ตอนที่ 102 คุณค่าของวิชาสรีรวิทยา
ตอนแรกเลเวลวิชาสรีรวิทยาของเขาอยู่ที่เลเวลสี่ แต่ตอนนี้ขึ้นเป็นเลเวลหกแล้ว ทำให้ไป๋เยี่ยพอใจมาก!
อย่างน้อยนี่ก็เป็นหนึ่งในวิชาสำคัญที่ไป๋เยี่ยต้องศึกษาให้ดี
วิชาสรีรวิทยาเลเวลสี่ถือว่าอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญแล้ว แต่ทันทีที่ไป๋เยี่ยได้อัปขึ้นเป็นเลเวลหก เขาก็รู้สึกได้ถึงความรู้ที่หลั่งไหลเข้ามาในหัว
สรีรวิทยาเป็นวิชาที่มีการพัฒนาอย่างมีขอบเขตมาโดยตลอด
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
เพราะว่าสรีรวิทยาคือวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของร่างกายสิ่งมีชีวิต จึงต้องมีการทดลองและสังเกตอวัยวะและเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ
แม้แต่การจำลองแบบจำลองทางคณิตศาสตร์หรือการวิเคราะห์ระบบต่างๆ ก็ต้องอาศัยการสังเกตร่างกาย อวัยวะ เนื้อเยื่อ และเซลล์เช่นกัน
นอกจากนี้การทดลองทางสรีรวิทยาจะต้องเป็นไปอย่างครอบคลุมถึงกฎการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในขณะเดียวกันทั้งอวัยวะ เนื้อเยื่อ และเซลล์ก็ต้องอยู่ในสภาพปกติด้วยเช่นกัน! ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ควบคุมยากมาก!
กุญแจสำคัญในการแก้ปัญหานี้ไม่ใช่แค่การออกแบบการทดลองให้ดีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิธีการทดลองที่เหมาะสมด้วย
ไป๋เยี่ยจำได้ว่าตอนที่เขาเรียนวิชาสรีรวิทยาที่มหาวิทยาลัย อาจารย์เคยสอนเขามาว่าสรีรวิทยาคือวิชาฟิสิกส์และเคมีขั้นสูง
ดังนั้นในการศึกษาสรีรวิทยาจึงต้องมีการนำเทคโนโลยีและองค์ความรู้พื้นฐานจากสาขาวิชาอื่นๆ รวมถึงเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมมาประยุกต์ใช้ด้วย
ดังนั้นการพัฒนาองค์ความรู้วิชาสรีรวิทยาจึงขึ้นอยู่กับการพัฒนาของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่
ไป๋เยี่ยคิดว่านี่เป็นวิชาที่คุ้มค่าต่อการศึกษา
ทว่าไม่ทันที่ไป๋เยี่ยจะได้สัมผัสถึงความรู้สึกที่อัปถึงเลเวลหก เขาก็ถูกขัดจังหวะโดยเสียงของพ่างจื่อ
“เยี่ยจื่อ เหม่ออะไรของนายเนี่ย รีบเข้าเวยป๋อมาเดี๋ยวนี้เลย!”
ไป๋เยี่ยผงะ มีเรื่องอะไรอีกฟะ
“ในเวยป๋อมีอะไรน่ะ ไม่ใช่ว่ามหา’ ลัยเพิ่งออกประกาศไปเมื่อวานเหรอ นี่เขายังไม่ยอมหยุดอีกงั้นเหรอ” ไป๋เยี่ยนึกว่าสือฉีเกิดคึกขึ้นมาอีกครั้งจึงรู้สึกสับสนเล็กน้อย
พ่างจื่อสวมรองเท้าแตะก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ ด้านหน้าของเขามีทั้งโน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต และโทรศัพท์
แม้ว่าสีหน้าของเขาจะดูจริงจัง แจ่แววตาของเขานั้นแฝงไปด้วยความตื่นเต้น
“เยี่ยจื่อ ไม่ใช่ตาแก่นั่นซะหน่อย แฟนคลับของนายต่างหาก! เข้าไปดูเดี๋ยวก็รู้”
ไป๋เยี่ยช็อก!
หา…แฟนคลับ?
ไป๋เยี่ยเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาล็อกอินเข้าเวยป๋อก่อนจะพบว่าตอนนี้เขามีผู้ติดตามกว่าหกหมื่นคนแล้ว!
“คนฟอลเพิ่มขึ้นตั้งสามหมื่นคนภายในคืนเดียว นายทำได้ไงอะ!”
พ่างจื่อหัวเราะ “นายไม่รู้อะไรซะเลย! เอาเถอะ นายก็ลองอ่านคอมเมนต์ดู ดูเหมือนว่าจะมีแต่คนรอให้นายปล่อยคลิปนั้นออกมานะ”
พ่างจื่อขมวดคิ้วเป็นปม “เยี่ยจื่อ ฉันลองคิดดีๆ ละ นายโพสต์คลิปนั้นได้นะ ตอนนี้คนไม่ค่อยกล้าโพสต์คลิปนั้นหรอก แต่ถ้านายเป็คนโพสต์คลิปนั้นเอง นายจะต้องมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นอีกเป็นเบือแน่นอน แถมยังเป็นพวกแฟนคลับตัวยงด้วย! ถ้านายโผล่ไปตอนนี้ นายจะมีแต่เกียรติยศนะ!”
ไป๋เยี่ยลองคิดดูก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล อีกอย่างเขายังทำภารกิจไม่เสร็จด้วย
ยิ่งมีคนได้รับประโยชน์จากการบรรยายของเขามากเท่าไร เขาก็จะยิ่งได้รับผลตอบแทนมากเท่านั้น ไป๋เยี่ยจึงตอบตกลง ต่อให้ไม่มีภารกิจอะไรก็ตาม ไป๋เยี่ยก็จะไม่กดซ่อนคลิปพวกนี้อีกแล้ว เพราะว่าจุดประสงค์ของเขาก็คือเขาหวังว่าจะเผยแพร่แนวคิดด้านการแพทย์แผนจีนระดับสูงกว่าปริญญาตรี
“วิดีโออยู่ไหนเหรอ ฉันต้องไปขอให้หูเฟิงอวิ๋นส่งมันมาใช่ไหม เอาแบบฟูลเอชดีเลยอะ”
คลิปที่เคยว่อนไปทั่วอินเทอร์เน็ตถูกถ่ายด้วยโทรศัพท์ คุณภาพจึงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เสียงเอฟเฟกต์ก็เบา ไป๋เยี่ยจึงคิดจะอัปโหลดคลิปต้นฉบับแทน
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน เสียงโทรศัพท์ของไป๋เยี่ยก็ดังขึ้น หูเฟิงอวิ๋นนั่นเอง
ไป๋เยี่ยรีบรับสาย “สวัสดีครับ คุณป้าหู”
“เสี่ยวเยี่ย วันนี้ไม่ได้ไปโรงพยาบาลเหรอ” หูเฟิงอวิ๋นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
ไป๋เยี่ยขานรับ “ครับ ช่วงนี้ผมกำลังเตรียมตัวสอบรอบสองอยู่เลยไม่ได้ไปที่โรงพยาบาลเลยครับ คุณป้ามีอะไรหรือเปล่า”
“มีเรื่องอยากคุยเกี่ยวกับการบรรยายของหนูน่ะ…มาคุยกันที่ห้องทำงานป้าหน่อย” หูเฟิงอวิ๋นกล่าวอย่างลังเล
ไป๋เยี่ยวางสายและลุกขึ้นแต่งตัวเตรียมไปที่อาคารบริหารทันที
ทันทีที่เข้าไปในห้องทำงาน ไป๋เยี่ยก็พบว่ามีคนอื่นๆ รออยู่ด้วย
หูเฟิงอวิ๋นหันไปทางไป๋เยี่ยด้วยท่าทีกระตือรือร้น “เสี่ยวเยี่ย มานั่งนี่สิ”
ไป๋เยี่ยนั่งลงอย่างนอบน้อม “คุณป้ามีอะไรเหรอครับ”
หูเฟิงอวิ๋นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก ก็เรื่องคลิปที่เป็นกระแสในช่วงนี้น่ะ ป้าอยากรู้ว่าหนูคิดยังไงบ้าง”
ไป๋เยี่ยรู้สึกสับสนเล็กน้อย ทำไมป้าหูถึงถามแบบนี้ เขาจึงได้แต่ตอบไปตามความจริง “ผมไม่ได้อะไรกับคลิปนั้นหรอกครับ ยังไงมันก็เป็นคลิปให้ความรู้ ถ้ามันสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่นได้ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ แค่อย่านำไปใช้ในทางที่ไม่ดีก็พอ”
หูเฟิงอวิ๋นยิ้ม “นี่แหละชีวิต มีคนมากมายหลายประเภทที่หนูต้องเจอ”
เธอพูดพลางหยิบแฟลชไดร์ฟในลิ้นชักออกมายื่นให้ไป๋เยี่ย “นี่เป็นคลิปที่อัดไว้เมื่อสองวันก่อน หนูเอาไปสิ ต่อไปก็ตั้งใจเตรียมตัวสอบรอบสองได้แล้ว รอสอบเสร็จค่อยมาส่งต่อเจตนารมณ์นี้ให้กับรุ่นน้องต่อไป เพราะต่อไปพวกเขาก็จะกลายเป็นบุคลากรแนวหน้าของวงการเช่นกัน!”
“หนูไม่ต้องกังวลนะ หนูยังมีมหาวิทยาลัยคอยหนุนหลังให้เสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ที่นี่ก็จะให้ความช่วยเหลือกับหนูเสมอ”
คำพูดของหูเฟิงอวิ๋นทำให้ไป๋เยี่ยสบายใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง เขานั่งคุยกับหูเฟิงอวิ๋นต่ออีกสักพักก่อนจะออกมา
ว่าไปแล้วจังหวะมันก็ช่างบังเอิญจริงๆ ไป๋เยี่ยกำลังอยากได้คลิปนั้นอยู่พอดี แล้วหูเฟิงอวิ๋นก็นำคลิปนั้นมาให้เขา
ไป๋เยี่ยแวะมาจัดเตรียมเอกสารที่ต้องใช้ในตอนเช้า
การสอบรอบสองของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อเริ่มต้นช้ามาก ในขณะที่เพื่อนๆ คนอื่นๆ เริ่มทยอยสอบเสร็จกันไปหมดแล้ว บ้างก็มีรายชื่อนักศึกาออกมาแล้วด้วย
ไป๋เยี่ยเห็นว่าช่วงนี้ทุกคนกำลังยุ่ง พวกสอบไม่ผ่านก็ต้องเตรียมแผนสำรองต่อไปเหมือนกัน
การสอบที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีว่าเริ่มต้นช้าแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อจะช้ากว่านั้น ถึงตอนนั้นเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของมหาวิทยาลัยในประเทศก็คงรับลงทะเบียนเสร็จหมดแล้ว โอกาสที่จะถูกคัดออกก็มากขึ้นกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม เมืองไห่ซื่อก็เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและเป็นประตูสู่โลกภายนอก มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมสำหรับการทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์
เมื่อไป๋เยี่ยกลับมาถึงหอพัก เขาก็ยื่นแฟลชไดร์ฟให้พ่างจื่อก่อนจะเปิดฟอรัมกระทู้ของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนไห่ซื่อขึ้นมา
หวังว่าจะเจอข้อมูลที่พอเป็นประโยชน์บ้าง
เหลือเวลาเพียงครึ่งเดือนก่อนการสอบรอบสอง ถ้าพูดกันตามตรงตอนนี้ก็ยังพอมีเวลาอยู่ ทว่าไป๋เยี่ยก็ยังคงคาดหวังว่าจะเจอสิ่งที่มีประโยชน์บ้าง เพื่อที่จะได้มั่นใจมากขึ้น