ตอนที่ 3 อัปเลเวลแบบติดจรวด
ไป๋เยี่ยเพิ่งจะเปิดประตูก็ได้ยินเสียงรูมเมทกำลังเล่นเกม League of Legends กันอยู่
“พ่างจื่อเอ๊ย นายก็ดึงแคร์รี่[1]ฝั่งนั้นมา อย่าดึงมาแต่ไอ้วัวแก่นั่นสิ! นายดึงมามันก็ตีฉันลอยสองรอบติดเนี่ย!” พี่ใหญ่ต้วนเย่ว์ตะโกนขึ้น
“ก็ไอ้หัววัวมันเอาแต่บังเสี่ยวเพ่าอยู่นั่น ฉันจะไปดึงมันมาได้ไงเล่า! นายเล่นป่า[2]ก็มาช่วยหน่อยสิ จะหยิบพระบอดมาฟาร์มทำมะเขืออะไร!” พ่างจื่อเอ่ยอย่างน้อยใจ พร้อมทั้งฉวยโอกาสโยนความผิดไปให้คนเล่นตำแหน่งป่า
ลู่เผยอี้คือคนที่เล่นตำแหน่งป่า เมื่อเห็นว่าไป๋เยี่ยกลับมาแล้ว เขาก็รู้สึกราวกับได้เจอผู้ช่วยชีวิต “เยี่ยจื่อกลับมาแล้ว เข้าเกมเร็ว พวกเราแพ้มาทั้งวันแล้ว”
ไป๋เยี่ยส่ายหัว “พวกนายเล่นไปเถอะ ฉันมีเรื่องนิดหน่อย คงยังไม่เล่นละ”
เอ่ยจบไป๋เยี่ยก็หยิบหนังสือทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนออกมาจากกระเป๋าและอ่านมันต่อ
เสียงปล่อยสกิลในเกมจากเหล่ารูมเมททำให้เขาไม่มีสมาธิเอาเสียเลย จนกระทั่งเขาได้ยินเสียง defeat (พ่ายแพ้) ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
พ่างจื่อถอนหายใจ “เวรเอ๊ย แพ้อีกแล้ว ลบตั้งยี่สิบแต้ม แบบนี้ความฝันที่จะขึ้นแรงก์ไดมอนด์ของฉันก็พังไปด้วยน่ะสิ!”
ต้วนเย่ว์หัวเราะแห้ง “นายเพิ่งจะแรงก์โกลด์สองเอง…เอาอะไรมาขึ้นแรงก์ได”
เมื่อพูดจบก็เห็นว่าไป๋เยี่ยกำลังถือหนังสืออยู่ ต้วนเย่ว์ตะลึงไปครู่หนึ่ง “เฮ้ย เยี่ยจื่อ นายบ้าไปแล้วหรือไงถึงหยิบหนังสือทฤษฎีพื้นฐานแพทย์แผนจีนขึ้นมาน่ะ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
ไป๋เยี่ยถอนหายใจ “เฮ้อ ใกล้สอบแล้วนี่นา อยากลองดูว่าถ้ามาพยายามตอนโค้งสุดท้ายจะได้สักกี่คะแนนน่ะ”
ต้วนเย่ว์อึ้ง ทั้งยังรู้สึกจนปัญญา “นายไม่ได้เข้าเรียนวิชาแพทย์แผนจีนเลยนี่นา มาอ่านตอนนี้ก็สายไปแล้วแหละ ตอนนั้นก็บอกให้นายไปลงเรียนกับพวกเราแล้ว นายก็ไม่ไป จนตอนนี้ปาไปวันที่หนึ่งธันวาแล้ว เหลือไม่ถึงยี่สิบวันเองนะ”
ไป๋เยี่ยเองก็หมดหนทาง “ก็ใช่น่ะสิ ไม่คิดว่าแพทย์แผนจีนจะยากขนาดนี้น่ะ รู้แบบนี้ตั้งใจเรียนนานแล้ว แต่พอตอนนี้ได้อ่านๆ ดูก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจดีนะ”
พ่างจื่อหัวเราะชั่วร้าย “ฮี่ๆ นายอย่าเศร้าไปเลย เยี่ยจื่อ ฉันว่านะ ปีนี้ฉันก็ไม่ไปสอบเหมือนกัน ไว้ปีหน้าเดี๋ยวลูกพี่ไปสอบเป็นเพื่อนนายเอง นายคิดว่าไง”
หลังจากที่หยอกล้อกันจบแล้ว ไป๋เยี่ยก็ขึ้นไปบนเตียงแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ
พอมาอ่านรอบนี้ ประสิทธิภาพกลับต่ำลงจนน่ากลัว บวกกับในหอค่อนข้างเสียงดัง ทำเอาไป๋เยี่ยรู้สึกจนมุมเล็กน้อย
ลองสวมร่างเด็กเรียนดูดีไหมนะ
ไป๋เยี่ยเอ่ยพร้อมกับเลือกเปิดใช้งานโหมดสวมวิญญาณเด็กเรียน
[ติ๊ง! เปิดโหมดสวมร่างเด็กเรียน เวลาคงเหลือ: 2 วัน 11 ชั่วโมง 59 นาที…]
ไป๋เยี่ยทำใจเสียเวลาแม้สักนิดไปไม่ได้ อย่างไรเสียโหมดสวมร่างเด็กเรียนก็เหลือเวลาเพียงแค่สองวันครึ่ง ทั้งที่ตนนั้นมีอีกห้าวิชาที่ยังไม่ได้อ่าน!
เพียงครู่เดียว ไป๋เยี่ยก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศของห้องสมุดปราศจากผู้คนได้หวนคืนมาแล้ว เขาไม่สนใจทั้งเสียงเกมดังครึกโครม ทั้งเสียงตะโกนโหวกเหวกในหอพัก และดำดิ่งเข้าไปยังโลกของวิชาทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีน
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ไป๋เยี่ยก็อ่านเรื่องสุขภาพร่างกายจนจบ และออกจากสถานะสวมร่างเด็กเรียน
ตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ไป๋เยี่ยต้องเตรียมตัวพักผ่อนเพื่อจะได้ไม่กระทบต่อประสิทธิภาพในวันพรุ่งนี้
หลังจากล้างหน้าล้างตาลวกๆ แล้ว ไป๋เยี่ยก็ล้มตัวลงบนเตียง และพบว่าค่าประสบการณ์ของวิชาทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนนั้นเปลี่ยนไปอีกแล้ว
[เลเวล0: 812/1000]
ดูเหมือนว่าในหนึ่งชั่วโมงจะได้ประมาณสิบสองแต้ม
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ทั้งหกวิชาคงไม่มีทางถึงเลเวลหนึ่งสักทีแน่
คงต้องเร่งเวลาแล้ว
ไป๋เยี่ยตื่นนอนตั้งแต่หกโมงเช้า ล้างหน้าล้างตาเสร็จก็มุ่งหน้าไปยังโรงอาหารทันที
จะบอกว่าไป๋เยี่ยตื่นเพราะความหิวก็คงไม่เกินจริงนัก
จนถึงเวลาเจ็ดโมง ประตูห้องสมุดเพิ่งเปิดออก เหล่ากองกำลังพิชิตข้อสอบก็แห่กันเข้ามาในห้องสมุดราวกับน้ำหลาก
ไป๋เยี่ยตามฝูงชนมา เข้าประจำที่นั่งเมื่อวาน ไม่มีใครมาจริงๆด้วย!
เมื่อนั่งลงแล้ว เขาก็ไม่ได้รีบอ่านหน้าถัดไป แต่กลับจ้องหน้าสารบัญเพื่อเป็นการระลึกถึงความรู้ใหม่ที่ได้เรียนมาแทน
ไป๋เยี่ยตะลึงเมื่อได้พบว่าสิ่งที่เขาอ่านไปเมื่อวานนั้นมันฝังลึกอยู่ในสมองของเขาอย่างมีระบบและแยกแยะเป็นสัดส่วน…
ไป๋เยี่ยถึงกับชะงักไป นี่คือความสามารถของระบบงั้นเหรอ
โหดเกิ๊น…
หลังจากที่ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงไปกับการทบทวน ไป๋เยี่ยก็เริ่มเรียนเนื้อหาใหม่ๆ
เขาเปิดโหมดเด็กเรียนโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
เพียงครู่เดียว เขาก็เข้าสู่สถานะเดียวกับเมื่อวาน ลืมสิ้นทุกสิ่งรอบกายไป ราวกับว่าเวลาหยุดเดิน เหลือเพียงตัวเขาที่กำลังเรียนอยู่เท่านั้น
เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันนี้ไป๋เยี่ยได้ผลตอบแทนไปเยอะมาก!
ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นจาก 812 เป็น 960 ขาดอีกนิดเดียวก็จะถึงพันแต้มแล้ว
ที่สำคัญที่สุดคือ ไป๋เยี่ยได้อ่านเรื่องที่เน้นและเรื่องยากๆ ในหนังสือ ‘ทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีน’ จนจบแล้ว
ไป๋เยี่ยรู้สึกว่าสิ่งที่เขาได้เรียนมาในระยะเวลาสองวันสั้นๆ นี้ เยอะกว่าสองปีที่ผ่านมาเสียอีก
ความรู้สึกว่าตนเองเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้ทำให้ไป๋เยี่ยดื่มด่ำไปกับมัน
ไป๋เยี่ยไม่ได้อ่านหนังสือต่อ เขาเก็บของกลับหอพัก
วันต่อมา ไป๋เยี่ยก็ตื่นแต่เช้าเหมือนเดิม เขามาที่ห้องสมุดและเปิดโหมดเด็กเรียน พอถึงเวลาประมาณสิบโมง ในที่สุดไป๋เยี่ยก็อ่าน ‘ทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีน’ จบทั้งเล่ม
ไป๋เยี่ยได้ยินเสียง ติ๊ง! ดังขึ้นมาในทันใด
[ติ๊ง! เลเวลวิชาทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนเพิ่มเป็นเลเวลหนึ่ง ภารกิจที่หนึ่งสำเร็จลุล่วง ได้รับแต้มสมาชิกสิบแต้ม และโอกาสจับรางวัลหนึ่งครั้ง]
ตอนที่เลเวลของวิชาทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนขึ้นเป็นหนึ่ง ไป๋เยี่ยรู้สึกได้ว่าความรู้จากหนังสือฝังอยู่ในหัวของเขาเป็นที่เรียบร้อย
นั่นหมายความว่าไป๋เยี่ยได้พิชิตตำรา ‘ทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีน’ ไปแล้ว
ทว่าตอนนี้เลเวลของวิชานี้ยังอยู่เพียงเลเวลหนึ่งเท่านั้น ยังห่างไกลจากการเป็นปรมาจารย์ด้านทฤษฎีการแพทย์แผนจีนอีกเยอะ
พูดอีกอย่างคือ ตอนนี้ไป๋เยี่ยเข้าใจเนื้อหาในหนังสือ ‘ทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีน’ ทั้งหมดจนกระจ่างแล้ว เขาเข้าใจความรู้ที่อยู่ในนั้นได้อย่างง่ายดาย ทั้งส่วนที่ใช้สอบ ส่วนที่ยาก ส่วนสำคัญเป็นต้น
แต่ทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนนั้นไม่ใช่แค่หนังสือเล่มหนึ่ง ทว่ามันเป็นวิชาในมหาวิทยาลัยวิชาหนึ่งที่ครอบคลุมความรู้มากมายซึ่งไป๋เยี่ยไม่เคยได้ยินมาก่อน ดังนั้นเลเวลของวิชานี้จึงอยู่เพียงเลเวลหนึ่งเท่านั้น
วิชาอื่นก็เช่นกัน!
ไป๋เยี่ยไม่มีแบบฝึกหัดติดตัวมา เขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นหญิงสาวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังทำอะไรบางอย่างในโน้ตบุ๊กโดยที่มีหนังสือรวมข้อสอบสอบเข้าวิชาแพทย์แผนจีนวางไว้ด้านหน้าเธอ
ไป๋เยี่ยเอ่ยถามเสียงเบา “หวัดดี เธอสะดวกให้ผมยืมหนังสือเล่มนี้ไหม”
หญิงสาวพับหน้าจอโน้ตบุ๊กลงเล็กน้อย เธอมองดูไป๋เยี่ยก่อนจะส่งหนังสือมาด้วยรอยยิ้ม
ไป๋เยี่ยขอบคุณพร้อมยิ้มกลับไป หญิงสาวคนนี้มีใบหน้ากลม ผิวของเธอทั้งขาวทั้งดูนุ่มนิ่ม ทั้งยังมีรอยยิ้มอันสดใส
ต้องบอกว่า มนุษย์นั้นเป็นสัตว์ที่มองความสวยงามเป็นสิ่งสำคัญ การเอ่ยชมความงามเมื่อพูดคุยกันเป็นเรื่องที่สำคัญ!
ไป๋เยี่ยเปิดดูโจทย์ในหนังสือเตรียมสอบ แล้วจึงเริ่มตะลุยโจทย์
ไม่ทำก็ไม่รู้หรอกนะ!
ไป๋เยี่ยอ่านโจทย์คร่าวๆ ก็รู้คำตอบโดยที่ไม่ต้องอ่านตัวเลือกเลย
ทำ ทำ ทำ ไป๋เยี่ยพลิกหนังสืออย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ โจทย์วิชาทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนส่วนใหญ่ถูกทำหมดแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าไป๋เยี่ยจะทำไม่ผิดเลยสักข้อ!
ช่วงสิบเอ็ดโมง ไป๋เยี่ยก็อ่านคำถามจนจบ
ต้องบอกว่า คำถามในนี้ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ทำผิดได้ง่าย ชวนสับสน เข้าใจยาก และมีคุณค่ามากๆ
ไม่เลว!
เจ๋งสุดๆ!
ไป๋เยี่ยคิดว่าถ้าเขาอ่านทุกวิชาจนจบ การสอบเข้าก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ส่วนภาษาอังกฤษน่ะเหรอ
ระดับภาษาอังกฤษของไป๋เยี่ยอยู่เกือบๆ เลเวลสอง ล้อเล่นหรือเปล่า เขาคือคนที่ผ่านการสอบ TEM-8[3] มาแล้วนะ
ช่วงบ่าย คนน้อยลงเรื่อยๆ เพราะทุกคนต่างไปกินข้าว
หญิงสาวถอนหายใจ พร้อมกับพับหน้าจอโน้ตบุ๊กลง พอดีกับที่ไป๋เยี่ยเองก็เงยหน้าขึ้นมา ทั้งสองคนจึงถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กัน
“เฮ้อ…”
“เฮ้อ…”
หญิงสาวชะงักไป เธอจ้องไป๋เยี่ยแล้วหัวเราะคิกคักขึ้น
“นายจะสอบเข้าสินะ งั้น ‘อ้าวซื่อเป๋าเตี่ยน’ เล่มนี้ฉันให้นายแล้วกัน ตั้งใจสอบนะ” เธอคลี่ยิ้ม
‘อ้าวซื่อเป๋าเตี่ยน’ คือหนังสือรวมข้อสอบสอบเข้าวิชาแพทย์แผนจีนเล่มนั้น ไป๋เยี่ยเห็นว่าที่หน้าปกหนังสือมีชื่อของเด็กสาวเขียนอยู่ ‘สวี่เหยียน’
ไป๋เยี่ยอึ้ง เขาอยากปฏิเสธ แต่สวี่เหยียนกลับเอ่ยขึ้นมาว่า “เดี๋ยวฉันก็เรียนจบป.โทแล้ว หนังสือเล่มนี้ก็คงไม่ได้เอาไปไว้ไหนหรอก ถึงเอาไปก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อยู่ดี แค่ใช้มันจองที่นั่งมาตลอดน่ะ ก็เลยให้นายไปดีกว่า”
ไป๋เยี่ยรับหนังสือมาด้วยความรู้สึกขอบคุณ “ผมว่าถ้าพี่สวี่เจอโจทย์ข้อยากๆ ผมอาจจะพอช่วยได้นะ”
สวี่เหยียนนิ่งงันไป ก่อนที่แววตาของเธอจะเปล่งประกายขึ้นแล้วหมองลงอีกครั้ง เธอกางหน้าจอโน้ตบุ๊กออกมา ทำเอาไป๋เยี่ยต้องตะลึง โน้ตบุ๊กนี่อย่างเจ๋ง หมุนจอได้ 360 องศาแน่ะ ซุปเปอร์โน้ตบุ๊กชัดๆ นี่สินะคนมีเงินน่ะ
ทว่าสิ่งที่สะท้อนเข้าม่านตานั้นกลับเป็นตาราง
สวี่เหยียนพูดขึ้น “ฉันยังไม่ได้จัดการกับข้อมูลในธีสิสจบเลย วิชาสถิติมันยากเหลือเกิน แถมฉันยังมีดัชนีเยอะเกินด้วย จะใช้สถิติมาวิเคราะห์ก็ทำไม่ได้…ฉันล่ะกลุ้มใจจริงๆ”
[1] แคร์รี่ คือ ตำแหน่งตัวละครในเกมแนว MOBA ที่สามารถโจมตีจากระยะไกลและสร้างความเสียหายรุนแรงในศัตรูได้โดยการโจมตีปกติ
[2] ป่า/ฟาร์ม ตำแหน่งตัวละครในเกมแนว MOBA มีหน้าที่ในการหาทรัพยากรการเงินเพื่อมาซื้อไอเทมทำดาเมจ
[3] TEM-8 (Test for English Majors Band 8) คือการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษของประเทศจีนสำหรับผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในสาขาภาษาอังกฤษ