ตอนที่ 117 พรแด่ผู้มีพรสวรรค์
มีการประชุมพิเศษเกิดขึ้นภายในห้องผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี!
หูเฟิงอวิ๋นนั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าจริงจัง “ดิฉันคิดว่าไป๋เยี่ยควรได้รับโอกาสและควรได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ เขาอายุแค่ยี่สิบสี่ปี แต่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันความรู้การแพทย์แผนจีน เขาพาสมาชิกทีมอีกเก้าคนจากมณฑลจิ้นซีของเราติดสิบอันดับแรกได้ ส่งผลต่อภาพลักษณ์เชิงบวกของมหาวิทยาลัยและการแพทย์แผนจีนในมณฑลของเรา เราไม่ควรมองข้ามความสามารถของเขานะคะ”
“ตอนแรกเขาเลือกเรียนต่อที่ไห่ซื่อ ทำให้ดิฉันคิดว่าหลักสูตรการแพทย์ของเรานั้นยังดีไม่เท่าไห่ซื่อจริงๆ ดิฉันคาดหวังว่าเขาจะได้รับการศึกษาที่ดีขึ้นจากที่นั่น ความสามารถของเขาจะไม่สูญเปล่า แต่ในเมื่อตอนนี้เขาถูกปฏิเสธแล้ว ในฐานะที่เราเป็นมหาวิทยาลัยเดิมของเขา เราควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อเขาสักหน่อยไหมคะ”
คำพูดของหูเฟิงอวิ๋นทรงพลังมาก การดำรงอยู่ในตำแหน่งสูงมาเป็นเวลานานทำให้คำพูดของเธอดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ทว่า…
หลี่เผยซั่ว เลขาธิการประจำคณะกรรมการบริหารของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีได้แต่นั่งถอนหายใจอยู่ข้างๆ “ใจเย็นก่อนนะครับผอ.หู ผมไม่ได้หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่…ตอนนี้เรายังตั้งข้อกำหนดแบบนั้นไม่ได้ครับ!”
“รู้ไหมครับว่าตอนนี้เป็นเวลาสำหรับอะไร ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยอื่นๆ จะสอบเสร็จหมดแล้ว แต่คะแนนของไป๋เยี่ยยังจัดว่าเป็นคะแนนที่สูงมาก! ขนาดว่าเรามีคนที่ได้คะแนนสูงอยู่ในมือ ก็ยังเกิดเคสปฏิเสธแบบนี้ขึ้นได้เลยครับ ถ้าเราหาช่องทางให้ไป๋เยี่ยได้ แล้วคุณจะให้เด็กๆ ที่ถูกปฏิเสธคนอื่นๆ ทำไงบ้างครับ คุณคิดว่ายังไง”
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคลอีกต่อไป มันกลายเป็นเรื่องของชื่อเสียงและการบริหารงานของมหาวิทยาลัยแล้ว! บอกผมทีว่าทั้งคุณและผมจะแบกรับเรื่องพวกนี้ยังไงไหว”
หูเฟิงอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจ “จริงๆ แล้ว…ดิฉันไม่ได้จะช่วยไป๋เยี่ย แต่ดิฉันกำลังจะช่วยมหาวิทยาลัยของพวกเราค่ะ!”
“มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีได้อันดับที่ห้าจากล่างสุดของบอร์ดอันดับมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนในประเทศ แถมยังไม่ติดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศด้วย มหาวิทยาลัยของเรามีปัญหายิ่งใหญ่เกี่ยวกับการพัฒนาจริงๆ ดิฉันกำลังมองโลกในแง่ดีอยู่นะคะ ดิฉันเชื่อว่าไป๋เยี่ยมีศักยภาพมากพอที่จะสร้างอนาคตอันสดใสให้กับมหาวิทยาลัยของเรา ถึงแม้จะกินเวลานาน แต่อย่างน้อยก็พอมีความหวังนะคะ!”
หลี่เผยซั่วขมวดคิ้วเป็นปม “ท่านผอ.กำลังแก้ปัญหาด้วยความรู้สึกส่วนตัวนะครับ คุณเป็นถึงผอ.ของนักศึกษานับพันนับหมื่นคน คุณจะอาศัยความเป็นป้าไปช่วยใครบางคนแค่คนเดียวแล้วทำลายเกียรติยศของมหาวิทยาลัยลงทั้งหมดไม่ได้นะครับ นั่นแหละ คือสิ่งที่ผมกำลังสื่อ มหาวิทยาลัยของเรามาถึงจุดนี้แล้ว เราจะทำลายชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยไม่ได้นะครับ!”
“อีกอย่าง! คุณกำลังชมไป๋เยี่ยมากเกินไป ไป๋เยี่ยอาจจะเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง แต่เราก็เห็นอัจฉริยะมาตั้งกี่คนแล้ว ยุคนี้ไม่ขาดแคลนอัจฉริยะหรอก ที่ขาดไปก็คือพวกที่เป็นอัจฉริยะตั้งแต่เกิดเท่านั้น ผอ.หู คุณต้องใจเย็นๆ ก่อนนะครับ เราจะปล่อยให้ไป๋เยี่ยเพียงคนเดียวมาทำลายชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยไม่ได้! แล้วถ้าไม่ใช่แค่ไป๋เยี่ย แต่ยังมีคนที่สองสามสี่ตามมาล่ะ”
หูเฟิงอวิ๋นกวาดตามองผู้คนรอบๆ “งั้นก็มาโหวตกันค่ะ ถ้าคุณเห็นด้วยกับการหาโอกาสให้ไป๋เยี่ย โปรดยกมือค่ะ”
ขณะนี้ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด ได้แก่ ผู้อำนวยการสาขา รองผู้อำนวยการ รองเลขาธิการเลขาธิการประจำคณะกรรมการบริหาร เลขาธิการประจำคณะกรรมการบริหารและผู้อำนวยการมหาวิทยาลัย รวมทั้งหมดสิบเจ็ดคน
เมื่อก่อนเวลาเจอเรื่องที่ตกลงกันไม่ได้ก็ต้องโหวตทั้งนั้น
หลังจากที่หูเฟิงอวิ๋นพูดจบ ทุกคนก็ทยอยยกมือขึ้นกัน หูเฟิงอวิ๋นกวาดตามองไปรอบๆ พบว่ามีคนยกให้แค่เจ็ดคน
รวมหูเฟิงอวิ๋นด้วยก็มีเพียงแปดคนเท่านั้น!
หมายความว่าพวกเขาจะไม่ให้โอกาสไป๋เยี่ย!
หูเฟิงอวิ๋นมองทุกคนก่อนจะถอนหายใจออกมา…มหาวิทยาลัยไม่ใช่ที่ที่จะพูดอะไรก็ได้ เธอพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็…ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
วันต่อมา มีคนเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับข้อเสนอของหูเฟิงอวิ๋นที่จะเปิดโอกาสให้ไป๋เยี่ยลงในฟอรัมของทางมหาวิทยาลัย
ฟอรัมของมหาวิทยาลัยกลับมาโด่งดังอีกครั้ง!
เดิมทีไป๋เยี่ยก็เป็นที่จับตามองอยู่แล้ว ทว่าหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เขาก็กลายเป็นเป้าหมายการวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชน!
“ทำไมล่ะ ทำไมเราต้องให้โอกาสไป๋เยี่ยด้วย! ปีที่แล้ว มีรุ่นพี่ของพวกเราสอบได้สี่ร้อยยี่สิบคะแนนแต่ก็สอบไม่ติดและทำเรื่องย้ายมหาวิทยาลัยไม่ทันด้วย ทีตอนนั้นไม่เห็นมีแบบนี้เลย! ทำไมต้องให้โอกาสไป๋เยี่ยด้วย! จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!”
“นั่นสิ พวกเราต้องได้รับโอกาสเท่าเทียมกันไม่ใช่เหรอ ถ้าให้โอกาสไป๋เยี่ยก็ให้โอกาสพวกเราด้วยสิ!”
“ถ้าให้โอกาสไป๋เยี่ย เราจะรายงานต่อกระทรวงศึกษาธิการ!”
“ใช่! ต่อต้านความอยุติธรรม เราต้องการความเท่าเทียม”
“ถ้าเขาเก่งจริงๆ เขาคงไม่ถูกเขี่ยทิ้งหรอกน่า”
ข่าวนั้นแพร่กระจายไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ไป๋เยี่ยแทบจะถูกปัดตกจากหอเกียรติยศของมหาวิทยาลัย ภาพลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของเขาป่นปี้ไม่มีชิ้นดี
ใครเด็กเรียน ใครนักเรียนดีเด่น ใครเป็นแชมป์การแข่งขันความรู้แพทย์แผนจีน ใครทำคะแนนสอบเข้าปริญญาโทได้มากที่สุด
ตอนนี้ทั้งหมดนั้นมันแหลกสลายไปเป็นฝุ่นผงแล้ว
นอกจากนี้ ตัวต้นเรื่องยังเปิดเผยรางวัลทั้งหมดที่ไป๋เยี่ยได้รับในปีนี้ รวมถึงทุนส่งเสริมการศึกษา ทุนเฟินจิ่ว และทุนนักเรียนดีเด่นด้วย ทั้งยังบอกว่าไป๋เยี่ยชอบโดดเรียนไปร้านอินเทอร์เน็ต ทุบตีอาจารย์ ฯลฯ ด้วย
พอพวกสอดรู้สอดเห็นที่เพิ่งเห็นข่าวนี้รู้เข้าก็รีบมาใส่ไฟทันที!
“พวกเราต้องการความยุติธรรมจากมหาวิทยาลัย! จะมีใครที่ไหนได้รางวัลเยอะขนาดนี้ในระยะเวลาแค่ปีเดียว!”
“ใช่แล้ว เราต้องการความเป็นธรรม เราต้องการความโปร่งใส เราต้องการใช้สิทธิ์ของเราบ้าง!”
ไป๋เยี่ยกลายเป็นศัตรูกับคนทั้งมหาวิทยาลัยทันที!
ผู้ติดตามเวยป๋อของไป๋เยี่ยก็น้อยลงเรื่อยๆ จนตอนนี้เขาเหลือผู้ติดตามอยู่เพียงสามพันสองร้อยกว่าคนเท่านั้น!
ไป๋เยี่ยไม่ได้ออกไปแสดงความคิดเห็นอะไรกับเรื่องนี้
ในเมื่อทุกคนคิดว่าเรื่องเป็นเช่นนั้น และคิดว่านี่คือการปิดฉากลงของไป๋เยี่ยแล้ว ก็คงต้องรอให้มีประกาศมายืนยันต่อหน้าสายตาของทุกคนเอง!
[ประกาศผลการคัดเลือกนักศึกษาปริญญาโทจากโรงพยาบาลผู่เจ๋อในเครือสถาบันแพทย์แผนจีนแห่งชาติ โดยหลิวป๋อหลี่ (ประกาศผลเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์)]
ระบบคิดคะแนนและตรวจสอบการรับสมัคร:
นักศึกษาระดับปริญญาโท:
ชื่อ: ไป๋เยี่ย คะแนนรวม: 304.1 คะแนน (คะแนนสอบเรียนต่อปริญญาโท 46.1 + คะแนนไอเอฟ 258 คะแนน) อันดับที่หนึ่ง ผ่านการคัดเลือก
ชื่อ: เหอไหลจือ คะแนนรวม: 55.6 คะแนน (คะแนนสอบเรียนต่อปริญญาโท 40.6 + คะแนนไอเอฟ 15 คะแนน) อันดับที่สอง คัดออก
ชื่อ…อันดับ…คัดออก
ระบบคิดคะแนนและตรวจสอบการรับสมัคร:
นักศึกษาระดับปริญญาเอก:
ชื่อ: หลี่ว์เฟิ่งเซียน คะแนนรวม: 59 คะแนน (คะแนนไอเอฟ 49 + คะแนนเข้าร่วมโครงการ 10 คะแนน) อันดับที่หนึ่ง ผ่านการคัดเลือก
ชื่อ: …………
หลิวป๋อหลี่ นักวิชาการจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ผู้อำนวยการสถาบันแพทย์แผนจีนแห่งชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลผู่เจ๋อและศาสตราจารย์รับเชิญประจำภาควิชาอายุรศาสตร์แพทย์แผนจีนของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนหนานไคและปักกิ่ง รวมถึงวิทยาลัยแพทย์ยูเนียนกำลังเปิดรับนักศึกษาอยู่ไม่ใช่หรือ
และไป๋เยี่ยก็คือคนที่ได้อันดับที่หนึ่ง!
ทำเอาทุกคนสับสนไปหมด!
ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วจนทั้งแวดวงการแพทย์แผนจีนทราบกันหมดแล้วภายในระยะเวลาแค่หนึ่งวัน
ชื่อ ‘ไป๋เยี่ย’ กลับมาอยู่ในสายตาของเหล่าผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์อีกครั้งหนึ่ง