ตอนที่ 168 ผลลัพธ์นี้ดีมาก
คำข่มขู่ของมังกรเฒ่าทำให้ฉู่หมิงไฉหวาดกลัวจริงๆ แต่ตอนนี้จี้หยวนรู้ดีว่ามารแท้ตรงหน้าจะไม่กล้าจู่โจมหากอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ตกเป็นรองเช่นนี้
แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในใจฉู่หมิงไฉคิดว่าเวลานี้มังกรเฒ่าส่งสัญญาณอันตรายออกมาแล้ว ถึงขั้นอาจตั้งใจบอกเซียนที่อยู่ข้างๆ ว่า ‘พวกเราควรลงมือแล้วหรือไม่’
“หากจิตมารในใจยังไม่แข็งแกร่ง แม้แต่ข้าเองก็ไม่อาจเข้าร่างเจ้าของไปบังคับได้ง่ายๆ พูดตามตรงว่าฉู่หมิงไฉผู้นี้เป็นคนจำพวกเดียวกับหวงซื่อเฮ่อที่จ้องหาโอกาสในธุรกิจของหวงซิ่งเยี่ยก่อนหน้านี้ นับว่าไม่ใช่คนดีอะไร!”
ฉู่หมิงไฉพูดเสียงดังด้วยเจตนาถากถาง บนใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
“อีกอย่างท่านจี้พูดคุยกับข้านานขนาดนี้ คงไม่ถึงกับไม่เป็นห่วงชาวบ้านอำเภอตงเยวี่ย หายากนักที่จะได้เห็นเซียนอย่างท่านจี้ปฏิบัติต่อมาร คน และเทพอย่างไร้อคติ ข้าให้เกียรติท่านทั้งสองเช่นกัน รับปากกับพวกท่านว่าจะไม่มีทางลงมือตามใจชอบภายในอาณาเขตต้าเจิน ยิ่งไม่มีทางลงมือหวงซิ่งเยี่ยเช่นกัน”
คำพูดนี้ของฉู่หมิงไฉค่อนข้างมีน้ำหนัก ขณะที่แสดงการสยบยอมรางๆ ก็เจือความคุกคามด้วย ข้าหวาดกลัวพวกท่าน แต่หากพวกท่านฉีกหน้าและลงมือจริงๆ อำเภอตงเยวี่ยและทั่วทั้งอาณาจักรต้าเจินก็ต้องวุ่นวายจนไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ได้อย่างสงบสุข
เมื่อจบประโยคนี้แล้ว มังกรเฒ่าเผยรอยยิ้มเย็นชาทว่าไม่พูดจา ฝ่ายจี้หยวนหรี่ตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย แม้แต่อิงเฟิงก็ไม่กล้าส่งเสียงใด คล้ายกับบรรยากาศตึงเครียดยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้เสียอีก
ทั่วทั้งจวนตระกูลหวงอบอวลไปด้วยปราณมังกรเลือนราง สรรพสัตว์ตัวเล็กรอบบ้านพากันหนีตาย
ความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กยิ่งเพิ่มความกดดันให้ภายในห้องโถงอันมืดมนแห่งนี้
ครืน…
เสียงฟ้าร้องระเบิดขึ้นบนท้องฟ้า ใบหน้าของมังกรสองตัวน่าครั่นคร้ามจนถึงขัดสุด
เปรี๊ยะ..
ถ้วยชาที่ฉู่หมิงไฉถือไว้ตลอดเกิดรอยแตกเส้นหนึ่ง คำพูดเมื่อครู่นี้เหมือนจะให้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม…
ส่วนใหญ่แล้วเผ่ามังกรอารมณ์ร้าย จี้หยวนรู้จักนิสัยของมังกรเฒ่าดี สิ่งใดที่เข้าตาอย่างไรล้วนเข้าตา สิ่งใดไม่เข้าตาไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เข้าตาทั้งสิ้น แม้พูดตามเหตุผลก็ใช่ว่าจะเข้ากันได้ คำพูดของมารแท้ในร่างฉู่หมิงไฉมีแววยั่วยุฟังแล้วไม่รื่นหูจริงๆ
“ผู้อาวุโสอิงระงับโทสะก่อน!”
จี้หยวนส่งเสียงทำลายบรรยากาศทันที แม้รู้ดีว่ามังกรเฒ่ารู้จักลำดับความสำคัญ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบรรยากาศนี้กดดันเกินไปจริงๆ
“คำพูดของท่านมีเหตุผลอยู่บ้าง พวกเราลงมือต้องสร้างความเสียหายมากแน่นอน แต่คำพูดที่ว่าฉู่หมิงไฉผู้นี้เป็นคนประเภทเดียวกับหวงซื่อเฮ่อเป็นความเห็นจากมุมมองเดียว ในฐานะที่เป็นมารแท้ ขอเพียงยินยอม ต่อให้เป็นคนดีมากก็ต้านทานการกัดกร่อนของท่านไม่ได้ เอาอย่างนี้แล้วกัน ไปตรวจสอบศีลธรรมของสองคนนี้ที่ศาลมืดอำเภอตงเยวี่ย หากเป็นเช่นที่ท่านว่า วันนี้ข้าจะปล่อยท่านจากไปโดยปลอดภัย แต่หากมีตรงไหนบิดพลิ้ว อย่างไรท่านก็ต้องแสดงท่าทีหน่อยแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของจี้หยวนแล้ว ฉู่หมิงไฉถอนหายใจโล่งอกอย่างแรง นี่นับว่าเป็นทางลงที่ดียิ่งสำหรับทั้งสองฝ่าย ถึงแม้หวงซื่อเฮ่อและฉู่หมิงไฉไม่นับว่าเลวร้ายเท่าไหร่ แต่คำว่า ‘ต้องแสดงท่าทีหน่อย’ อย่างน้อยก็ผ่อนคลายความตึงเครียดจากเมื่อครู่นี้ได้มาก
ประมือกับมังกรแท้และเซียนในสถานการณ์ที่ตกเป็นรอง ผลสุดท้ายเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะต้องตายตกมรรคสูญสลาย เขาไม่กล้าลองเสี่ยงแม้สักครั้งเดียว
“เอาตามที่ท่านจี้ว่าก็แล้วกัน!”
ฉู่หมิงไฉรีบแสดงท่าที ฝ่ายมังกรเฒ่าส่งเสียง “อืม” ไม่ได้แย้งอะไร
จี้หยวนถอนใจ จากนั้นยกเท้าซ้ายเหยียบลงพื้นเบาๆ
“เจ้าที่”
ทันทีที่สิ้นเสียง วิชาคุมเทพปรากฏ เจ้าที่หมุนควันสีเขียวปรากฏตัวข้างๆ จี้หยวนอีกครั้ง
มังกรเฒ่าและบุตรมังกรหันไปมองจี้หยวนและเจ้าที่พร้อมกัน ฝ่ายมังกรเฒ่ายังดี แต่อิงเฟิงยิ่งปิดบังสีหน้าปีติไว้ไม่อยู่
เขาได้ยินชื่อเสียงของวิชาอัศจรรย์อย่างวิชาคุมเทพมาไม่น้อย ทว่าเคยเห็นจริงๆ เพียงไม่กี่ครั้ง ลักษณะเฉพาะของวิชาคุมเทพชัดเจนมาก ขอเพียงมีประสบการณ์เล็กน้อย ได้เห็นแล้วจะต้องแยกแยะได้อย่างแน่นอน
สองบิดาบุตรตระกูลอิงเพิ่งเคยเห็นสถานการณ์คุมเทพเป็นครั้งแรก
ตอนนี้เจ้าที่ปรากฏตัวพร้อมการเตรียมรับแรงกดดัน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เมื่ออกมาแล้วก็ยังตัวสั่นอยู่ดี ปราณมังกรภายในห้องโถงแห่งนี้เข้มข้นเกินไป ยากนักจะรับไหว
เจ้าที่ไม่กล้าหันไปมองมังกรสองตัวที่อยู่ข้างๆ พยายามควบคุมความรู้สึกแล้วทักทายจี้หยวนแทน
“เจ้าที่เมืองเม่าเฉียน คะ คารวะท่านเซียน!”
“เจ้าที่น่าจะเห็นสถานการณ์ที่นี้แล้ว คนที่อยู่ข้างกายข้ายิ่งไม่จำเป็นต้องพูดมาก ส่วนสองท่านด้านนั้นคือมังกรแท้แห่งแม่น้ำเทียมฟ้าและบุตรมังกรของเขา นับว่าเป็นสหายของข้าคนนี้ ขอเจ้าที่ไปบอกกล่าวศาลมืดอำเภอตงเยวี่ยโดยเร็ว บอกว่าพวกข้าอยากรบกวนศาลมืดตรวจสอบศีลธรรมของฉู่หมิงไฉและหวงซื่อเฮ่อหน่อย”
จี้หยวนอธิบายง่ายๆ ไม่คิดให้เจ้าที่อยู่ในสภาพแวดล้อมนี้นานเกินไป
“ข้าน้อยรับบัญชา ขอตัวลาตรงนี้!”
เจ้าที่รับคำสั่งแล้วหายตัวลงใต้ดินแทบเหมือนกับการหนีตาย
เมื่อเจ้าที่ไปแล้ว อิงเฟิงทนไม่ไหวเป็นคนแรก
“ท่านอาจี้ ที่แท้ท่านก็เป็นวิชาคุมเทพหรือนี่ ไอ้หยา เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นท่านใช้มาก่อนเลย วิชาอัศจรรย์เช่นนี้ยากหรือไม่ หลานมีโอกาส…”
“อะแฮ่ม!”
มังกรเฒ่ากระแอมครั้งหนึ่ง หยุดความตื่นเต้นจนน่าขายหน้าอยู่บ้างของบุตรชาย
ประโยคครึ่งแรกของบุตรชายตนน่าหัวร่ออยู่บ้างจริงๆ จี้หยวนใช้วิชาคุมเทพเป็น ยังจะนำวิชาคุมเทพมาเล่นต่อหน้าเจ้าได้หรือ เจ้าเห็นว่านี่เป็นวิชาระดับใดกัน
ทว่าครึ่งประโยคหลัง…
มังกรเฒ่ามองจี้หยวนแล้วสั่งสอนบุตรชายคำหนึ่ง
“วิชาคุมเทพเป็นวิชาอัศจรรย์ ผู้มีมรรควิถีไม่เข้าขั้นชอบพูดจาเลื่อนเปื้อนไม่มีทางสำเร็จวิชานี้ได้ เจ้ายังด้อยอยู่หลายร้อยปีนะ!”
เยี่ยม ไม่รู้ว่าเหตุใดจี้หยวนฟังความนัยในคำพูดของมังกรเฒ่าออก ความหมายคือ ‘มรรควิถีข้าอ่อนด้อย’ แต่ ‘วิชาคุมเทพ’ ไม่ใช่วิชาในระดับเดียวกับการขี่เมฆคุมวารี มังกรเฒ่าอายจะเอ่ยปากเช่นกัน จี้หยวนจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้ว
…
คำพูดของเซียนทำให้เทพเหนื่อยล้า
เจ้าที่ใช้ความเร็วดุจไฟผลาญไปปรากฏตัวที่หน้าศาลเจ้าที่ของตนเอง หากจะต้องบอกกล่าวย่อมต้องบอกกล่าวมือปราบผีภายในเมือง เจ้าที่เมืองเม่าเฉียนอยางเขาไม่อาจก้าวออกจากขอบเขตเมืองเม่าเฉียนได้ตามใจชอบ
ความเคลื่อนไหวในจวนตระกูลหวงเมื่อครู่เจ้าที่ย่อมบอกศาลมืดไว้ก่อนแล้ว ตอนนี้ศาลมืดจึงส่งกำลังคนมาเตรียมพร้อมเป็นพิเศษ เทพจากแต่ละกรมพร้อมหน้า มือปราบผีก็มาแล้วไม่น้อยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เจ้าที่กำลังเล่าสถานการณ์ให้พวกเขาฟัง ทว่าพริบตาเดียวหลังจากนั้นยังพูดปะโยคที่เหลือไม่จบก็พลันหายไปจากใต้ดินแล้ว
มือปราบผีทั้งกลุ่มค่อนข้างกลัดกลุ้ม ทว่าเห็นควันสีเหลืองปรากฏ เจ้าที่กลับมาอีกครั้งแล้ว
“ฟู่…ฟู่…ข้าตกใจแทบตาย เกือบตกใจตายแล้ว เป็นเทพเจ้าที่ไม่ง่ายเลย…”
เจ้าที่กล่าวอย่างขวัญเสีย จากนั้นรีบคารวะทุกคนซึ่งมาจากศาลมืด
“ทุกท่าน ครั้งนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ทางนั้นมีมังกรแท้มาเยือนตอนที่พวกเราไม่รู้ตัว ท่านเซียนจำเป็นต้อง…”
เจ้าที่ถอนหายใจยกใหญ่ก่อนจะเล่าเรื่องหนักอกหนักใจออกมาอย่างชัดเจน
เทพและปีจากศาลมืดทั้งหมดฟังจบแล้วเงยหน้ามองเมฆดำที่เหมือนกับถูกสาดด้วยน้ำหมึกตามจิตใต้สำนึก ที่แท้ก็มีมังกรบินมานี่เอง
เจ้าที่เล่าเรื่องจบทั้งหมดแล้วถอนหายใจโล่งอก ฝ่ายเทพและผีจากศาลมือที่จากไปทันทีเร่งทำงานแล้ว
หวงซื่อเฮ่อยังดี ค้นหาในศาลมืดอำเภอตงเยวี่ยสักหน่อยก็เจอแล้ว แต่ฉู่หมิงไฉเดิมทีไม่ใช่คนอำเภอตงเยวี่ย เขาเป็นประชากรของจังหวัดฉางชวน เทพหลักเมืองจึงไปยังชายแดนจุดหนึ่งของอำเภอตงเยวี่ยด้วยตนเอง เพื่อสั่นกระดิ่งวิญญาณเรียกเทพลาดตระเวนทิวามาพบ จากนั้นค่อยอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง
ใช้เวลาไม่ถึงสองเค่อ ศาลมืดจังหวัดฉางชวนสั่นสะเทือนไปหมด เทพหลักเมืองจังหวัดนำหนังสือฉบับหนึ่งมาเยือนอำเภอตงเยวี่ย ซึ่งเทพและผีรวมตัวกันอยู่ภายในเมืองเล็กๆ อย่างเม่าเฉียนแล้ว
ผ่านไปอีกไม่นาน เจ้าที่โผล่ขึ้นบนพื้นภายในห้องโถงของจวนตระกูลหวง ในมือประคองหนังสือซึ่งรวมปราณหยินไว้หนาแน่นสองฉบับ บนหนังสือทั้งสองสอดแทรกไว้ด้วยแท่งตำราไม้หยิน คั่นหน้าของหวงซื่อเฮ่อและฉู่หมิงไฉไว้เรียบร้อยแล้ว
“ท่านเซียน นี่ก็คือบันทึกรายชื่อซึ่งรวมถึงฐานะของหวงซื่อเฮ่อและฉู่หมิงไฉ มาจากศาลมืดอำเภอตงเยวี่ยและศาลมืดจังหวัดฉางชวน แท่งตำราคั่นหน้าไว้แล้วขอรับ”
ครั้งนี้เจ้าที่พูดชัดถ้อยชัดคำขึ้นบ้าง แต่สายตายังคงมองเพียงจี้หยวนไม่มองไปทั่วเหมือนเดิม
“ดี ที่นี่มีแรงกดดันมากเกินไปสำหรับเจ้า ออกไปก่อนเถอะ!”
“ขอบคุณท่านเซียนที่เห็นใจข้าน้อย ข้าน้อยขอตัวลา!”
เจ้าที่เหมือนได้รับความเมตตาอย่างถึงที่สุด รีบออกไปทันที ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่น่ามีใครทำลายหนังสือของศาลมืด แต่ต่อให้มีเขาจะหยุดยั้งได้หรือ
จี้หยวนเปิดหนังสือบนโต๊ะ อ่านคำวิจารณ์ล่าสุดของศาลมืด
“หวงซื่อเฮ่อ คนเมืองเม่าเฉียน เกิดในยามจื่อสองเค่อของเดือนสิบสองปีฉลู เขา…ทั้งอิจฉาและริษยาจำเป็นต้องชดใช้กรรม…”
เมื่ออ่านข้อมูลของหวงซื่อเฮ่อจบ จี้หยวนเปลี่ยนอ่านหนังสืออีกเล่ม
“ฉู่หมิงไฉ คนตรอกจันทร์สงบแห่งจังหวัดฉางชวน…”
เนื้อหาที่คล้ายกันของหนังสือสองเล่มจี้หยวนล้วนอ่านจบแล้ว ในใจฉู่หมิงไฉทั้งปีติและเป็นกังวลปะปนกันไป หวงซื่อเฮ่อที่อายุมากกว่าหน่อยจิตใจชั่วร้าย ไม่ใช่คนดีอะไรจริงๆ
แต่ฉู่หมิงไฉที่อายุน้อยกว่าหน่อยกลับไม่นับว่าเลวร้ายเกินไปสักเท่าไหร่ อย่างมากเพราะเอาแต่ใจและถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงเจ้าชู้เป็นอย่างยิ่ง มักไปสถานที่มีนางโลมโคมเขียว สาวใช้หน้าตาดีหน่อยในจวนล้วนถูกเขาเชยชมแล้วรอบหนึ่ง บางครั้งจะเย้าแหย่สตรีที่ชอบพอ แต่หากเจ้ายอมข้าไม่ยอม เขาก็ไม่เคยทำเรื่องเลวทรามชนิดขืนใจ
จี้หยวนอ่านเนื้อสำคัญในหนังสือของศาลมืดจบแล้ว ภายในห้องโถงเงียบลงอีกครั้ง มีเพียงฟ้าแลบฟ้าร้องจากท้องฟ้าที่ส่งเสียงน่าตกใจขึ้นบ้าง
“ท่านคิดว่าเรื่องนี้ควรจัดการอย่างไร ข้าขอบังอาจพูดตามตรง หากไม่ใช่เพราะท่านเป็นมารแท้อยู่ที่นี่ แต่เปลี่ยนเป็นปีศาจเล็กๆ ตัวหนึ่ง เห็นทีตอนนี้คงวิญญาณแตกสลายไปนานแล้ว”
จี้หยวนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนใช้น้ำเสียงไม่รีบไม่ร้อนกล่าวขึ้น โยนคำถามใส่คน (มาร) ในเรื่องนี้โดยตรง
…
เมืองเม่าเฉียน เทพหลักเมืองจังหวัดฉางชวนและเทพหลักเมืองอำเภอตงเยวี่ย อีกทั้งเทพและผีอื่นๆ อยู่ห่างจากจวนตระกูลหวงออกไปร้อยจั้ง บ้างร้อนใจ บ้างสงบนิ่ง แต่กลับเตรียมลงมือเรียบร้อยแล้ว
ครืน…
เสียงฟ้าร้องบนท้องฟ้าดังขึ้นอีกครั้ง ตอนฟ้าแลบส่องสว่างฟ้าดิน เสียงเปรี้ยงดังขึ้นภายในห้องโถงจวนตระกูลหวงแล้วระเบิดหน้าต่างบานหนึ่งเป็นรู ยิ่งมีปราณมารสีม่วงเข้มหลายกลุ่มลอยขึ้นอย่างรวดเร็วคล้ายแสงและควัน
“โฮก…”
มีเสียงมังกรคำรามดังออกจากจวนตระกูลหวง คนและเทพในเมืองเม่าเฉียนล้วนราวกับซวดเซไปชั่วคราว เหมือนกับฟ้าดินสั่นไหวเล็กน้อยอย่างไรอย่างนั้น
ชิ๊ง…
พร้อมกันนั้นเอง เสียงกระบี่ชัดแจ้งดังขึ้น ฟ้าดินราวกับสว่างวาบขึ้นมาในทันที
พึ่บ…พับ…พึ่บ…พับ…
ลมคลั่งพัดขึ้นในเมืองเม่าเฉียนทันที ต้นไม้นับไม่ถ้วนส่ายไหว มีกระเบื้องหลังคาของชาวบ้านมากมายถูกพัดปลิวไปไม่น้อย…ส่วนปราณมารบนท้องฟ้าหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
…
ภายในจวนตระกูลหวง กระบี่เครือเขียวกลับเข้าไปในฝักแล้ว มังกรเฒ่าและจี้หยวนนั่งอยู่ที่เดิมคล้ายไม่ไหวติง เก้าอี้อันเป็นตำแหน่งที่นั่งเดิมของมารแท้แหลกเป็นผุยผง ร่างของฉู่หมิงไฉนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นแล้ว
ฝนโปรยปรายพัดผ่านรูเข้ามาในห้องโถง อิงเฟิงยืนขึ้นด้วยความตื่นเต้นอยู่บ้าง มองรู้ขนาดใหญ่นั่นแล้วค่อยมองบิดาตนเองกับจี้หยวน
“ท่านพ่อ ท่านอาจี้ พวกท่านปล่อยเขาไปง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าควรรั้งคนผู้นั้นไว้หรือ”
มังกรเฒ่าแค่นหัวเราะเสียงหนึ่ง
“เฮอะ เจ้าคิดว่านั่นเป็นใคร ปีศาจตัวเล็กๆ ที่เพิ่งแปลงกายได้หรือ หากเขาลงมือขึ้นมาจริงๆ แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไร”
พูดถึงตรงนี้แล้ว มังกรเฒ่าหัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง
“ฮ่าๆ วิธีนี้ของท่านอาจี้เจ้าอำมหิตอยู่เหมือนกันนะ ให้มารสัญญาว่าจะไม่เข้าสู่ต้าเจิน จากนั้นปล่อยให้เขาหนีไปก่อน พวกเราเพียงลงมือครั้งเดียวในสถานการณ์ที่นิ่งสงบ แต่ในขณะเดียวกันก็ติดกับกรงเล็บมังกรและคมดาบกระบี่เซียน ฝ่ายมารแท้รับไม่ไหวแล้ว หากเปลี่ยนเป็นเจ้าก็คงหายตัวทิ้งร่างไปในทันที”
บุตรมังกรอิงเฟิงทำปากจู๋บ่นอุบ
“แต่ก็ปล่อยให้เขาหนีไปแล้ว…”
มังกรเฒ่าวางถ้วยชาลงแล้วมองเงาหลังของบุตรชายตนเองพร้อมหัวเราะร่า ทำให้อีกฝ่ายหนาวสันหลังวาบขึ้นมา
จี้หยวนหลับตาลงเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวดที่ยากจะทานทนบนดวงตา ในใจโล่งอกยิ่งนัก ผลลัพธ์นี้นับว่าดีมากแล้ว
ตอนนี้ยังมีมารแท้ซึ่งมีความคิดเดียวกันหลบลี้ท่ามกลางสายลมและมุ่งหน้าไปทางเหนือ แม้ไม่อาจควบคุมปราณมารไม่ให้รั่วไหลได้และทนความเจ็บไปถึงหัวใจนั้นได้ แต่เขาก็ยังคงยินดี
‘ถูกตีเพียงสองครั้ง ผลลัพธ์นี้นับว่าดีมากแล้ว…’