ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 393 ตัวอบอุ่นที่ทั้งน่ารักทั้งน่าหยิก

ตอนที่ 393 ตัวอบอุ่นที่ทั้งน่ารักทั้งน่าหยิก

“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งพะยะค่ะ” หลงเซียวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าจะกราบทูลอย่างไรดี 

 

 

“อยู่ต่อหน้าเราไม่ต้องมาทำอึกๆอักๆ” 

 

 

“ไทเฮา น่ะ….ฮ่องเต้หญิง ทรงมีสัมผัสใกล้ชิดกับบุรุษโฉมงามอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ตอนนี้ทั้งสองอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา หวานชื่นราวดั่งคู่สามีภรรยาที่พึ่งจะแต่งงานอย่างไรอย่างนั้น” 

 

 

หลงเซียวทูลจบ ก็รู้สึกว่ามีเหงื่อเย็นๆไหลออกมาท่วมศีรษะ 

 

 

พอเงยหน้าขึ้นดู ก็เห็นสีพระพักตร์ของฝ่าบาทเปลี่ยนเป็นเลวร้าย สองพระหัตถ์ภายใต้แขนฉลองพระองค์กำแน่นเสียจนเส้นพระโลหิตปูดโปนขึ้นมา 

 

 

“ฝ่าบาท นี่เป็นข่าวสารที่องครักษ์ลับส่งกลับมา …..บางทีพวกเขาอาจจะตาฝาด มองผิดไป” หลงเซียวรีบกล่าวปลอบพระทัยไปอีกสองประโยค 

 

 

ความปลอดภัยของเขาเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในตอนนี้! 

 

 

“ฝ่าบาท หากว่าซูเยาผู้นั้นไม่รักษาคำพูด …..พวกเราก็ไม่จำเป็นจะต้องรักษาคำสัญญา หย่งเฉิงอ๋องสองสามีภรรยายังคงอยู่ในเมืองหลวง หากว่าไม่ได้ฝ่าบาททรงคุ้มครองเอาไว้แต่แรก สองผู้เฒ่านั่นก็คงจะ…..” 

 

 

ฝ่าบาททรงทำพระองค์เป็นขวดแก้วเสียแล้ว มิว่าเรื่องใดๆก็เก็บเอาไว้กับพระองค์แต่เพียงผู้เดียว 

 

 

อะไรก็ไม่ยอมอธิบายออกไป เอาแต่แอบทำอย่างเงียบๆ 

 

 

พูดตามตรง สุดท้ายแล้วนี่มิเท่ากับว่าเป็นการทำร้ายพระองค์เองหรอกหรือ? 

 

 

ตอนนี้ละเป็นเรื่องแล้ว นี่มิเท่ากับว่าอยู่ดีๆก็ไปส่งเสริมซูเยาผู้นั้นหรอกรึ 

 

 

นับตั้งแต่ที่เจ้าผู้นั้นไปอยู่กับฮ่องเต้หญิง ก็มีอิสระเสรีอย่างที่สุด ความสัมพันธ์ก็ใกล้ชิด แทบจะนอนด้วยกันอยู่แล้ว! 

 

 

หากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไป ……เกรงว่าอีกไม่กี่วันก็อาจจะนอนด้วยกันขึ้นมาก็ได้ละมั้ง? 

 

 

พระหัตถ์ที่กำหมัดของฝ่าบาทมิได้คลายออก ดวงเนตรหงส์คู่นั้นเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมา พระองค์หันไปจดจ้องหลงเซียว ตรัสว่า “เจ้าบอกมาสิว่าใครคือบุรุษที่งามที่สุดในแผ่นดินนี้?” 

 

 

หลงเซียว “อ่า……ฝ่าบาท หากว่าจะให้เปรียบเทียบกันจริงๆ พระองค์กับซูเยานั้นเป็นคนละประเภทกันนะพะยะค่ะ” 

 

 

“เราถามเจ้า ว่าใครคือบุรุษที่งามที่สุดในแผ่นดิน?” 

 

 

หลงเซียว “นั่นย่อมต้องเป็นฝ่าบาทแน่นอนอยู่แล้วพะยะค่ะ! ใต้หล้านี้ย่อมไม่มีบุรุษใดที่จะงดงามไปกว่าฝ่าบาทอีกแล้ว! ต่อให้มี ก็ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดไปอย่างแน่นอน!” 

 

 

“ในเมื่อเราคือบุรุษที่งดงามที่สุดในใต้หล้า ที่บอกว่าผูกพันใกล้ชิดแนบแน่นกับฮ่องเต้หญิง ย่อมไม่มีสิ่งใดผิด” 

 

 

หลงเซียว “? ? ? “ ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าฟังไม่เข้าใจว่าฝ่าบาททรงหมายความเช่นไร? 

 

 

หลงเซียวยังไม่ทันจะได้ทำความเข้าใจ ก็ได้ยินจีเฉวียนตรัสว่า “ไปหาซุนย่วนขอยาพอกมา” 

 

 

หลงเซียวรู้สึกว่าทำเช่นนี้ไม่ดีละมั้ง? 

 

 

ครั้งก่อนพอกไปรอบหนึ่ง ก็เกิดสิวขึ้นเต็มพระพักตร์ยังไม่เข็ดอีกหรืออย่างไร? 

 

 

หลงเซียวคิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าหากเป็นเรื่องของความงดงามฝ่าบาทนั้นยังพ่ายแพ้ให้กับซูเยาอยู่บ้างจึงจะถูก 

 

 

……………….. 

 

 

เพียงไม่ถึงสองวัน ในวังก็มีข่าวลือออกมา ว่าซุนเชวี่ยย่วนสื่อแห่งสำนักหมอหลวงได้รับแต่งตั้งอยู่ได้ไม่นานก็ต้องตกต่ำลงไปอีกครั้งแล้ว 

 

 

ครั้งนี้ยังอนาถกว่าตอนเป็นเด็กต้มยาเสียอีก เพราะกลายเป็นหมอรักษาสัตว์ไปเสียแล้ว ทุกๆวันเป็นต้องไปขลุกอยู่ที่คอกม้า คอยสอดส่องดูแลบรรดาสัตว์ต่างๆในวังหลวง 

 

 

ฟังว่าเป็นเพราะวิชาแพทย์ของเขามันไม่ได้เรื่อง ไม่สามารถตรวจรักษาฉางซุนอิงได้? 

 

 

ดูเอาสิ …..ฝ่าบาททรงหลงใหลสตรีผู้นั้นถึงขนาดนี้เลย? 

 

 

วันนี้คนที่ถึงคราวรับเคราะห์ก็คือซุนย่วนซื่อ คนต่อไปที่จะต้องโชคร้ายไม่แน่ว่าอาจจะเป็นพระองค์เองก็ได้? 

 

 

หากว่าวันๆทรงเอาแต่หมกมุ่นอยู่อย่างนี้ต่อไป คนต้าโจวย่อมอดไม่ได้ที่จะรำลึกถึงวันดีๆยามที่ไทเฮายังทรงอยู่ 

 

 

นี่เรียกว่าอะไรเล่า หากไม่มีการเปรียบเทียบก็คงไม่รู้ว่าอะไรเจ็บกว่ากัน! 

 

 

ไทเฮาน้อยอย่างมากก็แค่เปลือกนอกเอาแต่พระทัยอยู่บ้าง แต่แก่นแท้แล้วยังคงมีความเมตตาอยู่ 

 

 

นางได้ทำสิ่งใดเพื่อต้าโจวเอาไว้บ้าง? 

 

 

ในงานเลี้ยงของราชสำนักนางสามารถเลือกไข่มุกได้ถูกต้อง ช่วยเหลือท่านหญิงน้อยที่ถูกลักพาตัวไปจากจวนองค์หญิงใหญ่ เสด็จไปค้นหาสมบัติร่วมกับฝ่าบาท ทั้งยังใช้ความเฉลียวฉลาดทำลายแผนกบฏของจวิ้นอ๋องเมืองกู่เย่ว 

 

 

ไทเฮาน้อยมักจะทรงรับสั่งอยู่เสมอว่า ‘เราตั้งใจจะทำทุกสิ่งเพื่อต้าโจว’ 

 

 

ตอนนี้พอมาย้อนคิดดูแล้ว ทุกสิ่งที่นางได้ทำไว้ แต่ละเรื่องล้วนทำเพื่อแคว้นต้าโจวมิใช่หรือ? 

 

 

ส่วนเรื่องที่เมื่อเร็วๆนี้นางชิงเอาแคว้นต้าเหยียนที่พึ่งตีได้ไปล่ะ……คงจะมีสาเหตุอื่นอีกกระมัง? 

 

 

แล้วลองดูแม่นางฉางซุนผู้นั้นสิ …….ทำเรื่องอันใดไปบ้าง 

 

 

ราชโอรสองค์โตที่คนทั้งแคว้นต่างตั้งตารอคอยถูกกำจัดทิ้งไปแล้ว….. 

 

 

ตอนนี้ในใจของชาวต้าโจวทั้งหลายต่างก็รู้สึกว่าเหมือนกับว่า ‘ก่อนหน้านี้บุตรชายในบ้านไปชื่นชอบหญิงสาวที่ออกจะนอกกรอบไปหน่อยผู้หนึ่ง แต่เหล่าผู้อาวุโสภายในบ้านต่างก็ไม่เห็นด้วย คราวนี้ละเป็นเรื่องแล้ว บุตรชายไปรับเอางูพิษกลับมา ทุกคนถึงได้ค่อยพากันนึกถึงความดีของหญิงสาวที่นอกกรอบไปบ้างผู้นั้น’ 

 

 

ในแคว้นต้าโจว ชื่อเสียงของแม่นางฉางซุนอิงยังย่ำแย่กว่าตู๋กูซิงหลันเมื่อตอนแรกๆอีกมากโข 

 

 

ตอนนี้พวกเขาได้แต่เฝ้าหวังว่าเมื่อไหร่ฝ่าบาทจะทรงคิดได้เสียที แล้วไปคืนดีกับไทเฮาน้อย เมื่อสองคนดีกัน สองแคว้นจะได้มีสัมพันธ์อันดี จับมือกันครองความเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้จึงจะเป็นหนทางที่ถูกที่ควร! 

 

 

………………………………. 

 

 

แคว้นเหยียน 

 

 

เมื่อเข้าสู่ยามสนธยา สายลมยามค่ำในต้นฤดูสารทก็พัดเอาความชื้นจากทะเลมาด้วย กลีบบุปผาพลิ้วไปในอากาศจนทั่วทั้งเมือง 

 

 

ในพระตำหนักหย่งหนิง ตอนนี้ยังคงจุดเทียนอยู่ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันนั่งอยู่ข้างโต๊ะ บนโต๊ะมีหนังสือโบราณสูงเป็นตั้งๆ 

 

 

นางอดหลับอดนอนจนสองตาแดงก่ำ ดวงตาปูดโปนไปด้วยเส้นเลือด 

 

 

ข่าวที่มนุษย์มัจฉาน้อยบอกมานั้นไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร… 

 

 

มารดาแท้ๆของชือหลีเดิมเป็นองค์หญิงของเผ่ามังกรตะวันตก แต่เพราะการแต่งงานที่ผิดพลาดสุดท้ายจึงต้องมีจุดจบที่น่าอนาถ 

 

 

แม้แต่เผ่ามังกรตะวันตกเองก็พลอยตกต่ำไปเพราะเจ้ามังกรทรยศผู้นั้นไปด้วย 

 

 

เป็นผลให้ชือหลีและชือฉิงสองสาวพี่น้องต้องถูกถอดกระดูกมังกรออก จนต้องไปอยู่ในโลกของมนุษย์ธรรมดา 

 

 

พอกลับไปครั้งนี้ก็ยังต้องประสบเคราะห์กรรม เพราะบังเอิญเป็นช่วงที่รัชทายาทของเผ่ามังกรทมิฬที่อยู่ใต้ทะเลลึกไร้ก้นบึ้งจะเลือกคู่พอดี 

 

 

มังกรบิดาตัวร้ายที่ใจดำอำมหิตจนผิดเพี้ยนผู้นั้นก็จับชือหลีส่งออกไปในทันที 

 

 

แต่ละบ้านต่างก็มีเหตุแห่งความทุกข์ยากของตนเอง เผ่ามังกรตะวันตกเผ่านี้ก็มิได้อยู่นอกเหนือออกไป ยามใจดำขึ้นมาแม้แต่กับเลือดเนื้อเชื้อไขก็ยังไม่เหลือน้ำใจให้สักนิด 

 

 

………………………… 

 

 

นางย่อมต้องการไปช่วยเหลือชือหลี แต่ว่าไม่อาจไปอย่างบุ่มบ่ามได้ 

 

 

เดิมทีตัวนางเองก็มีโรคกลัวน้ำลึกที่หนักหนาอยู่แล้ว หากไม่เตรียมตัวให้พร้อม อย่าว่าแต่จะช่วยชือหลีเลย เกรงว่าแม้แต่ตัวนางเองก็คงต้องมอดม้วยไปด้วย 

 

 

“อาหลัน……” ซูเยา นำของว่างมื้อดึกเข้ามา “บอกให้เจ้าพักผ่อนเจ้าก็ยังไม่ยอมนอน ถ้าเช่นนั้นก็กินอะไรตุ๋นๆร้อนๆบำรุงร่างกายเสียหน่อยแล้วกัน” 

 

 

เขาพูดพลางก็ตักขึ้นมาช้อนหนึ่ง ยกขึ้นมาถึงริมฝีปากแล้วเป่าเบาๆ จากนั้นก็ค่อยส่งเข้าปากของนาง 

 

 

ตู๋กูซิงหลันอ้าปากขึ้นอย่างคุ้ยเคย พอกลืนลงไปคำหนึ่งก็อบอุ่นไปถึงหัวใจ 

 

 

นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ฝีมือการครัวของเจ้าจิ้งจอกน้อยจะดีถึงเพียงนี้ 

 

 

ขนาดแค่ของตุ๋นร้อนที่เรียบง่ายชามหนึ่งก็ยังตุ๋นได้อร่อยมาก 

 

 

ซูเยาป้อนนางจนหมดชาม ค่อยเลื่อนตะเกียงมาที่ข้างหน้านางมากกว่าเดิม “แสงเทียนสลัวเกินไปทำร้ายดวงตาแล้ว” 

 

 

เจ้าจิ้งจอกน้อยผู้นี้ช่างเป็นตัวอบอุ่นที่ทั้งน่ารักทั้งน่าหยิกจริงๆ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันวางตำราโบราณในมือลง อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบศีรษะของเขาเบาๆ “เจ้าไปนอนก่อนเถอะ ไม่ต้องรอข้าหรอก” 

 

 

คำพูดเหล่านี้ช่างทำให้คนฟังเข้าใจผิดโดยง่ายเสียจริงๆ 

 

 

ราวกับว่าคนทั้งสองนอนบนเตียงหลังเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

เมื่ออยู่ต่อหน้าตู๋กูซิงหลัน ซูเยาก็ยิ้มง่ายอยู่เสมอ 

 

 

เขาพยักหน้าหงึกๆ “ข้าจะอ่านเป็นเพื่อนเจ้า ค่อยนอนพร้อมเจ้า หากเจ้าไม่นอนข้าก็นอนไม่หลับหรอก” 

 

 

ถึงแม้ว่าอาหลันจะยังไม่เคยนอนเตียงเดียวกันกับเขา 

 

 

แต่ว่าตอนนี้เขาก็คือคนที่นางโปรดปรานมากที่สุดมิใช่หรือ? 

 

 

ขอแค่ได้เฝ้าดูนางนอน แล้วตนเองค่อยหลับทีหลังก็พอใจมากแล้ว….นั่นเป็นความสุขที่บ่งบอกไม่ถูกเลย! 

 

 

…………………………….. 

 

 

ตำหนักบรรทมของนางมีบานหน้าต่างที่เปิดค้างเอาไว้ครึ่งหนึ่ง 

 

 

ที่ด้านนอกหน้าต่าง ดวงตาหงส์คู่นั้นหรี่อยู่ครึ่งๆ รอบตัวล้วนมีแต่ความมืดมิด 

 

 

เขามองดูอย่างใจจดใจจ่อ จึงไม่ทันสังเกตว่าที่ด้านหลังมีคนผู้หนึ่งเดินมา 

 

 

พอพระอังสาถูกคนผู้นั้นตบเบาๆ ฝ่าบาทถึงได้หันพระเศียรกลับไป จึงได้เห็นว่าเป็นบุรุษที่สวมใส่ชุดหลวมๆรุ่ยร่ายผู้หนึ่งยื่นศีรษะเข้ามามองดูพระองค์  

 

 

“สหายผู้นี้ เจ้าคงเป็นคนใหม่ที่พึ่งจะเข้าวังมาสินะ?” 

 

 

 

 

 

 

 

 

…………………………………. 

 

 

ตอนต่อไป “ฝึกฝนฝ่าบาทให้ได้เป็นคนโปรด” 

 

 

ไรท์ : แค่ชื่อตอนก็บอกแล้วว่า หากคิดจะชิงกับซูเยา งานนี้ฉวนฉวน คงต้องทำการบ้านหนักหน่อยนะ 

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท