ตอนที่ 80 ได้ตีพิมพ์แล้ว
ไป๋เยี่ยก้มลงอ่านข้อความในเว็บไซต์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วก็ต้องตกตะลึง!
ว่าไงนะ ถูโยวไปประชุมที่เดนมาร์กงั้นเหรอ!
“ถูโยวซึ่งเป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลกำลังเดินทางไปเดนมาร์กเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของหน่วยป้องกันโรคมาลาเรีย”
“และถูโยวจะได้ขึ้นปกวารสาร ‘เซลล์’ ฉบับหน้าด้วย!”
เว็บไซต์ที่เดซี่เปิดนั้นเป็นภาษาต่างประเทศทั้งหมด ไป๋เยี่ยไม่คิดเลยว่าเขาจะได้เห็นข่าวที่เกี่ยวข้องมากมายขนาดนี้
เมื่อลองนึกถึงคำพูดของเดซี่ดีๆ ไป๋เยี่ยก็ดูเหมือนจะคิดอะไรได้!
“คุณหมายความว่า…ให้ผมใช้โอกาสนี้เผยแพร่งานของผมให้ ‘เซลล์’ งั้นเหรอ นี่มัน…จะเป็นไปได้เหรอครับ”
เดซี่ยิ้มบางๆ “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ อย่าเพิ่งพูดเรื่องอื่นเลย บทความที่คุณเขียนทั้งสองบทความน่ะ มีคุณภาพมากพอจริงๆ”
เดซี่หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ที่อเมริกาก็หกโมงเย็นแล้ว ฉันหวังว่าหมอนั่นจะยังอยู่นะ!”
พูดจบ เดซี่ก็กดเบอร์โทรศัพท์หาใครบางคน เสียงสัญญาณดังขึ้นเป็นระยะๆ ก่อนที่จะมีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย
“เดซี่ที่รัก ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ได้ยินมาว่าคุณแอบชอบเด็กหนุ่มชาวเอเชียงั้นเหรอ” เสียงแหลมๆ ดังขึ้นจากทางปลายสาย
“ฮ่าๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ฉันได้ยินมาว่าคุณกำลังวางแผนที่จะให้ศาสตราจารย์ถูขึ้นปกวารสารของคุณในสัปดาห์หน้าเหรอ” เดซี่ถามอย่างตรงไปตรงมา
“ช่วงนี้โรคมาลาเรียเริ่มระบาดในแอฟริกาอีกแล้ว หน่วยป้องกันโรคมาลาเรียจากองค์การอนามัยโลกกำลังจัดงานประชุมกันที่เดนมาร์ก นิตยสารและวารสารชั้นนำของโลกหลายเจ้าก็กำลังจับตามองประเด็นนี้ เห็นว่า ‘เดอะแลนซิต’ กำลังมีแคมเปญเรียกร้องให้มีการตีพิมพ์เอกสารเกี่ยวกับโรคมาลาเรียมากขึ้นด้วย ซึ่งทางเราเองก็เพิ่งได้รับแผนงานมาจากเบื้องบนเหมือนกัน”
คาร์ลและเดซี่เคยเป็นศิษย์เก่าจากสถาบันเดียวกัน คาร์ลมีอายุมากกว่าเดซี่สองปี หลังจากเรียนจบเขาก็ย้ายไปประจำการที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่หลายแห่ง
คาร์ลเป็นคนที่โหยหาการมีคุณภาพชีวิตที่ดีมาก เขารู้สึกหนักใจกับการทำงานทดลองที่สถาบันวิจัยทั้งวันทั้งคืน จึงไปสมัครเข้าทำงานในแผนกบรรณาธิการของวารสาร ‘เซลล์’ แทน
จู่ๆ น้ำเสียงของคาร์ลก็เปลี่ยนไป “จริงสิ! ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคุณกำลังทำงานอยู่ในหน่วยทดลองของศาสตราจารย์ถู เป็นไงบ้างล่ะ เจออะไรใหม่ๆ บ้างไหม”
เดซี่เหลือบมองไป๋เยี่ยพลางส่งสัญญาณให้เขาไปหยิบโน้ตบุ๊กมา “ฉันน่ะไม่ แต่สมาชิกในห้องแล็บของฉันมีบทความดีๆ มานำเสนอ ฉันคิดว่าบทความของเขาใช้ได้เลยนะ เลยว่าจะให้เขาส่งมันไปให้คุณน่ะ ว่าแต่คุณยังใช้อีเมล์เดิมอยู่หรือเปล่า”
“ได้สิ! ใช่ๆ ผมยังใช้อีเมล์เดิม แต่ว่านะ…เดซี่ ถึงจะเป็นเพื่อนกันก็เถอะ แต่ฉันคงลดมาตรฐานในการรับบทความมาลงวารสาร ‘เซลล์’ ไม่ได้หรอก แต่ก็เอาเถอะ ฝากทักทายเพื่อนคุณแล้วกันนะ”
เดซี่หัวเราะ “ฮี่ๆ ไม่ต้องห่วง คุณลองอ่านก่อนแล้วค่อยตอบฉันก็ได้ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะ ฉันคงจะต้องลองอ่านบทความของ ‘เดอะแลนซิต’ บ้างละ…”
เดซี่วางสายลงทันทีที่พูดจบ ส่วนไป๋เยี่ยก็นำโน้ตบุ๊กมาและส่งอีเมล์หาฝ่ายบรรณาธิการของ ‘เซลล์’ ตามคำแนะนำของเดซี่
หลังจากที่ได้รับเอกสาร อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาพร้อมด้วยการรับรองเอกสารอย่างเป็นทางการ
ไป๋เยี่ยรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาไม่เคยนึกถึงวารสารชื่อดังอย่าง ‘เซลล์’ เลย เพราะในความคิดของเขา ‘เซลล์’ เป็นวารสารที่มีคะแนนไอเอฟสูงเกินกว่าที่เขาจะกล้าคาดหวัง แม้แต่บทความของจางฮั่นหลินยังได้คะแนนไอเอฟเพียง 20.98 คะแนนเท่านั้น
เขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำงานร่วมกับวารสาร ‘เซลล์’ นี่ถือเป็นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่สำหรับเขาเลย
อันที่จริงไป๋เยี่ยก็แอบคิดในใจว่าถ้าหากบทความนี้ได้ตีพิมพ์ไวกว่านี้ เขาคงนำบทความที่ได้ตีพิมพ์ลง ‘เซลล์’ ไปยื่นสอบเรียนต่อปริญญาโทรอบที่สอง ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงไม่ต่างกับการถือดาบไว้ในมือเลย!
ไม่ใช่แค่การสอบเข้าระดับปริญญาโท แม้แต่การสอบเรียนต่อระดับปริญญาเอก หรือกระทั่งการสมัครเข้าทำงานในสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ก็ตาม แค่มีบทความนี้ก็เพียงพอแล้ว!
การรอคอยอันเนิ่นนานทำให้ไป๋เยี่ยเริ่มกระวนกระวาย เขาสัมผัสได้ว่าหัวใจของเขาเต้นระรัวจนเลือดสูบฉีดไปทั่วทั้งร่าง!
เร็วๆ หน่อยได้ไหมเนี่ย เดิมก็เครียดอยู่แล้ว ยิ่งมีสาวอเมริกันมายืนโชว์หุ่นกันซึ่งๆ หน้าโดยใช้ข้ออ้างว่ากำลังฝึกโยคะอยู่อีกนี่น้า!
จนแล้วจนเล่า ไป๋เยี่ยก็ได้แต่มองหยาดเหงื่อของเดซี่ที่กำลังไหลจากคางลงไปยังบริเวณไหปลาร้าแล้วค่อยๆ ไหลต่อลงไปตามส่วนโค้งเว้า
อืม…ชุดโยคะนี่มันรัดรูปจริงๆ…
จู่ๆ หัวข้องานวิจัยก็แล่นเข้ามาในหัวของไป๋เยี่ย ‘การสำรวจเชิงลึกและการอภิปรายเชิงทฤษฎีเกี่ยวกับกฎการเคลื่อนที่ของเหงื่อแบบไร้ทิศทางตามส่วนโค้งของหน้าอก’ บทความนี้จะต้องสุดยอดมากแน่ๆ!
อื้อหือ!
ทว่าระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังจะค้นคว้าหัวข้อ ‘ก้นทรงลูกพีชจะกลายเป็นปัจจัยที่ขัดขวางพัฒนาการทางประวัติศาสตร์และการวิวัฒนาการของมนุษย์หรือไม่’ อยู่นั้น…
เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น!
ทันใดนั้นเดซี่ก็หันกลับมาเห็นไป๋เยี่ยยืนหน้าแดง หายใจฮึดฮัด พร้อมกับจ้องมองโทรศัพท์มือถือที่เหน็บไว้ข้างๆ สะโพกของเธอ เธอจึงส่งยิ้มให้ “นี่คุณกำลังประหม่าหรือว่าตื่นเต้นกันนะ”
ไป๋เยี่ยพยายามจ้องมองไปที่โทรศัพท์! มองโทรศัพท์สิโว้ย!
เขากลืนน้ำลายพร้อมกับเลียริมฝีปาก…แล้วจึงพยักหน้าหงึกๆ “อือ หัวใจผมเต้นแรงมากเลยครับ…”
เดซี่รับสาย “ว่าไง คาร์ล เป็นไงบ้าง”
อีกฝ่ายเงียบไปก่อนจะพูดขึ้น “บทความนี้ดีมาก แถมยังค้นพบสิ่งใหม่ๆ อย่างอาร์เทแอนนิวอินเชิงซ้อนด้วย คุณเคยศึกษาสารนี้บ้างหรือยัง ผมแนะนำให้คุณลองศึกษามันดูนะ เพราะว่าเราไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสารชนิดนี้ในฐานข้อมูลเลย ผมแนะนำว่าคุณควรจะปรับปรุงคุณสมบัติอื่นๆ ของสารประกอบนี่ด้วยนะ มันจะกลายเป็นแนวทางในการค้นคว้าอะไรใหม่ๆ ซึ่งผมว่าคุณคงรู้ดีกว่าผมอยู่แล้ว”
เดซี่เข้าใจความหมายของคาร์ลได้ในทันที “ขอบคุณมาก แปลว่าบทความฉบับนี้ก็ตีพิมพ์ได้แล้วใช่ไหม”
คาร์ลตอบรับ “อืม แต่ว่ายังมีปัญหานิดหน่อยน่ะ ใครเป็นคนทำงานวิเคราะห์ชิ้นนี้เหรอ แล้วคุณได้พบที่ปรึกษาของคุณ ไม่ก็ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ บ้างไหม การวิเคราะห์ข้อมูลฉบับนี้มันเยี่ยมยอดมากจริงๆ ใช้เวลาเก็บข้อมูลตั้งสิบห้าปีแน่ะ มันสุดยอดมาก และที่สำคัญคือขั้นตอนระหว่างการวิจัย! พระเจ้า! คุณช่วยแนะนำคนเขียนบทความฉบับนี้ให้ผมหน่อยได้ไหม”
เดซี่ตอบยิ้มๆ “เขาอยู่ข้างๆ ฉัน คุณจะคุยกับเขาเลยก็ได้นะ”
พูดจบเธอก็ยื่นโทรศัพท์ให้ไป๋เยี่ยทันที “สวัสดีครับคุณคาร์ล ผมไป๋เยี่ย คนเขียนบทความฉบับนี้ครับ”
เมื่อคาร์ลได้ยินขื่อไป๋เยี่ยเขาก็มีท่าทีแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “สวัสดีครับคุณไป๋เยี่ย ตามข้อมูลคือคุณเพิ่งจะอายุยี่สิบสี่ปีเองใช่ไหมครับ! นี่เรื่องจริงใช่ไหม”
“แล้วคุณคิดหาวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลเยอะขนาดนี้ได้ไงครับ คุณทำได้ไงเนี่ย…”
คาร์ลพึมพำกับตนเองอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกลับมาคุยกับไป๋เยี่ย “โอ๊ะ ผมขอโทษ นี่มันเรื่องส่วนตัวของคุณนี่นา ผมไม่ควรถามเยอะเลย”
“บทความของคุณได้รับการรับรองจากทางเราแล้ว ผมจะส่งหนังสือรับรองให้คุณทางอีเมล์ โปรดรับมันไว้ หากในอนาคตคุณมีบทความใหม่ๆ ที่มีคุณภาพดีแบบนี้อีกก็ส่งมาให้ผมได้เลยนะ”
พูดจบ คาร์ลก็วางสายไปในทันที ทิ้งให้ไป๋เยี่ยงงอยู่อย่างนั้น นี่เขาไม่ปล่อยให้เราพูดอะไรเลยเหรอ
รู้สึกเกร็งชะมัด…
ทันใดนั้นก็มีอีเมล์ส่งมา มันคือหนังสือรับรองการตีพิมพ์บทความลงในวารสาร ‘เซลล์’ นั่นเอง