ตอนที่ 36 คนเราเก่งถึงขั้นไร้เทียมทานเลยเหรอ
อันที่จริงตอนนี้ภายในห้องทำงานฝ่ายวิชาการพื้นฐานการแพทย์แผนจีนควรจะเฉลิมฉลองที่สวี่จงเหล่ยสอบติดสิบอันดับแรกจากทั้งมณฑล ทว่าบรรยากาศตอนนี้กลับอึมครึม ไม่มีใครพูดอะไรเลย
ซุนเฉียวเย่ว์มองอันดับของตนเอง เธอได้อันดับที่ยี่สิบสี่ ซึ่งถือว่าไม่เลวเลย แต่เมื่อมองไปยังอันดับสูงลิ่วของไป๋เยี่ย
ไม่ใช่แค่เธอ แต่ทั้งหลิวเจิ้นซีที่ได้อันดับสิบเก้า สวี่จงเหล่ยได้อันดับแปด เมื่อเทียบกับไป๋เยี่ยแล้วก็ดูธรรมดามากเสียจนดูไม่มีเกียรติยศใดๆ
เขาเป็นคนแบบไหนกันแน่
ซุนเฉียวเย่ว์อดเงียบไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาต่างๆ ของไป๋เยี่ย ทั้งเมื่อวันก่อนที่ไป๋เยี่ยถูกหลิวเจิ้นซีว่าในห้องทำงาน
ไป๋เยี่ยกลายเป็นข้อห้ามประจำห้องทำงานแห่งนี้ ไม่ว่าใครก็ห้ามพาดพิงถึงเขา สวี่จงเหล่ยนั่งหมดสภาพเหมือนกับไก่ชนที่เพิ่งแพ้มา ในใจเขามีแต่ความขุ่นเคือง ทว่าใบหน้าหยิ่งผยองนั่นกลับต้องก้มลงอย่างช่วยไม่ได้
เขาไม่ยอมหรอกนะ!
ตั้งแต่ที่ได้เจอกับไป๋เยี่ย เขารู้สึกว่าจะทำอะไรก็ไม่เป็นไปตามที่คิด จะเรื่องไหนก็ขัดใจเขาไปหมด อันที่จริงการแข่งขันรอบนี้ควรจะเป็นเวทีของเขาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขากลับเป็นได้แค่ตัวประกอบฉาก
เรื่องเมื่อวานก็สร้างผลกระทบให้เขามาก วันนี้ผอ.อาจจะลงโทษเขาก็เป็นได้ เขาผู้เคยใช้ชีวิตอย่างราบรื่นสบายๆ ณ ตอนนี้กลับต้องมาขุ่นมัวและรู้สึกผิดแทนเสียอย่างนั้น
ตอนนี้การเงียบคงจะดีที่สุด
หลิวเจิ้นซีจ้องสวี่จงเหล่ยที่กำลังรู้สึกแตกสลายด้วยน้ำตาที่คลอหน่วย ก่อนจะตะคอกเสียงดังลั่น “ไอ้คนไร้ประโยชน์! ยังจะกล้าเป็นหัวหน้าอยู่อีกเหรอ! เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ ผมเคยคิดว่าคุณจะเอาชนะไป๋เยี่ยได้แท้ๆ ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นแค่…”
เขาเข้าใจดีแล้ว ตอนนี้เขาสู้ไป๋เยี่ยยาก แต่เมื่อนึกถึงฝ่ามือของไป๋เยี่ยที่ทาบลงกับหน้าของตนบวกกับความรู้สึกร้อนผ่าว ก็ทำให้หลิวเจิ้นซีโมโหจนเก็บทรงไม่อยู่
ทว่าเขาเองก็มีจุดแข็งเช่นกัน นั่นก็คือ ‘รู้จักเสแสร้ง’ และ ‘มีความอดทน’
เขาจะต้องหาโอกาสได้แน่นอน!
เวลาเก้าโมงกว่าๆ หัวหน้าเหยียนและผอ.หูมาที่หอพักของไป๋เยี่ย เพื่อมาเยี่ยมเยียนและแจ้งเรื่องงานมอบเหรียญเกียรติยศ
ทันทีที่พวกเขาก้าวขาเข้ามาก็พบว่าไป๋เยี่ยและพ่างจื่อกำลังนอนอยู่!
ส่วนต้วนเย่ว์และลู่เผยอี้ต่างก็พากันยิ้มแห้ง
“สวัสดีครับผอ. หัวหน้า คือว่า…ไป๋เยี่ยเขาไม่ค่อยสบายเลยยังไม่ตื่นน่ะครับ” ลู่เผยอี้พูดตะกุกตะกัก
หูเฟิงอวิ๋นนิ่วหน้าแต่ก็ยังคงฝืนยิ้มออกมา “พักผ่อนก็ดีแล้ว! รู้จักหาเวลาพักผ่อนเป็นเรื่องที่ดี!”
ทว่าจู่ๆ พ่างจื่อก็ถีบผ้าห่มออกและพูดขึ้น “มาๆ มาอีกแก้ว ชนแก้วกันเยี่ยจื่อ ฉันยังดื่มต่อไหวน่า!”
ทุกคนชะงัก ละเมออยู่ตั้งนานไม่เห็นพูด แต่ดันมาพูดตอนนี้เนี่ยนะ
จังหวะนรกไม่จบแค่นั้น ไป๋เยี่ยก็ละเมอด้วยคน!
“ดื่ม! ดื่มอีก! ยังไม่เมาเว้ย พ่างจื่อ มาอีกแก้วซิ ชนแก้ว!”
หูเฟิงอวิ๋นเงียบไปชั่วครู่ ภายในหอพักอบอวลไปด้วยกลิ่นเหล้าจนเธอพูดไม่ออก
โชคดีที่เหยียนหมิงช่วยแก้ต่างให้ “อืม สอบเสร็จก็ต้องฉลองกันบ้าง เมื่อกี้ผอ.บอกว่ามีธุระด่วนไม่ใช่เหรอครับ ไปทำธุระด่วนก่อนค่อยมาพูดเรื่องงานมอบเหรียญแล้วกันนะครับ”
หูเฟิงอวิ๋นยิ้มแห้ง “โอ๊ะ! จริงด้วย! พอดีว่าดิฉันมีธุระด่วนน่ะ ขอไปจัดการธุระก่อนนะคะ ส่วนเรื่องงานมอบเหรียญก็ไว้ตอนบ่ายแล้วกัน เราจะจัดงานมอบเหรียญเกียรติยศกลางสนามกีฬา เพื่อให้ทั้งมหาวิทยาลัยได้ทราบกันถ้วนหน้า”
ต้วนเย่ว์งงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่แท้คนเราก็เก่งจนไร้เทียมทานได้นี่เอง…
ไป๋เยี่ยตื่นขึ้นมาตอนเที่ยง เมื่อรู้เรื่องตอนบ่ายแล้วก็รีบจัดระเบียบข้าวของเพื่อไปเข้าร่วมงานมอบเหรียญเกียรติยศ
สนามกีฬาขนาดใหญ่อัดแน่นไปด้วยนักศึกษา บัณฑิตปริญญาตรี และนักศึกษาชั้นปริญญาโท ทุกคนต่างมารวมตัวกันที่นี่!
หูเฟิงอวิ๋นกล่าวสร้างขวัญและกำลังใจและกล่าวชมเชยผลงานของไป๋เยี่ย ให้เหล่ารุ่นน้องได้เรียนรู้จากรุ่นพี่ไป๋เยี่ย
ชื่อ ‘ไป๋เยี่ย’ กลายเป็นดาวเด่นประจำมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีอย่างรวดเร็ว
ทว่าเพื่อนร่วมชั้นของไป๋เยี่ยกลับพากันวิพากษ์วิจารณ์ หลิวจื้อมองไป๋เยี่ยที่กำลังได้รับความชื่นชมจากผู้คนด้วยความไม่เชื่อสายตา หลากหลายความรู้สึกปะปนอยู่ภายในใจของเขา ทั้งไม่เชื่อ ทั้งอิจฉา ทั้งโมโห ทั้งเกลียดจนเข้าไส้!
เขาเกลียดไป๋เยี่ย เพราะไป๋เยี่ยคือคนที่พรากเกียรติยศไปจากเขา!
ถ้าไม่มีไป๋เยี่ย ตำแหน่งนักเรียนดีเด่นก็คงตกเป็นของเขา รางวัลระดับประเทศก็เช่นกัน ทุนเฝินจิ่วก็ด้วย ทั้งหมดนั่นมันควรเป็นของเขาต่างหาก!
ทำไมต้องมีไป๋เยี่ยด้วย!
เกลียดหน้ามันชะมัด!
ส่วนเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ ก็ตกตะลึง ไม่คิดว่าไป๋เยี่ยจะเก่งขนาดนี้ แถมยังเก่งเกินหน้าเกินตาพวกเขาไปมากด้วย ทำเอาไม่เห็นหนทางที่จะตามทันเลย
ห่างชั้นกันเกินไป ต่อให้อยู่ชั้นนั้นก็คงสู้ไม่ได้หรอก!
แม้แต่กลุ่มนักศึกษาปริญญาโทยังพากันมองไป๋เยี่ยด้วยสายตาเหลือเชื่อและชื่นชม
สวี่เหยียนยืนอยู่ท่ามกลางคำวิจารณ์จากปากแต่ละคน เธอไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเลย ไม่คิดเลยว่ารุ่นน้องนิสัยชิลๆ ในวันนั้นจะเก่งถึงขั้นนี้
เขาใช่ไป๋เยี่ยที่เราเจอที่ห้องสมุดจริงๆ เหรอ
ไป๋เยี่ยที่แก้ธีสิสให้ทุกคนอะนะ
มีพวกสอดรู้สอดเห็นเอาคลิปงานมอบเหรียญเกียรติยศไปโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต ดึงดูดให้ผู้คนแห่กันมาคอมเมนต์และล้อเลียน
หนึ่งในนั้นมีเจ้าของแอคเคาท์เวยป๋อชื่อดังเข้ามาคอมเมนต์
“ไม่แปลกที่จะมีคนเก่ง แต่เล่นจัดงานประกาศเกียรติคุณซะยิ่งใหญ่แบบนี้มันก็เกินไปหน่อยมั้ง สงสัยจะหาซีน…การแข่งขันครั้งนี้แบ่งออกเป็นสามสิบสี่เขต มณฑลจิ้นซีอยู่ที่อันดับสามสิบสอง นี่คงเป็นแค่งานรวมตัวกันขำๆ ละมั้ง…ยังไงซะ หลักสูตรแพทย์แผนจีนที่จิ้นซีก็แย่อยู่ดี…ข้อสอบรอบสามคงไม่ได้ง่ายหรอกนะ เพราะงั้นจัดงานช้ากว่านี้หน่อยก็ไม่สายไปหรอกนะ”
เจ้าของแอคเคาท์ใช้ชื่อว่า ‘ต้าอีจิงเฉิง’ เป็นแพทย์แผนจีนมือหนึ่งจากทั้งประเทศ มีชื่อจริงว่า ‘โจวเสียง’
ทันใดนั้น ผู้คนในเวยป๋อก็แห่กันมาคอมเมนต์ใหญ่จนเกิดเป็นประเด็นเรื่องหลักสูตรแพทย์แผนจีนของมณฑลจิ้นซี
ถึงขั้นมีคนด่าสาดเสียเทเสียว่ามณฑลจิ้นซีได้อันดับแทบจะต่ำที่สุดของทั้งประเทศ!
เพราะว่าหลายปีมานี้การแพทย์แผนจีนที่มณฑลจิ้นซีก็ด้อยจริงๆ
เมื่อหัวหน้าฝ่ายบริหารงานด้านยาจีนประจำมณฑลจิ้นซีอย่าง ‘หลี่หวายจง’ ได้อ่านคอมเมนต์บนอินเทอร์เน็ตก็โกรธมาก จึงประชุมกับหูเฟิงอวิ๋นและเซียวฮั่นซีโดยด่วน
จนกระทั่งช่วงบ่าย ไป๋เยี่ยก็ได้รับข่าว
‘การอบรมลับระยะเวลาห้าวัน’
ไม่ใช่แค่ไป๋เยี่ย แต่ผู้ที่เข้ารอบระดับประเทศทั้งสิบคนก็ต้องเข้ารับการอบรมสุดหินนี้เป็นเวลาห้าวันเช่นกัน
ยามจะออกศึกก็ต้องลับคมหอกเสียหน่อย!
ค่ำวันนั้น ไป๋เยี่ยก็มาถึงโรงแรมที่ได้มีการจัดเตรียมไว้แล้ว
ไป๋เยี่ยแทบช็อกเมื่อได้เห็นตารางเรียน
“วันที่หนึ่ง อาจารย์แพทย์หลีว์จิ่งเทียน!”
“วันที่สอง อาจารย์แพทย์หวังซื่อหมิน!”
“วันที่สาม อาจารย์แพทย์ระดับประเทศเซียวฮั่นซี!”
“วันที่สี่ ราชายาจีนแห่งมณฑลจิ้นซีเฉินหวายโซ่ว!”
“วันที่ห้า ผู้สืบทอดตำแหน่งแพทย์หลวงหลี่หานหรง!”
คนที่ห้าเป็นผู้เชียวชาญเบอร์ต้นๆ ระดับประเทศ เป็นสุดยอดปรมาจารย์แห่งยุค! ไม่ว่าใครพูดถึงก็ต้องยกนิ้วโป้งให้!
ไป๋เยี่ยรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง!
การฟังอาจารย์บรรยายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับไป๋เยี่ยมาก เขามีความรู้รอบด้าน ทว่าเขากลับบรรยายออกมาเป็นคำพูดเหมือนอาจารย์ไม่ได้
มีเพียงการไม่หยุดเรียนรู้ ฟังอาจารย์บรรยาย และการซึมซับประสบการณ์และความรู้เท่านั้นที่จะทำให้เขาพัฒนาขึ้น!