ตอนที่ 88 ยอดนักคิด
หลังจากที่ไป๋เยี่ยจับได้สูตรอาหารหนูทดลอง ไอเดียต่างๆ ก็เริ่มผุดเข้ามาในหัวเขา
ส่วนใหญ่วัตถุดิบที่นำมาใช้ทำอาหารสัตว์นั้นจะเป็นวัตถุดิบที่หาได้ทั่วไป เช่น แป้งข้าวโพด รำข้าว ข้าว ปลาป่น เป็นต้น แต่กรรมวิธีการผลิตนั้นซับซ้อนมาก โดยจะเน้นไปที่อัตราส่วนของวิตามินและแร่ธาตุเป็นหลัก
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการเติบโต พัฒนาการ และคุณภาพของหนู โดยเฉพาะเมื่อนำหนูไปใช้ในการทดลอง ปัจจัยเหล่านั้นก็มักจะส่งผลต่อการทดลองด้วย
ถ้าการทดลองในหนูล้มเหลว ก็อาจจะทำให้เกิดความสูญเสียต่อมนุษยชาติมากขึ้นด้วย มนุษย์จึงพยายามอย่างเต็มที่ในการลดอัตราความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ราคาอาหารหนูก็ไม่ได้แพงมาก แถมยังมีความปลอดภัยและมาตรฐานที่สูงกว่า
แน่นอนว่าในปัจจุบันผู้ผลิตอาหารหนูส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทเกี่ยวกับสัตว์ โดยเฉพาะบริษัทสัตว์เพาะพันธุ์หนูทดลอง ซึ่งมักจะเป็นผู้ผลิตอาหารหนูด้วย
ทว่าพวกเขามักจะมองข้ามอัตราส่วนของสารอาหารในสูตรที่จะส่งผลสุขภาพของหนู
และนี่ก็เป็นผลที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว
ไป๋เยี่ยคิดพิจารณาจนแน่ชัดแล้วก็คิดอยากลองตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับผลกระทบของอาหารหนูต่อการเลี้ยงหนู
แต่อย่างไรก็ตาม หากคิดจะเขียนบทความขึ้นโดยไม่มีผลการทดลองมาอ้างอิง บทความนั้นก็คงจะเป็นบทความที่ไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ และอย่าได้คิดเลยว่าบทความนั้นจะได้ตีพิมพ์ลงในวารสารระดับท็อป
หรือฉันจะลองไปเลี้ยงหนูดี
แต่มันคงไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก
ไอ้ระบบบ้าบอที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นยอดมนุษย์สุดเหลี่ยมสะท้านพิภพนั่นก็มีแค่ในนิยายเท่านั้นแหละ
ความเป็นจริงมันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกน่า
สมมติว่าจู่ๆ ไป๋เยี่ยก็ผลิตอาหารหนูออกมา คิดว่าจะมีคนกล้าใช้แค่เพราะว่าเขาเป็นผู้ผลิตอย่างนั้นหรือ
ก็คงไม่
ประการที่สอง หากบรรยายสรรพคุณไว้เสียดิบดีว่าอาหารหนูที่ผลิตขึ้นจะช่วยลดผลกระทบจากคุณภาพของหนูที่จะมีผลต่อการทดลองได้ และช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของหนูทดลองได้ด้วย ใครจะไปเชื่อ
ก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี!
เพราะว่ายังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้นได้ จึงต้องอาศัยข้อมูลจากการทดลองซึ่งต้องมีข้อสงสัยตามมาด้วย
แม้ว่าคุณจะถือทองคำไว้ในมือ แต่คนอื่นๆ กลับรู้จักแค่เงินและไม่รู้ว่าทองคำคืออะไร พวกเขาก็จะคิดว่ามันเป็นแค่ก้อนหินธรรมดาๆ ก้อนหนึ่งเท่านั้น!
ดังนั้นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ๆ จึงไม่ได้เข้าใจง่ายอย่างที่คิด!
ตัวอย่างเช่น หากคุณประดิษฐ์เอไอขึ้นมาตัวหนึ่ง เราก็ต้องมาพูดถึงความเข้าใจของคุณที่มีต่อเอไอเสียก่อน
เริ่มจากการใช้เอไอกับฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ก่อน
ว่าไงนะ คุณทำไม่เป็นงั้นเหรอ
ฮี่ๆ…อย่ามาล้อเล่นน่า วิทยาศาสตร์นั้นเข้มข้นมากและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็ไม่ได้เข้าใจง่ายอย่างที่คิด ถ้ามันฝืนมนุษย์เกินไป…ผลลัพธ์ก็จะปรากฏที่ตัวมันเอง
ศาสตร์ใดๆ ที่มีความสำคัญถึงขั้นข้ามยุคสมัยได้ไม่ได้นำพามาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของตัวมันเองอย่างเดียว แต่ยังช่วยพัฒนานวัตกรรมอื่นๆ ด้วย
ลองคิดดูสิ แค่เครื่องจักรไอน้ำธรรมดาเครื่องเดียวทำให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกและการเปลี่ยนแปลงได้เลยนะ
แล้วคุณคิดว่าคนเราคิดค้นคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้นเหรอ
ไม่ นั่นจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในสาขานับไม่ถ้วน
แม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นเจ้าของเทคโนโลยีนั้น แต่คุณก็นำมันมาใช้ประโยชน์ได้ ผลลัพธ์ที่ได้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
แต่ทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเราควรจะต้อง ’ติดดิน’ เข้าไว้
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมไป๋เยี่ยถึงสงวนเรื่องสารโพลีคาร์บอกซิกลิกอาร์เทแอนนิวอินไว้ เพราะว่าเขาไม่ได้มีชื่อเสียงขนาดนั้น
ในเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว เขาก็นั่งชื่นชมผลงานของตนเองอยู่เงียบๆ ดีกว่าต้องไปตกเป็นเป้าจากการถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยสาธารณะ
คุณอาจจะบังเอิญค้นพบสารนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่คุณก็ค้นคว้า ทดลอง และติดตามผลด้วยตนเอง
ถ้าเราจัดระบบให้ตนเองได้ เทคโนโลยีก็จะไม่มีอะไรซับซ้อนเลย เพราะฉะนั้นจงอย่าเสียดายโอกาส!
ดังนั้นไป๋เยี่ยจึงต้องวางแผนการใช้หนูทดลองอย่างรอบคอบ ถ้ามันออกมาดีก็จะกลายเป็นห่วงโซ่อุตสาหกรรมต่อไป
อุตสาหกรรมสัตว์ทดลองเป็นอุตสาหกรรมที่ทำกำไรได้สูงมาโดยตลอด ถ้าอยากก้าวขาเข้าไปในวงการนั้น คุณจะต้องมีความสามารถในการต่อรองที่มากพอ!
ไป๋เยี่ยจึงต้องวางแผนให้ดีๆ
คิดได้ดังนั้น ไป๋เยี่ยก็หยิบ ‘คู่มือเลี้ยงหนู‘ ขึ้นมาอ่าน เพราะหวังว่าจะได้แรงบันดาลใจขึ้นมาบ้าง
หนูทดลองมีความสำคัญในการทดลองมาก อย่างแรกคือส่วนต่อจากภารกิจต่อเนื่องของจางฮั่นหลิน ถ้าฉันรักษาสัมพันธไมตรีอันดีกับจางฮั่นหลินไว้ ต่อไปในอนาคตก็จะร่วมงานกันได้ง่ายขึ้น
ท้ายที่สุดแล้ว การวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ทำด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้มีความสามารถระดับสูงจากทุกสาขาอาชีพ ซึ่งจางฮั่นหลินก็คือคนนั้นเอง
นอกจากนี้ ไป๋เยี่ยยังคิดว่าอาหารหนูนี่อาจจะกลายเป็นแนวทางในการเริ่มต้นธุรกิจให้กับเถ้าแก่ไป๋ได้ด้วย
เมืองผิงหยวน มณฑลจิ้นซี เป็นเมืองเกษตรกรรมขนาดใหญ่ มีการเพาะปลูกข้าวโพดตลอดทั้งปี เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องห่วงเลยว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับการผลิตอาหารหนู
ยิ่งไปกว่านั้น อุตสาหกรรมนี้ก็มีความพิเศษมาก จะบอกว่ามันเรียบง่ายก็ใช่ เพราะมันเป็นแค่อุตสาหกรรมอาหารหนู แต่ในความเป็นจริง มันถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความซับซ้อน เพราะว่าอัตราส่วนของวัตถุดิบต่างๆ จะต้องได้รับการสนับสนุนโดยงานวิจัยด้วย
ไป๋เยี่ยอ่าน ‘คู่มือเลี้ยงหนู’ ด้วยความรอบคอบ
ไป๋เยี่ยคิดว่าเขายังไม่ควรนำเข้าข้อมูลจำนวนมากในตอนนี้ เพราะว่าเขาคงยังไม่มีโอกาสได้วิจัยมันในเร็วๆ นี้
ทำไงดี!
ไป๋เยี่ยไม่รู้ว่าเขาควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี
เขามีขุมทรัพย์อยู่ตรงหน้าแต่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจัดการกับมันอย่างไรดี
เมื่อได้อ่านคู่มือการเลี้ยงหนู ไป๋เยี่ยก็รู้สึกไปไม่เป็นเล็กน้อย
ทำไมไม่ลองใช้ ‘ไอเดีย’ ดูล่ะ
หัวใจของไป๋เยี่ยเต้นระรัว สิ่งนี้จะช่วยฉันได้ใช่ไหม
ไป๋เยี่ยคิดได้ดังนั้นก็กดใช้งานทันที
แต่ว่า…ทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะ
ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลย
ไป๋เยี่ยมึนงงไปหมด…
ล้อกันเล่นใช่ไหม…ไอ้ ‘ไอเดีย’ อะไรนี่น่ะ
ถึงแม้จะยังไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง…แต่ลึกๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ แฮะ
ไป๋เยี่ยถอนหายใจก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านคู่มือลี้ยงหนูต่อไป ทว่าคราวนี้เขากลับพบว่ามีบางอย่างแตกต่างออกไป!
ความคิดมากมายโลดแล่นอยู่ในหัวของเขาและหลอมรวมเข้ากับความรู้ที่ได้จากหนังสือ!
โอกาสนี้แหละ!
ทันทีที่ไป๋เยี่ยเปิดดูหน้าตาราง เขาก็รู้สึกราวกับมีดอกไม้ไฟปะทุอยู่ภายในหัวของเขา!
จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวเขา!
ตารางนี้มีชื่อว่า ‘ตารางมาตรฐานการประเมินการเพาะพันธุ์หนูทดลองนานาชาติ’ ซึ่งมีการระบุปัจจัยที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการวิจัยไว้ด้วย
มันคืออะไร
มันก็คือตารางประเมินคุณภาพซึ่งครอบคลุมปัจจัยต่างๆ อย่างเช่น ผลกระทบของหนูต่อการทดลอง
การศึกษานี้มีการให้คะแนนคุณภาพของหนูและสรุปผลออกมา
ยิ่งได้คะแนน้อยก็หมายความว่าหนูตัวนั้นจะสร้างผลกระทบให้กับการทดลองมาก การทดลองจะมีความคลาดเคลื่อนมากขึ้น และคุณภาพของหนูก็จะลดลงตามไปด้วย
โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็นสี่ระดับดังต่อไปนี้ ดีเยี่ยม ดี ปานกลาง และแย่
ดีเยี่ยม: 98-100 คะแนน ไม่มีผลกระทบต่อผลการทดลอง .
ดี: 96-97 คะแนน มีผลกระทบต่อผลการทดลองเล็กน้อย
ปานกลาง: 93-95 คะแนน มีผลกระทบต่อการทดลองเล็กน้อย
แย่: <92 คะแนน มีโอกาสสูงที่จะสร้างผลกระทบให้กับการทดลอง
ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่มีเกณฑ์ประเมินหนูทดลองที่เข้มงวดพอ
แต่ถ้าฉัน…
จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็นึกอะไรออก เขาจะลองคาดเดาโดยไม่ต้องอาศัยข้อมูลมากมาย
เพราะโดยปกติแล้วการพิสูจน์การคาดเดาจำเป็นต้องใช้ข้อมูลการทดลองและข้อมูลสนับสนุนจำนวนมาก
แต่ถ้าหากเขาใช้การคาดเดาของก็อล์ทบัค ก็คงจะมีแนวคิดบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ!
หลังจากที่ได้ตีพิมพ์บทความลงในวารสารชั้นนำ ไป๋เยี่ยก็เชื่อว่าทุกคนจะหันมาให้ความสนใจกับการคาดเดามากขึ้น และพอถึงเวลา…ก็จะมีคนเข้ามาติดต่อเขามามากขึ้นเอง
ถึงตอนนั้น…เขาก็คงได้รับโอกาสมากมายเป็นแน่