ความเจ็บปวดนั้นกลายเป็นฝันร้ายไปชั่วชีวิต พอยามดึกที่มีแต่ความเงียบเชียบไร้ผู้คน ทุกครั้งที่นึกขึ้นมา ล้วนทำให้นางต้องสั่นสะท้าน
น้องสาวของนางชือฉิงเนื่องเพราะอายุยังน้อpเกินไป เมื่อถูกควักกระดูกมังกรออกไป จึงส่งผลต้องการบำเพ็ญทำให้ทั้งชีวิตของนางไม่อาจมีความก้าวหน้า จำต้องใช้เวลานานหลายปีถึงจะสามารถกลายร่างเป็นร่างมนุษย์ได้
ชือฉิงได้แต่อาศัยนางที่เป็นพี่สาวเฝ้าเลี้ยงดูจนเติบโตขึ้นมา
ดังนั้นหลังจากที่ชือชิงทำเรื่องที่ผิดต่อนางเช่นนั้น ชือหลีจึงลงโทษนางอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายแล้วก็ยังเลือกที่จะให้อภัยนาง…..
ชือฉิงไม่รู้จักโลกภายนอก ถูกบุรุษหลอกลวงจนลุ่มหลง มอบหัวใจทั้งหมดให้ไป ทุกสิ่งที่นางทำลงไปล้วนเป็นเพราะถูกบุรุษเสเพลอย่างจีหร่านผู้นั้นหลอกลวง
ชือหลียังคงจดจำได้อยู่เสมอ ก่อนที่มารดาจะตายได้สั่งเสียให้นางคอยดูแลน้องสาวให้ดี
จะอย่างไรส่วนลึกในจิตใจของนางก็ยังคงคอยย้ำเตือนถึงความถูกพันทางสายเลือดนี้อยู่เสมอ
ดังนั้นนางจึงคิดจะหาทางนำดวงวิญญาณของชือฉิงกลับมายังเผ่ามังกรตะวันตก คิดจะเสาะหากระดูกมังกรของชือฉิง….ช่วยให้นางได้คืนร่างอีกครั้ง
ตอนนั้นหลังจากถูกถอดกระดูกมังกรออกไป นางก็ไม่เคยกลับมาที่เผ่ามังกรตะวันตกอีกเลย
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าการกลับมาครั้งนี้ จะบังเอิญพบกับเรื่องที่เผ่ามังกรทมิฬส่งคนมาสู่ขอเข้าพอดี
เผ่ามังกรทมิฬ……คือเผ่าที่โหดเ**้ยมและน่ากลัวที่สุดในหมู่เผ่ามังกร
พวกเขากระหายเลือดจนเป็ยนิสัย หลายหมื่นปีก่อน ถือเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่ากลัวที่สุดในใต้หล้า
ตอนมาเมื่อถูกเหล่าเทพเซียนร่วมมือกันกักขังเอาไว้ในทะเลลึกไร้ก้นบึ้ง ถึงได้แลกมาซึ่งความสงบสุขของใต้หล้า
แม้ว่าจะถูกกักเอาไว้ใต้ทะเลไร้ก้นบึ้ง แต่เมื่อเอ่ยถึงเผ่ามังกรทมิฬ เหล่ามังกรทะเลทั้งหลายก็ยังต้องครั่นคร้าม
เผ่ามังกรอื่นๆล้วนอยากหยิบยืมกำลังของเผ่ามังกรทมิฬ ดังนั้นจึงได้ทำพันธสัญญากับมังกรทมิฬ ทุกช่วงเวลาหลายปี ก็จะส่งมอบหญิงสาวบริสุทธิ์ไปเป็นบรรณนาการแก่เผ่ามังกรทมิฬ
จากนั้นก็จะได้รับพลังวิญญาณจากพวกทมิฬ มาคุ้มครองหรือเสริมความยิ่งใหญ่ให้กับเผ่าของตนเอง
ครั้งนี้ ถึงรอบของทะเลตะวันตกแล้ว
ฝ่ายโน่นระบุออกมาว่าต้องการตัวองค์หญิงทะเลตะวันตก
พอนางพึ่งจะกลับไปถึงวังมังกร ลู่กว่างก็แสดงท่าบิดาผู้อารีออกมา หลั่งน้ำตาบอกว่าอยากจะชดเชยให้กับนาง
หลิ่วฮุยก็ยิ่งปฏิบัติต่อนางเสมือนกับว่าเป็นบุตรสาวของตนเองก็ไม่ปาน….
แต่แล้วที่จริงกลับวางแผนเอาไว้
ผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่วันทั้งสองก็เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา พวกเขาต้องการให้นางแต่งไปยังเผ่ามังกรทมิฬแทนที่ลู่เวย
เฮอะ เฮอะ
พอนางไม่ยอม ถึงได้ถูกตะปูตรึงมังกรตอกตรึงเอาไว้กับเสาทองกลางตำหนัก
พอเพียงแค่เผ่ามังกรทมิฬส่งคนมารับ ก็จะให้นางแต่งออกไป
ในบรรดาของขวัญที่เผ่ามังกรทมิฬมอบให้ นอกจากไข่มุกและอัญมณีมากมายแล้ว ก็ยังมีพลังของเผ่ามังกรทมิฬ พลังนี้ถูกผนึกเอาไว้ในไข่มุกพลังวิญญาณ
หากได้รับพลังมาแม้จะเป็นเพียงแค่หนึ่งในร้อยส่วน แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เผ่ามังกรตะวันตกกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของใต้หล้านี้แล้ว
ใช่บุตรสาวที่ทอดทิ้งไปตั้งแต่เล็กแลกมาซึ่งของขวัญชิ้นใหญ่เช่นนี้ ย่อมดีงามราวกับได้เปล่า
ส่วนเรื่องแต่งบุตรสาว…..ถึงจะบอกว่าแต่งออกไป …..แต่ใครบ้างที่จะไม่รู้ เมื่อถูกส่งไปยังเผ่ามังกรทมิฬที่ถูกขังอยู่ในแดนไร้ตะวันตลอดกาล นั่นก็คือมีแต่ความตายเท่านั้น
ตลอดหลายปีมานี้ เหล่าสตรีเผ่ามังกรที่ ‘แต่ง’ ให้กับเผ่ามังกรทมิฬไป ไม่เคยมีใครได้กลับออกมาแม้แต่คนเดียว
พวกนางก็เหมือนกับของเล่นที่ถูกส่งไปทอดทิ้งเท่านั้น!
…………………….
ดัวนั้น เมื่อชือหลีได้ยินลู่กว่างเอ่ยออกมาว่าถือเป็น ‘บุญวาสนา’ จึงได้หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
“ ‘บุญวาสนา’เช่นนี้ กลับไม่ให่ลู่เวยได้รับไป ใช่ว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายหรือไม่?” มุมปากของนางยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา ในแววตามีแต่ความเย็นชา
พอชือหลีกล่าวจบ ก็ได้ยินเสียงกระดิ่งเงินลอยมาแต่ไกล
นางเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นมังกรสีทองงดงามจนที่ส่องประกายระยิบระยับเหาะเข้ามา
ยามที่เข้ามาในลานกว้างในตำหนักก็ยังจงใจว่ายวนอีกหนึ่งรอบ จากนั้นมังกรทองตัวนั้นจึงได้ร่อนลงตรงหน้านาง
มังกรทองตัวนั้นเชิดคางขึ้นสูง เขามังกรบนศีรษะเปล่งแสงสุกใสส่องประกายสว่างจ้า นางหยิ่งทนงราวกับลงมาจากบนสวรรค์ชั้นเก้า หลังเหลือบแลชือหลีอยู่พักใหญ่ก็ค่อยเปลี่ยนร่างกลายเป็นสาวน้อยในชุดสีทอง
รูปร่างหน้าตาของนางมีความคล้ายคลึงกับชือหลีอยู่สองส่วน เพียงแต่มีนัยตาสีทองที่หาได้ยาก
“ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็เป็นมังกรทองแล้ว ข้าคือความภาคภูมิใจของเผ่ามังกรทะเลตะวันตก โชควาสนาเช่นนั้นจึงไม่จะเป็นอีก พี่สาวเป็นคนที่น่าสงสาร จึงต้องการวาสนาที่ยิ่งใหญ่” สาวน้อยในชุดสีทองส่งยิ้มเย็นชาให้กับนาง
มังกรทอง ต่อให้นับรวมเผ่ามังกรทุกเผ่าเข้าด้วยกัน พันปีถึงจะมีขึ้นมาสักตัว
นับตั้งแต่นางถือกำเนิดขึ้นมา ก็ถือครองพลังวิญญาณมังกร ระดับการฝึกฝนจึงยิ่งกว้างหน้ากว่ามังกรอื่นๆมากมายนัก
มังกรทอง ถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากที่สุดในเผ่าพันธุ์มังกร เป็นสิ่งที่มังกรทุกตัวต่างต้องริษยา
นำเสียงของนางน่าฟังเป็นอย่างยิ่ง ไพเราะดุจดังสำเนียงของนางฟ้า ยามกระทบหูไม่ว่าผู้ใดล้วนเกิดความสนใจ มิว่านางพูดอะไรออกไป ต่างก็รู้สึกว่าน่าคล้อยตาม
ชือหลีไม่เคยได้ยินเสียงของใครที่น่าฟังเช่นนี้มาก่อน
ใบหน้าของนางถูกลู่กว่างตบจนบอบช้ำ ดวงตาข้างซ้ายถึงกับปูดบวมขึ้นมา เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวน้อยในชุดสีทองจึงกลายเป็นความแตกต่างดั่งมังกรทองกับงูดิน
“พระบิดาและพระมารดาส่งเจ้าไปแต่งกับเผ่ามังกรทมิฬ ก็เพื่อตัวเจ้าเอง เจ้าถูกถอดกระดูกมังกรไปแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติย่อมไม่มีโอกาสบินขึ้นไปถึงบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้อีก ไม่แน่ว่าแต่งให้กับเผ่ามังกรทมิฬแล้ว อาจจะยังพอมีโอกาสมีวาสนาอื่นอีกบ้าง”
สาวน้อยยังคงยิ้มหวานต่อไป ทั้งยังยื่นมืออกไปเชยใบหน้าของชือหลี นางออกจากเปลือกไข่ก่อนชือหลีหลายวัน
ตอนนั้นก่อนที่ลู่กว่างจะแต่งให้กับองค์หญิงตะวันตก ก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหลิ่วฮุยอยู่ก่อนแล้ว
ดังนั้นนางจึงถือกำเนิดขึ้นมาก่อนชือหลี และเนื่องเพราะว่านางคือมังกรทอง ทำให้ลู่กว่างยิ่งตัดสินใจอย่างแน่วแน่ มิว่าจะอย่างไรก็ต้องทำให้พวกนางแม่ลูกได้รับการยอมรับให้ได้
ชือหลีขมวดคิ้ว เบื้องหน้าออกไป เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาแตะต้องข้า”
หากมิใช่เพราะว่าตอนนั้นนางถูกถอดกระดูกมังกรออกไป ….นางย่อมไม่มีทางกลายเป็นเช่นนี้
สาวน้อยผู้นั้นก็มิได้โกรธเคือง มุมปากของนางยกขึ้น ค่อยๆดึงมือกลับไป จากนั้นก็เช็ดมือกับเสื้อผ้า ราวกับว่านางพึ่งจะไปสัมผัสกับสิ่งสกปรกมาอย่างไรอย่างนั้น
พอได้เห็สาวน้อยในชุดมังกรทอง ดวงพักตร์ของราชามังกรและฮองเฮาก็แช่มชื่นขึ้นมา
“เวยเออร์…..” ราชามังกรกวาดเนตรมาทางนาง ก็เห็นประกายสีทองบนร่างของนางเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมอีกหลายส่วน
ดวงเนตรของราชามังกรก็เปล่งประกายขึ้นในทันที “การฝึกฝนของเจ้าก้าวหน้าขึ้นมาอีกกว้างใหญ่แล้วหรือ ช่างทำให้บิดาภาคภูมิใจยิ่งนัก!”
เขายื่นหัตถ์ออกไปลูบไล้ศีรษะของนางเบาๆ ยามอยู่ต่อหน้าของชือหลีดวงพักตร์ของเขาความฝึนทนและชั่วร้าย แตกต่างกับตอนนี้ที่เปี่ยมไปด้วยความโปรดปรานรักใคร่อย่างที่สุด
ลู่เวยคลี่ยิ้มบางๆ นางงดงามอย่างอ่อนหวานกว่าชือหลี ดวงตาสีทองทั้งสองยิ่งสวยงามน่าดูอย่างที่สุด
คนที่อยู่บนเรือนับสิบลำล้วนถูกนางดูดกลืนจนหมดสิ้น แล้วพลังของนางจะไม่ก้าวหน้าได้อย่างไร?
อย่าว่าแต่บนเรือเหล่านั้นยังมีเหล่านักพรตอยู่ไม่น้อย
“ตั้งแต่เล็กๆแล้ว เวยเออร์ของพวกเราก็สามารถฝึกฝนได้รวดเร็วกว่าผู้อื่น ตอนนี้ในบรรดาผู้เยาว์ของเผ่ามังกร เกรงว่าไม่มีผู้ใดที่เหนือล้ำกว่านางไปได้อีก” ขณะที่เบือนหน้าไปทางราชามังกร ดวงพักตร์ของฮองเฮาหลิ่วฮุยเองก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“รอให้เผ่ามังกรทมิฬส่งไข่มุกพลังวิญญาณมา ก็ให้ลู่เวยดูดกลืนเข้าไปจนหมด ถึงตอนนั้นเผ่ามังกรตะวันตกของพวกเราก็จะสามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อีกครั้ง”
ราชามังกรพยักเศียรอย่างเห็นพ้องต้องกัน “ข้าอายุมากแล้ว พลังที่เผ่ามังกรทมิฬให้มาย่อมต้องมอบให้เวยเออร์ทั้งหมด”
กับลูกสาวคนนี้ เขาให้ความโปรดปรานอย่างไม่มีเงื่อนไข
แต่กลับไม่เคยคิดจะแบ่งปันน้ำใจนั้นไปให้กับลูกสาวอีกสองคนแม้แต่น้อย
อ๋อ….บางทีเขาอาจจะจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ ว่าตนเองยังมีลูกสาวที่ชื่อชือฉิงอยู่อีกคนหนึ่ง
เวลาผ่านมาก็เนิ่นนานปานนี้แล้ว เขาไหนเลยจะยังจดจำบุตรสาวที่พอพึ่งจะออกจากเปลือกไข่ก็ถูกถอดกระดูกมังกรออกไปได้กัน
“ใกล้แล้ว อีกเพียงแค่สามวัน เผ่ามังกรทมิฬก็จะส่งคนมารับตัวเลวร้ายนี่ไปแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะมอบไข่มุกพลังวิญญาณให้กับพวกเรา บิดาจะต้องส่งต่อให้เจ้าในทันที”
……………………………….
ตอนต่อไป “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าเวรกรรมมีจริง?”