ตอนที่ 38 มอบหมายภารกิจใหม่
เวลาห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็เชื่องช้าเช่นกัน
บนเวที ชายชราผมขาวกำลังยืนเล่าประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมาให้ทุกคนได้ฟัง ภายในใจของทุกคนไม่ได้เต็มเปี่ยมไปแค่ความตื่นเต้น แต่ยังมีความฝักใฝ่ในการเรียนรู้ด้วย!
เรียกได้ว่าเรียนกันโดยไม่สนเดือนสนตะวันเลย!
ไม่ใช่แค่ไป๋เยี่ย แต่ทั้งสิบคนมีเวลานอนแค่วันละสามชั่วโมงเท่านั้น เหนื่อยก็ไปงีบ พอตื่นมาก็พูดคุยถกกันอีก
กลางวันก็เรียนไป พอตกกลางคืนก็ค่อยมาถกกัน
ภายในห้าวัน ทั้งสิบคนก็รวมตัวกันเป็นทีมโดยมีไป๋เยี่ยเป็นคนสำคัญ
การติววันที่สอง วิชาทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนของไป๋เยี่ยเพิ่มขึ้นเป็นเลเวลห้าซึ่งเป็นระดับอาจารย์ ส่วนวิชายาจีนยังขาดค่าประสบการณ์อยู่ราวๆ หมื่นแต้ม แม้ว่าจะอีกนานกว่าจะได้อัปเลเวล แต่คลังความรู้ของเขาก็ค่อยๆ ขยายกว้างขึ้น
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการที่วิชาทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนอัปถึงเลเวลห้านั้นยากที่จะอธิบายได้ด้วยประโยคเดียว
มันคือการรับรู้เกี่ยวกับแนวคิดของแพทย์แผนจีนอย่างหนึ่ง ด้วยความรู้ด้านการแพทย์แผนจีนอันมากล้นของไป๋เยี่ยและประสบการณ์จากแพทย์สมัยก่อนๆ ทำให้เขาจัดระเบียบความรู้ได้อย่างเป็นระบบ
ทว่าคนอื่นกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น ต่อให้เป็นคนที่ดูมีแววอย่างจางจี๋เซียน หรือสวี่จงเหล่ยก็ตาม เต็มที่ก็คงอยู่แค่เลเวลสี่เท่านั้น
เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนที่มีอายุราวๆ สามสิบห้าปีคงจะภูมิใจในตนเองอยู่พอตัว แต่ในสายตาไป๋เยี่ย พวกเขายังคงอ่อนเกินไปอยู่ดี
พวกเขาพบว่าไป๋เยี่ยมีความรู้เรื่องทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนและเรื่องยาจีนมากกว่าตนเองหลายขุม
พวกเขาค่อยๆ ลดทิฐิลงและเริ่มขอให้ไป๋เยี่ยช่วยสอน
ภายในเวลาห้าวันนี้เอง ไป๋เยี่ยก็กลายเป็นคนสำคัญของทีม หรือหัวหน้าทีมนั่นเอง
วันเสาร์มาถึง ขณะที่ทุกคนกำลังจะแยกย้ายกันกลับนั้น ข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการสอบก็ออกมา
การสอบระดับประเทศแบ่งออกเป็นสองประเภท
หนึ่งคือการแข่งแบบทีม ทุกมณฑลจะนับเป็นหนึ่งทีม โดยจะจัดอันดับตามคะแนนรวม ซึ่งจะถือเป็นผลการสอบประจำปีของแต่ละมณฑล
และสองคือการแข่งแบบเดี่ยว ทุกมณฑลจะส่งตัวแทนผู้เข้าแข่งขันมามณฑลละหนึ่งคน ซึ่งจะมีการสอบสัมภาษณ์ด้วย ตัดสินผลการสอบจากคะแนนและนำมาจัดเป็นสิบอันดับ
แถบภารกิจส่องแสงขึ้นมาในขณะที่ไป๋เยี่ยกำลังอ่านประเภทการสอบ
[ติ๊ง! เริ่มภารกิจ พาทีมจิ้นซีติดสิบอันดับแรกจากทั้งประเทศให้ได้ รางวัลภารกิจ: 1. แต้มสมาชิก 30 แต้ม 2. ค่าประสบการณ์จำนวนมาก และ 3. โอกาสจับรางวัลสามดาวหนึ่งครั้ง]
[ติ๊ง! เริ่มภารกิจ ได้อันดับที่หนึ่งในการแข่งขันแบบเดี่ยว รางวัลภารกิจ: 1. แต้มสมาชิก 30 แต้ม 2. ค่าประสบการณ์จำนวนมหาศาล และ 3. โอกาสจับรางวัลสามดาวหนึ่งครั้ง]
ไป๋เยี่ยอ่านภารกิจทั้งสองพลางถอนหายใจออกมา ยังไงครั้งนี้ก็ต้องสู้ให้สุดละวะ
ไป๋เยี่ยหันกลับไปหาทุกคนและยื่นมือออกไปด้วยรอยยิ้มใสซื่อ “มารวมพลังกันหน่อย เราจะสู้ไปด้วยกัน!”
ทั้งสิบคนล้อมเป็นวงกลมและวางมือทับกันไปมาแล้วจึงพร้อมใจกันตะโกน “หนึ่ง สอง สาม สู้ตาย!”
ทั้งสิบคนไม่ได้กลับไปพักผ่อนต่อ เมื่อจัดเตรียมข้าวของกันเรียบร้อยแล้วก็พากันก้าวขาขึ้นรถไฟความเร็วสูงไปที่นครปักกิ่ง
ที่หมายคือโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง ที่จัดเตรียมไว้สำหรับผู้เข้าแข่งขันจากทั้งสามสิบสี่มณฑล
เมื่อพวกไป๋เยี่ยมาถึงก็ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบตัวตนและคุณสมบัติ จากนั้นจึงจะได้รับใบรับรอง
ทว่าไป๋เยี่ยกลับได้ยินสวี่จงเหล่ยกำลังโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่อยู่
พอเขาเดินเข้าไปหาก็ได้ยินสวี่จงเหล่ยเอ่ยถามขึ้น
“ทำไมพวกเราสิบคนถึงได้แค่สามห้องล่ะครับ ไหนบอกชัดแล้วว่าจะได้นอนห้องธรรมดากัน”
เจ้าหน้าที่ตอบกลับพร้อมกับยิ้มแห้งๆ “ขออภัยค่ะ พวกคุณมาถึงสายเกินไป ห้องอื่นๆ เลยถูกจองไปหมดแล้วค่ะ มีแค่ห้องพวกนี้ที่ยังว่างอยู่ พักสามคนสองห้องแล้วก็สี่คนหนึ่งห้อง โอเคไหมคะ”
สวี่จงเหล่ยเงียบไปและกำลังจะตอบ “โอเค ตามนั้นก็ได้ครับ”
ทว่าจู่ๆ ทีมสิบคนอีกทีมก็กำลังเดินมาทางนี้พอดี พวกเขาเดินมาแล้วจึงถามขึ้น “สวัสดีครับ พวกเรามาจากมณฑลชวนตู มารายงานตัวครับ”
พอเจ้าหน้าที่คนนั้นได้ยินว่ามาจากมณฑลชวนตูก็รีบหยิบคีย์การ์ดออกมาจากกล่อง “นี่ห้องของพวกคุณค่ะ ทั้งหมดห้าห้อง อยู่ที่ชั้นแปด…”
สวี่จงเหล่ยได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที มีสิทธิ์อะไร
“อ้าว เมื่อกี้บอกว่าห้องเต็มไม่ใช่เหรอครับ ทำไมตอนนี้ห้องว่างล่ะ! นี่คุณ…”
เจ้าหน้าที่คนนั้นผงะไปก่อนจะกล่าวขอโทษอย่างเกรงใจ “ขออภัยค่ะ นี่เป็นกฎจากองค์กรจัดการแข่งขัน แพทย์แผนจีนจากชวนตูติดสิบอันดับแรกมาโดยตลอด นี่คือการต้อนรับที่พวกเขาสมควรได้รับค่ะ ซึ่งทางองค์กรก็กำชับมาพิเศษเลย ให้พูดก็คือ…ดิฉันไม่มีสิทธิ์มากขนาดนั้นหรอกค่ะ”
พวกไป๋เยี่ยได้ฟังก็นิ่งไปชั่วครู่ หลายคนหันไปมองหน้ากันและพากันถอนหายใจ
เมื่อกลับไปยังที่พัก ทุกคนก็กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านกฎการสอบ
พรุ่งนี้เป็นวันสอบ คะแนนเต็มหนึ่งร้อยคะแนน ทั้งที่มีคำถามแค่ห้าข้อ แต่เป็นข้อปรนัยทั้งหมด
สวี่จงเหล่ยถอนหายใจ “เฮ้อ รอบนี้ผมคงต้องขอถอยล่ะ รอบก่อนผมได้แค่ร้อยยี่สิบคะแนนเอง ครั้งนี้จะทำให้ได้สักครึ่งหนึ่งยังยากเลย”
แม้ว่าคนอื่นๆ จะไม่ได้พูดอะไร แต่ทุกคนก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เพราะว่าการสอบรอบก่อน มณฑลซานซีได้อันดับที่ยี่สิบเก้า นั่นก็เป็นเพราะไป๋เยี่ยทำคะแนนสูงถึงร้อยแปดสิบคะแนน
คิดๆ ดูแล้ว ถ้าการสอบรอบนี้เทียบมาจากการสอบรอบมณฑล การติดสิบอันดับจะยากแค่ไหนกัน
ต่อให้ไป๋เยี่ยจะได้คะแนนสูงโดดก็ตาม แต่คนอื่นล่ะ
จะทำอย่างไร
ไป๋เยี่ยเองก็จนปัญญา ถ้างั้นก็ปล่อยจอยเถอะ ถึงจะไม่ได้แชมป์รอบแข่งเป็นทีม แต่รอบแข่งเดี่ยวต้องทำให้ได้!
ทว่าทุกคนก็ไม่ได้ทำตัวว่าง ไป๋เยี่ยจึงชวนอีกเก้าคนมาพูดคุยถกเถียงประจำวันกัน
พรุ่งนี้ก็จะสอบแล้ว ไป๋เยี่ยไม่มีอะไรที่ต้องติวเป็นพิเศษแล้ว อย่างไรพื้นฐานของคนพวกนี้ก็ไม่ได้ย่ำแย่ อยู่ประมาณเลเวลสี่ ไป๋เยี่ยจึงอธิบายแนวคิดให้อีกสักหน่อย
เช่นเรื่องความสัมพันธ์ของร่างกายมนุษย์กับสภาพอากาศ เรื่องธาตุทั้งห้าและอากาศทั้งหกนิดๆ หน่อยๆ แต่เพราะมันยากเกินไป เขาจึงไม่ได้อธิบายละเอียดนัก อธิบายไปก็ใช่ว่าพวกเขาจะเข้าใจ เขาจึงให้กำลังใจทุกคนแล้วล้มตัวลงนอน