถอะ พวกเรากลับไปอบอุ่นร่างกายในงานเลี้ยงก่อน ยืนอยู่ข้างนอกนานขนาดนี้ตัวแข็งหมดแล้ว!”
“ท่านอ๋องพูดมีเหตุผล”
“ไปเถอะ มือเท้าแข็งหมดแล้ว!”
คนกลุ่มหนึ่งรีบร้อนกลับเข้าไปในงานเลี้ยง ข้างในอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ นิมิตมงคลก่อนหน้านี้ทำให้ทุกคนสนทนากันด้วยความตื่นเต้น จิ้นอ๋องเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ด้วยอยากเจอเทพยิ่งกว่าฮ่องเต้เสียอีก และยิ่งสนใจในนิมิตมงคลที่เกิดขึ้นในจวนของตนเองยิ่งกว่า
หลี่มู่ซูเกรงใจอิ๋นจ้าวเซียนมากกว่าเดิมส่วนหนึ่ง หลังจากเสียงพึมพำของอิ๋นจ้าวเซียนดึงดูดความสนใจของเขาแล้ว เขาพบว่าอิ๋นเจี้ยหยวนที่อยู่ท่ามกลางผู้คนสงบนิ่งราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิด
คนผู้หนึ่งสง่างามบุคลิกดี อีกทั้งฉลาดปราดเปรื่อง นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนทฤษฎีวรรณกรรมในช่วงบ่ายแล้ว ยังพบว่าเขามีความก้าวหน้าและถอยร่นในระดับหนึ่ง เช่นนั้นอนาคตของอิ๋นจ้าวเซียนจะเป็นอย่างไร หลี่มู่ซูคาดเดาได้รางๆ แล้ว
…
กลางจังหวัดจิงจี เสียงประทัดยังคงดังมาอยู่เรื่อยๆ จี้หยวนและมังกรเฒ่าเดินอยู่บนถนน เห็นปราณของคนลอยขึ้นด้านบน ท้องฟ้าเหนือจังหวัดจิงจีถึงกับก่อตัวเป็นเมฆาปราณเจือสีแดง ผู้ที่มรรควิถีเข้าขั้นจนเปิดตาทิพย์เห็นปราณได้สั่นสะท้านเพราะอานุภาพนี้อย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก เวลานี้เกรงว่าสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่ว่างไม่มีอะไรคงไม่กล้าออกมาในเวลานี้
“ท่านจี้ งานเลี้ยงของอ๋องแห่งโลกมนุษย์ก็ไปเยือนแล้ว แบ่งผลประโยชน์ให้บัณฑิตอิ๋นจ้าวเซียนผู้นั้นแล้ว คราวนี้จะทำอะไรต่อดี หากว่างไปที่จวนบาดาลใต้แม่น้ำเทียมฟ้าเป็นอย่างไร”
มังกรเฒ่าผู้นี้ อากาศหนาวขนาดนี้ให้คนลงน้ำอย่างนั้นหรือ จี้หยวนจนใจอยู่บ้าง บางทีเขาอาจมีรสนิยมชั่วร้ายและต้องการเล่นหมากรุกเพื่อทรมานตนเอง แต่จริงๆ แล้วสนใจในสิ่งที่ตนเองต้องการทำมากกว่า
ทว่าที่จริงจี้หยวนไม่มีจุดประสงค์ชัดเจน อย่างน้อยออกจากจวนจิ้นอ๋องแล้วก็เท่านั้น
“คืนนี้ท่านอิงอย่าคิดถึงจวนบาดาลของท่านเลย เดินเล่นเป็นเพื่อนข้าคนแซ่จี้ดีกว่า”
ฝีเท้าของทั้งสองคนว่องไวกว่าปกติ ระหว่างสนทนากันผ่านถนนดาวบุ๋นก่อนหน้านี้ พวกเขาข้ามถนนใหญ่บูรพาประจิมตรงกลาง ผ่านตรอกก้งซื่อซึ่งบันฑิตที่มาสอบเช่าอยู่มากที่สุด และเดินผ่านร้านหมากที่จี้หยวนชอบไปและบ้านเรือนชาวบ้านด้วย
รวบรวมปราณจนในที่สุดก็ทำให้หมากของงูขาวเฒ่าและเทพเจ้าที่เจือสีขาว ส่วนหมากของตระกูลจั่วและหมากของตู้เหิง จอมยุทธ์แขนเดียวไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อฟ้าสาง มังกรเฒ่านับว่ามองออกแล้วว่าทั้งคืนจี้หยวนทำอะไรอยู่ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังฝึกตนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญปีละครั้ง มังกรเฒ่าสงสัยใคร่รู้มากว่าเขาฝึกวิชาอัศจรรย์อะไร แต่กลับไม่สะดวกจะถามออกไป
วนอยู่รอบหนึ่ง จนเช้าแล้ววนกลับมาที่ตรอกก้งซื่อ พอดีกับรถม้าของจวนจิ้นอ๋องส่งอิ๋นจ้าวเซียนกลับมา สื่ออวี้เซิงที่รายงานทางการแล้วไม่เป็นผลถอนใจโล่งอกได้เสียที
“ความคาดหวังที่ท่านจี้มีต่อบัณฑิตอิ๋นจ้าวเซียนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย!”
จี้หยวนมองมังกรเฒ่า นี่ยังไม่ใช่ชัดเจนอีกหรือ เขาจึงตอบไปส่งๆ ว่า
“อันดับแรกคือข้าเป็นห่วงสหายของข้า อนาคตของอิ๋นจ้าวเซียนเกี่ยวพันถึงแนวโน้มมนุษยธรรมของต้าเจิน นั่นเป็นอันดับที่สอง”
จากนั้นจี้หยวนยังกล่าวในใจคำหนึ่ง
‘ถึงขนาดส่งผลกระทบถึงแนวโน้มของฟ้าดิน นั่นเป็นอันดับที่สาม’
“ปราณดั้งเดิมมหาศาลนั้นยากนักจะได้มาจริงๆ อิ๋นจ้าวเซียนมีคุณสมบัติของขุนนางเที่ยงธรรม ตัวเขาเองเก่งกาจโดดเด่นเหนือใคร มาเมืองหลวงครั้งนี้มีคนคอยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นด้านอารมณ์หรือเหตุผลล้วนไม่ควรตกอันดับ”
มังกรเฒ่ากวาดสายตามองข้างๆ ที่เขามองย่อมเป็นอิ๋นจ้าวเซียนที่ง่วงงุนอยู่บ้าง สื่ออวี้เซิงไม่เข้าตาเขาโดยสิ้นเชิง จากนั้นพลันหันไปถามว่า
“หลังจากการสอบคัดเลือกวสันต์แล้ว ท่านจี้จะไม่หายตัวไปอีกกระมัง”
“ท่านอิงปล่อยข้าไปเถอะ เทพธิดาแม่น้ำครั้งนั้นก็แค่โชคดี หากข้าคนแซ่จี้ควบคุมไม่ได้ทำให้ปรารถนาของนางพังทลาย ตอนนั้นข้าน่าจะถูกท่านสังหารตายคาจวนบาดาลไปแล้ว ส่วนองค์ชายมังกรนั้นข้าจนปัญญาจริงๆ!”
ในที่สุดจี้หยวนก็โพล่งวาจาที่อัดอั้นไว้ตลอดทั้งคืนออกมา มังกรเฒ่าคล้ายกับถูกจี้ใจดำ มีช่วงเวลาที่อึดอัดใจอย่างหาได้ยาก
“หึ ฮ่าๆๆๆ…ท่านจี้ล้อเล้นแล้ว…”
จี้หยวนไม่กล้าทำให้มังกรเฒ่าลำบากใจ รีบเปลี่ยนเรื่องพูด
“ปิดบังท่านอิงไม่ได้เลยจริงๆ เมื่อเรื่องที่เมืองหลวงจบลงแล้ว ข้าคนแซ่จี้อยากหาสถานที่สงบเงียบฝึกตนสักช่วงหนึ่ง แต่ก่อนหน้านั้นมีธุระอย่างหนึ่งต้องทำ”
“เป็นเรื่องน่าสนุกอะไรหรือ”
มังกรเฒ่าถามอย่างสนอกสนใจ ทว่าเห็นจี้หยวนตอบด้วยความจนใจอยู่บ้าง
“ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกอะไรหรอก ตอนพเนจรอยู่ข้าได้พบนักพรตธรรมดาคนหนึ่งอยากตรวจดวงชะตาให้ข้า ปรากฏว่าตรวจดวงชะตาแล้วทำลายดวงชะตาเขาไปครึ่งหนึ่ง ข้าคนแซ่จี้แต่ไหนแต่ไรเป็นคนยากจน นอกจากพอจะรักษาครึ่งชีวิตที่เหลือของเขาไว้ได้แล้ว ก็ไม่ได้นำยาวิเศษอะไรออกมาช่วยเขาอีก แต่ตอนนี้มีสุราน้ำลายมังกรแล้ว ช่วยเขาเสริมปราณดั้งเดิมได้บ้าง”
มังกรเฒ่าเบิกตาโพลง
แม้แต่จี้หยวนก็ทำได้เพียงพอจะรักษาชีวิตของนักพรตผู้นั้น การแว้งกัดอันเกิดจากการขัดบัญชาสวรรค์นั้นจะร้ายแรงเพียงใด
หลังจากเจอเรื่องราวก่อนหน้านี้ด้วยกัน ความสามารถของจี้หยวนได้รับการยืนยันจากมังกรเฒ่าแล้ว นับว่าเป็นผู้มีฝีมือคนหนึ่ง
“ไม่ถูกต้อง นักพรตผู้นั้นตรวจดวงชะตาของท่านได้อย่างไร”
ตอนมังกรเฒ่าตามหาจี้หยวน เขาคำนวณไม่ได้เลยว่าท่านจี้อยู่ที่ใด เหตุใดนักพรตผู้นั้นตรวจดวงชะตาจนตนเองเกือบจะสิ้นชีวิตเลยเล่า
จี้หยวนหัวเราะฮ่าๆ สองเสียงอย่างไม่เป็นธรรมชาติและไม่ได้พูดอะไรมากอีก มังกรเฒ่าไม่เข้าใจ คิดว่าจี้หยวนไม่สะดวกพูดก็ไม่ได้ถามมากความ
“อย่างไรเสียถึงตอนนั้นแล้วหากข้าหาสถานที่ฝึกตนได้แล้วจะบอกให้ท่านอิงรู้อย่างแน่นอน ท่านจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหาข้า!”
“เช่นนั้นดียิ่งนัก!”
มังกรเฒ่ายิ้ม เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะมีสหายอารมณ์ดี เข้ากันได้ และมีความสามารถ ส่วนใหญ่เป็นเพราะมีน้อยคนนักที่ดึงดูดสายตาเขาได้
ขณะเดียวกัน รัฐปิงซึ่งหากออกไปห้าถึงหกพันลี้ นักพรตที่เพิ่งตั้งแผงตรวจดวงชะตาเนื้อคู่ข้างนอกศาลหลักเมืองพลันคันจมูก ขยี้จมูกอยู่หลายครั้งแล้วก็ไม่เป็นผล
“ฮะๆๆๆ ฮ้า…ฮัดชิ้ว…ฮัดชิ้ว…”
จามติดต่อกันสามครั้ง จมูกที่แดงเพราะความเย็นมีน้ำมูกใสเหมือนอัญมณีไหลออกมาเป็นทาง
“แปลกจัง นอกจากฉีเหวินแล้วยังมีคนคิดถึงข้าอีกหรือ”
นักพรตชิงซงสั่งน้ำมูกและสะบัดมือไปพลาง พึมพำกับตัวเองไปพลาง
“ไอ้หยา น่าเกลียด!”
“ออกห่างเขาหน่อย!”
“ไอ้หยาเขาสะบัดมาทางนี้แล้ว!”
ผู้มีศรัทธาที่รีบมาสักการะในวันปีใหม่หรือสักการะยามเช้าล้วนพากันเดินอ้อมแผงไป มีเพียงนักบวชข้างๆ ที่รีบร้อนหาผ้าเช็ดมือ
…
หลังจากนั้นครึ่งวัน จวนบาดาลใต้แม่น้ำเทียมฟ้า เงามังกรว่ายน้ำผ่านมา ก่อนจะกลายร่างเป็นชายชราผู้หนึ่งข้างนอกตำหนักใหญ่ เป็นมังกรแท้อิงหงนั่นเอง
บุตรมังกรอิงเฟิงรีบออกมาต้อนรับ
“ท่านพ่อ ท่านมาคนเดียวหรือ ท่านอาจี้เล่า”
เห็นท่าทางมองไปรอบๆ ของบุตรชาย มังกรเฒ่าพลันหัวเราะเสียงเย็น
“ไม่ต้องมองแล้ว ไม่ได้มาด้วย!”
“เอ๋!? ท่านอาจี้ไม่ให้เกียรติท่านเลยหรือ นี่…”
มังกรเฒ่าส่ายหน้า เดินตรงเข้าไปในวังทันที บุตรชายตนเองคนนี้เดิมทีรู้ว่าน้องสาวได้ดีแล้วก็ดีใจด้วย แต่ต่อมาได้ยินการคาดเดาของตนเอง รู้ว่ามังกรขาวแม่น้ำวสันต์ผู้นั้นเหมือนจะยังมีโอกาส จึงอดรนทนไม่ไหวอยู่บ้าง
“เฮอะ เอะอะเจ้าก็เรียก ‘ท่านอาจี้’ ความคิดนั้นของเจ้า คิดว่าจี้หยวนจะดูไม่ออกหรือ หยุดฝันเสีย!”
ครั้นทิ้งท้ายไว้คำหนึ่งด้วยความไม่พอใจแล้ว มังกรเฒ่าไม่สนใจบุตรชายตนเองอีก กลับไปงีบในบ่อทรายกลางจวนบาดาลด้านหลัง