ตอนที่ 78 แนวคิดแพทย์แผนจีนและการทดลอง
แน่นอน! ตอนนี้ทุกคนกำลังตกตะลึงกับข้อมูลจำนวนมหาศาล ความซับซ้อนของการประมวลผลข้อมูล และมุมมองการวิเคราะห์ที่แปลกใหม่!
“สุดยอด! เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บมาตั้งสิบห้าปีจริงด้วย! นี่มันงานใหญ่มากเลยนะ”
“ใช่แล้ว! นี่…เขาวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังสิบห้าปีได้จริงๆ แฮะ! ไม่น่าเชื่อ!”
“โอ้พระเจ้า ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือบทความที่เขียนขึ้นด้วยตัวคนเดียวน่ะ มันเหมือนงานวิเคราะห์ข้อมูลประจำปีขององค์กรอะไรสักอย่างมากกว่า ไม่สิ! นี่มันสิบกว่าปีเลยนี่นา! พระเจ้า~ข้อมูลเยอะขนาดนี้ทำฉันเวียนหัวไปหมดเลย!”
“น่าทึ่งสุดๆ!”
“ใช่แล้ว! ไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นงานวิเคราะห์ของนักศึกษามหา’ลัยน่ะ”
“ดูนี่สิ เขาใช้การวิเคราะห์แนวดิ่งมาคำนวณหาความสัมพันธ์ด้วย จากนั้นจึงใช้การทดสอบไคสแควร์มาตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอีกที สุดยอดมาก!”
“นี่คุณไม่เคยเห็นมาก่อนเลยเหรอ การวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดนี้ใช้การคำนวณทางสถิติที่กล่าวได้ว่าสมบูรณ์แบบมากเลยทีเดียว แถมยังเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมมาทำการวิเคราะห์อีกด้วย พระเจ้า! นี่มันอะไรกันเนี่ย เขานำวิธีการวิเคราะห์ต่างๆ มารวมกันแล้วทำเป็นทีเทส แล้วก็ตรวจสอบการทดลองอีกที…บ้าไปแล้ว นี่มันวิชาสถิติชัดๆ!”
“บิล…เพื่อนนายที่เรียนสาขาคณิตศาสตร์และสถิติที่ MIT ทำแบบนี้ได้ไหม”
“เอ่อ เอ่อ…ไม่รู้สิ…แต่เมื่อปีที่แล้วที่ฉันเคยส่งข้อมูลไปให้พวกเขาถอดรหัสให้ แต่พวกเขาใช้เวลาตั้งหนึ่งเดือนกว่าจะทำเสร็จ…เสียเวลาจริงๆ!”
“เป็นไปได้ไหมว่า…ความสามารถด้านสถิติของไป๋เยี่ยจะสู้พวกเขาได้แล้ว”
“…”
ผู้คนด้านล่างเวทีแทบจะเป็นบ้ากันไปหมดเพราะการวิเคราะห์ข้อมูลนี้ แต่หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งหนึ่ง!
เพราะพวกเขาได้ค้นพบบางอย่างที่น่าทึ่งมากกว่าสถิติ!
ทุกคนคุ้นเคยกับสารตรงหน้าเป็นอย่างดี เพราะพวกเขาต้องได้เห็นมันบ่อยครั้งอยู่แล้ว ทว่า…เมื่อสารชนิดนี้ถูกผสมเข้ากับอาร์เทแอนนิวอิน กลับช่วยทำให้สารอาร์เทแอนนิวอินมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นได้!
น่าสะพรึง!
ทำไมพวกเขาถึงไม่เคยพบสารนี้มาก่อน
ทุกคนเริ่มไตร่ตรองแล้วกลับไปอ่านข้อมูลอีกครั้ง ใช่แล้ว! ทำไมตอนนั้นพวกเราจึงนึกไม่ถึงกันล่ะ ทั้งที่เรามองข้ามปัจจัยอื่นๆ ไปได้เลย!
ไม่น่าเชื่อว่าข้อมูลนี้จะมีผลสรุปแบบนี้ด้วย!
ทุกคนได้แต่รู้สึกทึ่งอยู่ภายในใจ
นักวิจัยกลุ่มนี้ไม่ได้ไร้ความสามารถ แม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบเท่าไป๋เยี่ย แต่พวกเขาเคยตีพิมพ์บทความและทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์มาเป็นเวลานาน แถมยังคุ้นเคยกับการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่เจอปัญหาล่ะ
แต่แล้วในที่สุดก็มีคนพบปัญหาจนได้! ชายผิวดำคนหนึ่งยกมือขึ้น “ผมมีคำถาม”
ไป๋เยี่ยจำชายผู้นี้นี้ได้ เขาเป็นสมาชิกของกลุ่มที่สี่ “ถามมาได้เลยครับ”
ชั่วครู่หนึ่ง สายตาของคนรอบข้างก็จับจ้องไปที่ชายคนนั้น ชายผิวดำขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยขึ้น “หน้าที่ห้า บรรทัดที่สิบสองครับ ปัจจัยที่มีผลต่อการทดลองที่ตัดออกได้คืออะไรบ้าง ผมอยากรู้ว่าคุณคิดได้ยังไงว่าเราจะตัดปัจจัยเหล่านี้ทิ้งไป หรือเลือกใช้ปัจจัยบางตัวได้ แล้วพอตัดปัจจัยพวกนี้ออกก็นำข้อมูลที่ได้มากรองอีกที คุณคิดวิธีนี้ได้ยังไงครับ”
ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะถามสิ่งที่ทุกคนกำลังสงสัยอยู่ เพราะจริงๆ แล้วทุกคนต่างก็สงสัยเหมือนกันว่าไป๋เยี่ยค้นพบปัจจัยที่มีผลต่อการทดลองเหล่านี้ได้อย่างไร
ต่อมาก็เป็นขั้นตอนต่อไป
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก!
หากผ่านขั้นตอนนี้ไปได้ก็อาจจะค้นพบอะไรใหม่ๆ แต่ถ้าหากผ่านไปไม่ได้ ก็อาจจะทำให้การวิเคราะห์นี้พังลงไปได้
ทุกคนจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มอายุราวๆ ยี่สิบสามปีด้วยแววตาอันเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ไป๋เยี่ยยิ้ม “เพราะว่านี่คือการแพทย์แผนจีนไงครับ! จริงๆ แล้วผมก็เหมือนกับพวกคุณนั่นแหละ ผมติด ขั้นตอนนั้นนานมากจนเกือบจะไปต่อไม่ได้ คำนวณยังไงก็ไม่ได้ผลลัพธ์ ผมเลยนึกขึ้นได้ถึงแนวคิดทางการแพทย์แผนจีนครับ”
“แพทย์แผนจีนโบราณมีหลักการเกี่ยวกับการรักษาโรคหลายประการ เช่น การปรับวิธีใช้ชีวิตให้เข้ากับสภาพปัจจุบันและถิ่นที่อยู่ อันที่จริงผมก็ไม่ได้จะยกย่องการแพทย์แผนจีนขนาดนั้น แต่ผมมองว่ามันเป็นศาสตร์ดั้งเดิมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี กว่าผมจะได้ข้อสรุปก็ต้องทำการทดลองนับหลายครั้ง และข้อสรุปนั้นก็ต้องมีคุณค่าต่อการศึกษาด้วย ผมจึงหยิบยกแนวคิดบางอย่างของการแพทย์แผนจีนมาประยุกต์ใช้ ซึ่งแนวคิดนั้นก็คือแนวคิดเรื่อง ‘อู่อวิ้นลิ่วชี่‘ เนี่ยแหละครับ!”
“ผมวิเคราะห์…แล้วนำข้อมูลทั้งหมดมารวมกัน…ลองวิเคราะห์ตั้งหลายครั้งจนพบว่าถ้าแยกปัจจัยพวกนี้ออกไปได้ก็จะเริ่มขั้นตอนต่อไปได้ ผมก็เลยได้สิ่งนี้มาครับ!”
ทันทีที่ไป๋เยี่ยพูดจบก็มีบางคนปรบมือให้ จากนั้นทุกคนก็เริ่มปรบมือตามๆ กัน
นี่เป็นเวลาที่ไป๋เยี่ยจะได้เฉิดฉาย เขาทำให้ทุกคนยอมรับในตัวเขาได้ด้วยความสามารถของเขาเอง!
พวกเขาไม่ได้ยอมรับไป๋เยี่ยเพราะสถานะ ตำแหน่ง หรือฐานะ แต่พวกเขายอมรับไป๋เยี่ยเพราะความสามารถจริงๆ
ไป๋เยี่ยไม่ได้เขินอายแต่อย่างใด เขายอมรับมันแต่โดยดีเพราะนี่คือผลของความพยายามของเขาเอง
ชายผิวดำยกนิ้วโป้งให้ไป๋เยี่ย “ยินดีด้วย คุณทำธีสิสฉบับแรกในชีวิตคุณสำเร็จแล้ว! มันเป็นธีสิสที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ถ้าจะบอกว่าเนื้อหาของธีสิสฉบับนี้มีคุณภาพมากก็คงไม่เกินจริงหรอก สำนักพิมพ์วารสารพวกนั้นต้องพากันน้ำลายไหลแน่นอน ไม่ใช่แค่เพราะการวิเคราะห์สถิติของคุณอย่างเดียวนะ แต่เพราะว่าสารตัวนั้นที่คุณเป็นคนค้นพบด้วย!”
ขณะที่ไป๋เยี่ยกำลังจะเอ่ยปากต่อ มิสเซอรี่จากกลุ่มสองก็แทรกขึ้น “เดี๋ยวก่อน…ฉันมีคำถาม!”
ไป๋เยี่ยเงยหน้าขึ้นพลางส่งยิ้มให้ “ว่ามาเลยครับ”
“คำถามของฉันอยู่ด้านหลัง คุณคิดวิธีการสกัดสารอาร์เทแอนนิวอินเชิงซ้อนได้ไงคะ ทั้งที่คุณไม่ได้ใช้อุณหภูมิสูงแต่กลับใช้อุณหภูมิห้องปกติในการทดลอง”
ไป๋เยี่ยยิ้มอย่างมีเลศนัย “คำตอบของคำถามนี้คล้ายกับคำถามที่แล้วเลยครับ คนจีนโบราณใช้ต้นโกฐจุฬาลำพาเป็นยารักษาโรค พวกเขาใช้วิธีการรักษาหลายวิธี และค้นพบว่าแม้ว่าจะเป็นตัวยาชนิดเดียวกัน แต่ถ้าเตรียมด้วยวิธีที่ต่างกันก็จะให้สรรพคุณในการรักษาโรคที่ต่างกันด้วย เช่น ยาบางชนิดต้องต้มก่อนเป็นเวลาสามสิบนาทีแล้วจึงนำไปใช้ บางชนิดก็ต้องละลายก่อน ในขณะที่บางชนิดนำไปใช้ได้เลยโดยไม่ต้องผ่านกรรมวิธีใดๆ…”
“ตอนนั้นผมใช้วิธีการสกัดที่คาริสเป็นคนสอน แต่มันกลับไม่ได้ผล ผมจึงนึกขึ้นได้ว่าในตำรา ‘โจ่วโฮ่วเป้ยจี๋ฟาง’ ของเก๋อหงจากยุคราชวงศ์จิ้นตะวันออกเขียนไว้ว่า ‘นำโกศจุฬาลำพาไปแช่น้ำ จากนั้นก็บิดน้ำออก เป็นอันสำเร็จ!’…และยังมีตำรา ‘เชียนจินเย่าฟาง[1]’ ของราชาแพทย์แผนจีนอย่างซุนซือเหมี่ยว[2]อีกด้วย…ผมได้แรงบันดาลใจมาจากตำราพวกนี้ครับ เลยลองเดาๆ ดูว่าสารอาร์เทแอนนิวอินอาจจะออกฤทธิ์ได้ดีกว่าในอุณหภูมิห้อง โชคดีมากที่ผมทำมันสำเร็จจริงๆ!”
ทุกคนตกตะลึงกับคำพูดของไป๋เยี่ย มิสเซอรี่ได้แต่ยักไหล่แหละพูดหยอกๆ “บางที…ฉันอาจจะได้รางวัลโนเบลถ้าเริ่มเรียนแพทย์แผนจีนก็ได้!”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็พากันหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆ…”
“ไปเรียนแพทย์แผนจีนกันเถอะ”
“เอาสิ มาตั้งทีมกัน ฉันรู้จักการฝังเข็มแหละ!”
“อืมๆ แพทย์แผนจีนเป็นวิชาที่มีความลึกซึ้ง มีแนวคิดต่างๆ และเป็นวิชาที่พึ่งพิงประสบการณ์จริงๆ!”
[1] เชียนจินเย่าฟาง หรือ ตำรับยาพันเหรียญทอง เป็นตำราแพทย์แผนจีนที่เขียนขึ้นโดยซุนซือเหมี่ยว
[2] ซุนซือเหมี่ยว แพทย์แผนจีนในยุคราชวงศ์สุยและถัง